เส้นทางหลบร้อน ปั่นในป่า เส้นทางที่ 3 น้ำเอ่อ ศาลเลาด้าห์ พุเตย (2/2) ตอนจบ

จุดหมายเราวันนี้ ศาลเลาห์ด้า


ต่อจากตอนที่แล้ว หลังจาก จบทริป บ้านน้ำเอ่อ เรา ก็มาพักที่อุทยานแห่งชาติพุเตย และที่อุทยานไม่มีอาหารขายนะคะ ใครจะมาต้องเตรียมอาหารมาให้พร้อมนะค มื้อค่ำนี้ เราทำอาหารเย็นกันเอง เด็ก ๆ ช่วยกันทำปิ้งย่างสนุกสนาน กันใหญ่เลยค่ะ วันนี้วันเกิดพี่ปิ่นซะด้วยเป่าเค้กกันสักหน่อย พี่ปิ่นอายุครบสิบสองแล้วค่ะ



          รุ่งเช้าวันใหม่ เราตื่นมา พร้อมกับความสดชื่นของอากาศในอุทยาน พวกผู้หญิง ต้มกาแฟ ทำข้าวต้ม ทรงเครื่อง และเตรียมอาหารสำหรับมื้อกลางวันเพื่อเตรียม ปิ๊กนิคกันในป่า ด้วย  เด็ก ๆ 5 คน วิ่งเล่น หยอกล้อกัน กลุ่มผู้ชายเตรียมจักรยาน




ยุ่งง่วน กันจนเวลา 9 โมงเช้า เราก็พร้อมออกปั่นกัน เราก็เริ่ม ต้นปั่นจากบ้านพัก แล้วเลี้ยวเบี่ยงซ้ายเข้าทางแทรก ซึ่งเป็นทางเก่า ที่เคยใช้ เพื่อไปอุทยานที่ 1 ซึ่งเป็นทางเดียวกันกับที่เมื่อวานตอนเช้าเราพยายามจะใช้เส้นทางนี้ในการมาอุทยานที่ 2 เจ้าหน้าที่ถามว่า เด็ก ๆ ตัวกะเปี๊ยก  จะปั่นไหวหรอ เราก็เลยชี้มือไปยังรถกระบะISUSU สีน้ำเงิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นรถเซอร์วิส ในวันนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่คลายกังวลว่า จะเอารถกระบะตามเข้าไปด้วยเผื่อเด็ก ๆ ปั่นไม่ไหว เส้นทางวันนี้ กินระยะทาง ไปกับ ประมาณ 30 โล แต่เป็นเส้นทาง ไต่เขา ค่อนข้างชัน เด็ก ๆ ไม่มึใครยอมแพ้ใคร ปั่นกันแก้มแดง โดยเฉพาะ รุ่นเล็ก น้องป่าน กับน้องเอิรน์ แข่งกันอย่างสนุกสนาน ยังโชคดีที่ป่าไผ่แถวนี้ร่มรื่นมากแสงแดดสามารถเล็ดลอดลงสู่พื้นดิน ได้เพียง 30% เท่านั้น ทำให้สภาพอากาศโดยรวมไม่ร้อน ดังเช่นฤดูร้อนที่ควรจะเป็น พี่ออย นำหน้าเลยค่ะ ตามด้วยน้องแซน และน้องเอิรน์ น้องป่าน และพี่ปิ่น มากับโกวเต้าฮวยตามด้วยน้าไก่ กุ๊กเทพประจำทริป ป้าเน๊ะ แม่ของน้องเอิรน์ และน้อง ออย สมาชิกใหม่ ปิดท้ายด้วยแม่ปุ้ม ตามเคย









          เส้นทาง ปั่นไม่ยาก ทางไม่ค่อยเรียบ แต่เป็นทางไต่เนิน ไต่เนิน และไต่เนิน มีทางลงเนินบ้างเล็กน้อย เล่นเอา เด็ก เหนื่อยจนแก้มแดง เส้นทางนี้ ขอแค่มีแรงปั่น ก็มาได้แล้วค่ะ ทักษะที่ต้องใช้คือการปรับเปลี่ยนเกียร์ตอนขึ้นเนินและรู้จักทรงตัวใช้เบรคให้เหมาะสมตอนลงเนิน เท่านั้นค่ะ มาชมภาพตอนเด็ก ๆ ลงเนินกันบ้างนะค๊ะ



          พาพันอยากรู้ทักษะการลงเนินนี้ หากเนินมีความลาดชันมาก ๆ บางครั้ง เราจะเบรคไม่อยู่ หรือไม่ล้อหลังก็จะปัด การปรับตำแหน่งนั่งบนอาน ช่วยได้มากค่ะ โดยให้นั่งเยื้องไปทางด้านหลังมากหน่อย เพื่อให้น้ำหนักกดไปที่ล้อหลังเวลาเบรคจะช่วยให้รถไม่ปัด หากเราปั่นบนถนน ลูกรัง การนั่งถูกตำแหน่ง ข้อนี้สำคัญมาก ช่วยลดอันตรายจากการเบรคปัด หรือเบรคไม่อยู่ได้ค่ะ การกำเบรคให้เบรคล้อหลังเป็นหลักนะค๊ะ(ส่วนมาก เบรคหลังจะเป็นเบรคด้านขวามือน๊ะค๊ะ รถแต่ละรุ่นอาจไม่เหมือนกันค่ะ)เพราะหากกำเบรคหน้า อาจจะทำให้ รถกับตัวผู้ขับตีลังกาได้ แนะนำเพิ่มเติมอีกนิด เวลา ปั่นลงเนิน ควรทิ้งน้ำหนักส่วนมากไว้บนกระได เพราะหาเกิดเหตุฉุกเฉิน เราจะล้มแบบยืนได้ ไม่ตีลังกาไปกับรถคะ
       ประหลาดใจประหลาดใจประหลาดใจ   มาดูภาพตอนเข็นกันบ้างค่ะ เนินนี้











         ปั่นบ้างเข็นบ้าง กันตามระเบียบ ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่เข็นกันทั่วหน้า ทักษะการขึ้นเนิน หากใช้เกียร์เป็นปรับเกียร์เหมาะสม ควงคาไปเรื่อย ๆ ก็จะสามารถปั่นขึ้นเนินได้สบาย ๆ ค่ะ หากเจอเนินชันที่มีความชันมากขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะต้องนั่งปลายเบาะ โน้มตัวไปด้านหน้า เพื่อ ป้องกันไม่ให้ล้อหน้ายกค่ะ


          เราปั่นกันจนถึงแยกทางขึ้นศาลเลาด่าห์ ระยะทาง เกือบ 10 กิโล กินเวลาเกือบเที่ยง พลังข้าวต้ม หมดไปเรียบร้อยแล้ว เราแวะเติมพลังด้วยเมนูที่เตรียมมา ประกอบด้วยผัดกระเพา ไข่ต้ม หมูทอด ตบท้ายด้วย แต่โมร่วมสาบาน เพราะ เราผ่าครึ่งซีกแจกช้อนคนละคันแบ่งกันตักกินอย่างสนุกสนาน
          อิ่มกันเสร็จสรรพเด็กรุ่นเล็ก น้องป่าน น้องเอิรน์ ขอขึ้นรถเซอร์วิส ผู้ใหญ่กับเด็กโต ปั่นต่อ กำลังจะเริ่มปั่นต่อ เอ๊ะ มีเพื่อนในป่าขอไปด้วยแฮ๊ะ แต่เสียใจ รถไม่มีที่ซ้อนท้าย เลยให้ไปไม่ได้ ดูสิ จับไว้บนพื้น ไม่ให้ไปนั่งมองหน้าเราซะงั้น



          การปั่นต่อของกลุ่มเด็กโต และผู้ใหญ่ เป็น ไปอย่างสนุกสนาน ไม่เหน็ดด้วยเพราะถนน กลายเป็นสีทอง เพราะแสงแดด อ่อน ๆ เบาบาง ส่องกระทบ ใบไผ่ สวยเกินกว่าจะบรรยายได้หมด จริงๆ  แถมยังมีลมพัดโชย กิ่งไผ่เสียดสีกัน ทำให้ อากาสเย็นสบายชมภาพบรรยากาศกันนะคะ



           จักรยานสองล้อทั้ง 14 คัน มุ่งหน้าไปยังสถานที่เมื่อ 20 ปีก่อนเคยมีเครื่องบินตก ถ้ายังจำกันได้ สายการบินเลาด่าห์แอร์ ตก ณ. จุดนี้ ผู้โดยสาร 230 คน เสียชีวิตทันทีที่นี่ บรรยากาศ ตอนนี้ เรารู้สึกโหวงเหวงบอกไม่ถูก ลมพัดเอื่อย ๆ กลายเป็นเย็น วูบ ๆ บรรยากาศมีหมอกจาง ๆ ลอย อันเนื่องจากคงจะมีไฟไหม้ป่าจากที่ใดสักแห่งหนึ่ง มองไปรอบ ๆ เห็นซาก เครื่องบิน ปีกเครื่องบิน ประกอบกับศาลพระภูมิตั้งเรียงกันมากมาย ชวนให้ขนลุก เป็นระยะ พวกผู้ชายเดินฝ่า ป่าไผ่ ไปสำรวจ ใกล้ ๆ กลับออกมาเล่าให้พวกเราฟังว่า ป่าไผ่ นี้ เดินออกนอกเส้นทาง 30 เมตร ก็กลายเป็นผาตัดแล้ว สวยงาม แต่ พวกผู้หญิง ที่เหลือไม่กล้าเดินเข้าไป





         ว่าแล้ว เราก็ชวน กันปั่นต่อดีกว่า แต่ก่อนจาก สถานที่แห่งนี้ไป เรายังไม่ลืมที่จะยืนไว้อาลัย เพื่อให้เกียรติ และทำความเคารพ ผู้โดยสารทั้ง 230 ที่ตีตั๋วมาพักยาวอย่างสงบ ณ. ที่แห่งนี้และยังต้องขอบคุณเหตุการณ์ เครื่องบินตกในวันนั้น เพราะมี อุบัติเหตุ ณ. ที่แห่งนี้ เราจึงมีเส้นทาง สวยงามแห่งนี้ให้ชื่นชม










          พอผ่าน ศาลเลาห์ด้า เด็ก โต พี่ปิ่น พี่ออย และ เด็กชายแซน ไปต่อได้อีกหน่อย ก็ไปไม่ไหว เพราะ ทางเริ่มชันขึ้นเรื่อย เพราะต้องเริ่มใช้เทคนิค ในการปั่นช่วย โดยการนั่งปลายเบาะ โน้มตัวไปข้างหน้า  เพื่อที่เวลาปั่นไม่ให้ล้อหน้ายก สาว ๆ  เริ่มหอบ เพราะต้องซอยขาถี่ ในการไต่เขาความชัน มากกว่า 12 องศา ประกอบกับถนน หินลอย ทำให้ ปั่นบ้าง เข็นบ้าง แต่ ก็สามารถไปชมถึงยัง จุดชมวิว เพื่อ ชมวิว แบบ พาโนราม่าได้ พักกินน้ำกันสักแป๊บ บางส่วนตัดสินใจ หันหัวรถขอกลับ ไปรอที่จุดทานอาหารกลางวัน บางคนไหว ก็ไปต่อ ตอนนี้ให้รถเซอร์วิสนำหน้า ไปดูลาดลาวด้านหน้า ที่จุดหมายปลายทาง สวนสน
          พวกที่ชอบความท้าทาย ขอไปต่อ ตอนนี้ ต้องบอกว่า ชั้น ชัน ชัน ชัน ขนาด ปั่นโน้มหน้าล้อหน้ายังยก เดิน ขึ้นยังไหลลง ก็เลยตัดสินใจปั่นกลับ กันหมด แต่ถือว่า โดยรวม สนุกสนาน มาก ๆ สำหรับเส้นทางสายนี้
ตื่นมาเช้า วันสุดท้ายของทริป นี้ พวกเรา ขับรถยนต์ ไปเพื่อชมบรรยากาศยามเช้าบ้านน้ำเอ่อ อีกครั้ง ตอนเช้าตรู่ ได้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าเส้นทางจากน้ำเอ่อ ปั่นเข้าไปหน่วยไกรเกรียง บรรยากาศสวยงามเราจึงวางแผน จะกลับมาที่น้ำเอ่อใหม่ รอติดตามชมทริปน้ำเอ่อ ไกรเกรียงได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่