สวัสดีครับ เนื่องจากหลายวันก่อน ไปกินร้านอาหาร ญี่ปุ่นร้านหนึ่ง ซึ่งขายโซบะ แล้วผมก็ไปพบกะสิ่งนี้เข้า.....
ซึ่งมันเป็นวิธีสอนการรับประทานโซบะอย่างถูกวิธี.... เล่นสอนตั้งแต่ ควรชิมเส้นก่อน จากนั้นจุ่มน้ำเพียง1/3 แล้วก็ผสมส่วนอื่นๆ เมื่อเส้นหมด เอาน้ำลวกเส้นผสม แล้วซด
แล้วข้าวแกงบ้านผมล่ะ กินยังไงล่ะเนี้ยะให้ถูกวิธี ผมก็เลยเริ่มนั่ง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (ตามหลักของกระทรวงศึกษาที่ได้มีการฝึกฝนผมในวัยเด็กมาเป็นอย่างดี ซึ่งคะแนนขั้นต่ำจะต้องมากกว่า7/10)
เพื่อสร้างวิธีการกินอย่างถูกต้องออกมา!!!!!
.
.
ผมจึงรีบไปที่ร้านข้าวแกงร้านประจำของผม ยืนมองกับข้าว ทุกอย่างที่มีขาย
(ใช้พาโนราม่าถ่าย เบี้ยวๆหน่อย)
ผมจึงเริ่มคิด.....
.
.
โดยจะแบ่งประเภทอาหารในร้านข้าวแกงได้ดังนี้
ข้าว... หัวใจสำคัญของร้านข้าวแกง สำหรับผม ร้านไหนข้าวอร่อย เอาไปก่อน6 คะแนน หลายร้านที่ผมไปกิน ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับพวก”กับข้าว” มากกว่าข้าวคนไทยกินข้าวเป็นอาหารหลัก ถ้าเทียบกับSteak หนึ่งจาน ข้าวคือ Steak กับข้าวคือ Side dish , sauce และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ทำให้อาหารจารนี้ Perfect!!!!
ต่อไปคือ เหล่า Side dish ของเรา
แกง.... ขาดไม่ได้สำหรับร้านข้าวแกง ซึ่งถ้าร้านข้าวแกงใดไร้ซึ่งแกงก็มิต่างจากสั่ง กะเพราไก่ไม่ใส่กะเพรา
ผัด.... ผัดผัก ผัดฟักทอง ผัดเผ็ด ผัดพริก กลุ่มอาหารประเภทผัด
ต้ม.... แกงจืดลูกชิ้น ต้มเยื่อไผ่ แกงจืดหน่อไม้
ทอด.... ปลาทอด หมูทอด ไก่ทอด
ผักสด และน้ำพริก!!!
.
.
เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า เข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์
เมื่อกี้เราเกริ่นไปแล้ว ข้าวก็เปรียบเหมือน อาหารจานหลักของเรา ร้านไหนใช้ข้าวดี ก็เท่ากับคุณภาพวัตถุดิบที่ดี
ผมจะบอกให้ละกันนะครับ ข้าวที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่กินมา ณ.ประเทศอันเป็นดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ผมยกให้ “ข้าวหอมมะลิสุรินทร์” เปรียบเทียบได้กะ เนื้อWagyu ที่มีไขมันแทรกทุกอณูของเนื้อ โดยที่ถ้านำเจ้าข้าวหอมสุรินทร์ผ่านการหุง ด้วยน้ำลอยดอกมะลิ ในปริมาณน้ำที่พอเหมาะ คุณจะพบสัมผัส ของเม็ดข้าวที่เรียงเม็ดกันอย่างสวยงาม ผิวภายนอกเม็ดข้าว ที่กระชับ เมื่อกัดผ่านผิวชั้นนอกก็จะเจอปุยนุ่นที่ซ่อนอยู่ภายในรวมถึงกลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ ที่หอมคละคลุ้งอบอวลอยู่ในปาก อื้มมมม.... อุย โทษครับๆ นอกเรื่องมาไกลเราไปต่อกันที่แกง...กันดีกว่านะครับ
(มาแล้ว Steak ของผม)
แกง.... ผมต้องบอกก่อนเลยนะครับ มันคือนางเอก ที่จะต้องเดินทางคู่กับพระเอกในหลายๆคำบนช้อนของเรา
โดยที่ การจะเลือกนางเอกเนี้ยะ อยู่ที่รสนิยมของผู้ทานล้วนๆ อย่างผมชอบเนียนๆ มีเนื้อมีหนัง แสบร้อนหน่อย
มื้อนี้จึงเลือกแกงหอยแครง
เสน่ห์ของ แกงไทย คือความสดของวัตถุดิบ อย่างเช่นกะทิ ในแกงหอยของผม ถ้าคุณได้ร้านที่ใช้กะทิสด คั้นแล้วแกงเลย คุณจะได้กลิ่มหอมของกะทิที่อบอวลอยู่ในแกง และรสชาติที่หวาน ในบางครั้งที่ผมได้เจอกะทิจากมะพร้าวดีๆเนี้ยะ แค่เอาไปแช่ตู้แช่แข็ง สักพัก เอามาขูดกินดู คุณจะได้พบกับความหวานมันพอดีรวมถึงกลิ่นกะทิที่อบอวลอยู่ในช่องปาก อู้วววว Perfect!!!!
ตอนนี้เรามี ข้าว กับ แกง ละ ต่อไปการจะเลือกเนี้ยะ เรามีความนุ่ม ความชุ่มฉ่ำแล้ว ต่อไปก็คงต้องเป็นเพื่อนพระเอก ซึ่งเพื่อนพระเอกคนนั้น ก็คือ ปลาดุกทอดผัดเผ็ด!!! คือสัมผัสที่3 คือความกรอบ แฝงด้วยความดุดัน ที่จะคอยช่วยสนันสนุนพระเอกที่นุ่มนวลของเรา เพราะ จะอยู่แต่กับนางเองตลาดก็คงมีแต่ความ นุ่ม นวล และแสบทรวงของนางเอง ก็จะทำให้มันน่าเบื่อไป ในอาหารจานนี้
มีพระเอก นางเอง เพื่อนพระเอก ต่อไปเพื่อนนางเอง มีนุ่มนวล ฉุ่มฉำ กรุบกรอบ ก็ต้องหวานแววสะหน่อย
ต่อไปที่ผมเลือกก็คือ หมูหวานนั่นเอง
เมื่อพระเอกเจอนางเอกแสบๆ บางครั้งก็ต้อง ให้ เพื่อนนางเอกช่วยลด ดีกรีความแสบของนางเอกบ้าง รวมถึงความแสบของเพื่อนพระเอกบ้าง
ตอนนี้ทุกคนเริ่มจะสังเกตได้ว่า แล้วผักล่ะ กินยังไงไม่มีผัก
อยู่ในชุด น้ำพริกผักสด ฟรีของที่นี่เอง
คือน้ำพริกผัก ก็เหมือนพ่อแม่เรา จากวลีที่ว่า” น้ำพริกถ้วยเก่า “ ก็แสดงให้รู้แล้วว่า ไหนพ่อไหนแม่
แม่ก็คือน้ำพริก แสบเหมือนกัน พ่อก็เป็นผัก คอยดับไฟ ดับพิษร้อน ต่างๆ รวมถึงเป็นสิ่งสำคัญ
เวลาทะเลาะกับนางเอก เพื่อน และคนอื่นๆ ก็มาหาครอบครัว น้ำพริก คือสิ่งที่เก็บไว้ได้นาน และพร้อมที่ต้อนรับเสมอ
เริ่มพอจะเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ
งั้นจะขอเข้าทฤษฎีละนะครับ มีคำกล่าวจากเชฟท่านนึงว่า "มีเปรี้ยวต้องมีหวาน มีหวานต้องมีเค็ม มีเค็มต้องมีเผ็ด มีเผ็ดต้องมีขม" และนี้คือความลับของวงการอาหารไทย!!!! คือการ ถ่วงความสมดุลของรสชาติอาหาร ไม่ให้โดดเด่นจนกินไม่ได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของอาหารแต่ละอย่าง
ซึ่งในจานเหล่านี้เราจะแยกแยะ รสชาติดังนี้
เปรี้ยว จะมาจากผัดเผ็ดปลาดุก ที่มีความเปรี้ยวจากมะขามเล็กน้อย และน้ำพริก
หวาน มาจากหมูหวานเพื่อนนางเอกของเรา
เค็ม มีแทรกในทุกอย่าง
เผ็ด คงไม่ต้องพูดถึง ทั้งนางเอกและเพื่อนพระเอก
ขม มาจากคุณพ่อ ที่เป็นเหล่าผักทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งในความขมของผักนั่น ก็จะแบ่งย่อยในการกินกับอาหารแต่ละประเภทอีกเช่นกัน (อันนี้ผมขอเก็บไป คิด วิเคราะห์ แยกแยะแล้วจะมาบอกนะครับ)
แล้วส่วนที่ สัมผัส ภายในจานที่จะ ควรจะมีก็ต้องหลากหลาย
ชุ่มฉ่ำ – น้ำแกง เพื่อให้ทานง่าย
กรอบ – มาจากปลาดุกทอด ผักสด
ความร่วนเบา – เนื้อปลาดุก
หนึบหนับ , เหนียวนุ่ม – เนื้อหอยลาย หมูหวาน
อ่อนนุ่ม – ข้าว อาจจะสงสัย ว่าทำไม ข้าวดูบทบาทน้อย ในความจริงแล้ว ข้าวเป็นจุดสูญกลางของ อาหารจานนี้ เพราะ ข้าวรวมถึงผักสด ค่อยปรับรสชาติ ความรุนแรงของ กลิ่น รส และสัมผัส
ซึ่งจากข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่าบรรพบุรุษของไทยเรามีพรสวรรค์ในการถ่วงความสมดุลของรสชาติอาหาร และสั่งสมภูมิปัญญาการนำวัตถุดิบแต่ละชนิดมาผสมผสานอย่างลงตัวจนเกิดเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้
ปล.สุดท้ายขอให้ สนุกกับการเลือกกับข้าวสำหรับร้านข้าวแกงนะครับ
เดี๋ยวขอไปสร้างUserเองก่อน อันนี้ยืมUserแฟนมาใช้ แล้วคอยติดตามเรื่องต่อไปนะครับ
[CR] แกงไทย VS โซบะ
ซึ่งมันเป็นวิธีสอนการรับประทานโซบะอย่างถูกวิธี.... เล่นสอนตั้งแต่ ควรชิมเส้นก่อน จากนั้นจุ่มน้ำเพียง1/3 แล้วก็ผสมส่วนอื่นๆ เมื่อเส้นหมด เอาน้ำลวกเส้นผสม แล้วซด
แล้วข้าวแกงบ้านผมล่ะ กินยังไงล่ะเนี้ยะให้ถูกวิธี ผมก็เลยเริ่มนั่ง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (ตามหลักของกระทรวงศึกษาที่ได้มีการฝึกฝนผมในวัยเด็กมาเป็นอย่างดี ซึ่งคะแนนขั้นต่ำจะต้องมากกว่า7/10)
เพื่อสร้างวิธีการกินอย่างถูกต้องออกมา!!!!!
.
.
ผมจึงรีบไปที่ร้านข้าวแกงร้านประจำของผม ยืนมองกับข้าว ทุกอย่างที่มีขาย
(ใช้พาโนราม่าถ่าย เบี้ยวๆหน่อย)
ผมจึงเริ่มคิด.....
.
.
โดยจะแบ่งประเภทอาหารในร้านข้าวแกงได้ดังนี้
ข้าว... หัวใจสำคัญของร้านข้าวแกง สำหรับผม ร้านไหนข้าวอร่อย เอาไปก่อน6 คะแนน หลายร้านที่ผมไปกิน ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับพวก”กับข้าว” มากกว่าข้าวคนไทยกินข้าวเป็นอาหารหลัก ถ้าเทียบกับSteak หนึ่งจาน ข้าวคือ Steak กับข้าวคือ Side dish , sauce และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ทำให้อาหารจารนี้ Perfect!!!!
ต่อไปคือ เหล่า Side dish ของเรา
แกง.... ขาดไม่ได้สำหรับร้านข้าวแกง ซึ่งถ้าร้านข้าวแกงใดไร้ซึ่งแกงก็มิต่างจากสั่ง กะเพราไก่ไม่ใส่กะเพรา
ผัด.... ผัดผัก ผัดฟักทอง ผัดเผ็ด ผัดพริก กลุ่มอาหารประเภทผัด
ต้ม.... แกงจืดลูกชิ้น ต้มเยื่อไผ่ แกงจืดหน่อไม้
ทอด.... ปลาทอด หมูทอด ไก่ทอด
ผักสด และน้ำพริก!!!
.
.
เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า เข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์
เมื่อกี้เราเกริ่นไปแล้ว ข้าวก็เปรียบเหมือน อาหารจานหลักของเรา ร้านไหนใช้ข้าวดี ก็เท่ากับคุณภาพวัตถุดิบที่ดี
ผมจะบอกให้ละกันนะครับ ข้าวที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่กินมา ณ.ประเทศอันเป็นดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ผมยกให้ “ข้าวหอมมะลิสุรินทร์” เปรียบเทียบได้กะ เนื้อWagyu ที่มีไขมันแทรกทุกอณูของเนื้อ โดยที่ถ้านำเจ้าข้าวหอมสุรินทร์ผ่านการหุง ด้วยน้ำลอยดอกมะลิ ในปริมาณน้ำที่พอเหมาะ คุณจะพบสัมผัส ของเม็ดข้าวที่เรียงเม็ดกันอย่างสวยงาม ผิวภายนอกเม็ดข้าว ที่กระชับ เมื่อกัดผ่านผิวชั้นนอกก็จะเจอปุยนุ่นที่ซ่อนอยู่ภายในรวมถึงกลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ ที่หอมคละคลุ้งอบอวลอยู่ในปาก อื้มมมม.... อุย โทษครับๆ นอกเรื่องมาไกลเราไปต่อกันที่แกง...กันดีกว่านะครับ
(มาแล้ว Steak ของผม)
แกง.... ผมต้องบอกก่อนเลยนะครับ มันคือนางเอก ที่จะต้องเดินทางคู่กับพระเอกในหลายๆคำบนช้อนของเรา
โดยที่ การจะเลือกนางเอกเนี้ยะ อยู่ที่รสนิยมของผู้ทานล้วนๆ อย่างผมชอบเนียนๆ มีเนื้อมีหนัง แสบร้อนหน่อย
มื้อนี้จึงเลือกแกงหอยแครง
เสน่ห์ของ แกงไทย คือความสดของวัตถุดิบ อย่างเช่นกะทิ ในแกงหอยของผม ถ้าคุณได้ร้านที่ใช้กะทิสด คั้นแล้วแกงเลย คุณจะได้กลิ่มหอมของกะทิที่อบอวลอยู่ในแกง และรสชาติที่หวาน ในบางครั้งที่ผมได้เจอกะทิจากมะพร้าวดีๆเนี้ยะ แค่เอาไปแช่ตู้แช่แข็ง สักพัก เอามาขูดกินดู คุณจะได้พบกับความหวานมันพอดีรวมถึงกลิ่นกะทิที่อบอวลอยู่ในช่องปาก อู้วววว Perfect!!!!
ตอนนี้เรามี ข้าว กับ แกง ละ ต่อไปการจะเลือกเนี้ยะ เรามีความนุ่ม ความชุ่มฉ่ำแล้ว ต่อไปก็คงต้องเป็นเพื่อนพระเอก ซึ่งเพื่อนพระเอกคนนั้น ก็คือ ปลาดุกทอดผัดเผ็ด!!! คือสัมผัสที่3 คือความกรอบ แฝงด้วยความดุดัน ที่จะคอยช่วยสนันสนุนพระเอกที่นุ่มนวลของเรา เพราะ จะอยู่แต่กับนางเองตลาดก็คงมีแต่ความ นุ่ม นวล และแสบทรวงของนางเอง ก็จะทำให้มันน่าเบื่อไป ในอาหารจานนี้
มีพระเอก นางเอง เพื่อนพระเอก ต่อไปเพื่อนนางเอง มีนุ่มนวล ฉุ่มฉำ กรุบกรอบ ก็ต้องหวานแววสะหน่อย
ต่อไปที่ผมเลือกก็คือ หมูหวานนั่นเอง
เมื่อพระเอกเจอนางเอกแสบๆ บางครั้งก็ต้อง ให้ เพื่อนนางเอกช่วยลด ดีกรีความแสบของนางเอกบ้าง รวมถึงความแสบของเพื่อนพระเอกบ้าง
ตอนนี้ทุกคนเริ่มจะสังเกตได้ว่า แล้วผักล่ะ กินยังไงไม่มีผัก
อยู่ในชุด น้ำพริกผักสด ฟรีของที่นี่เอง
คือน้ำพริกผัก ก็เหมือนพ่อแม่เรา จากวลีที่ว่า” น้ำพริกถ้วยเก่า “ ก็แสดงให้รู้แล้วว่า ไหนพ่อไหนแม่
แม่ก็คือน้ำพริก แสบเหมือนกัน พ่อก็เป็นผัก คอยดับไฟ ดับพิษร้อน ต่างๆ รวมถึงเป็นสิ่งสำคัญ
เวลาทะเลาะกับนางเอก เพื่อน และคนอื่นๆ ก็มาหาครอบครัว น้ำพริก คือสิ่งที่เก็บไว้ได้นาน และพร้อมที่ต้อนรับเสมอ
เริ่มพอจะเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ
งั้นจะขอเข้าทฤษฎีละนะครับ มีคำกล่าวจากเชฟท่านนึงว่า "มีเปรี้ยวต้องมีหวาน มีหวานต้องมีเค็ม มีเค็มต้องมีเผ็ด มีเผ็ดต้องมีขม" และนี้คือความลับของวงการอาหารไทย!!!! คือการ ถ่วงความสมดุลของรสชาติอาหาร ไม่ให้โดดเด่นจนกินไม่ได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของอาหารแต่ละอย่าง
ซึ่งในจานเหล่านี้เราจะแยกแยะ รสชาติดังนี้
เปรี้ยว จะมาจากผัดเผ็ดปลาดุก ที่มีความเปรี้ยวจากมะขามเล็กน้อย และน้ำพริก
หวาน มาจากหมูหวานเพื่อนนางเอกของเรา
เค็ม มีแทรกในทุกอย่าง
เผ็ด คงไม่ต้องพูดถึง ทั้งนางเอกและเพื่อนพระเอก
ขม มาจากคุณพ่อ ที่เป็นเหล่าผักทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งในความขมของผักนั่น ก็จะแบ่งย่อยในการกินกับอาหารแต่ละประเภทอีกเช่นกัน (อันนี้ผมขอเก็บไป คิด วิเคราะห์ แยกแยะแล้วจะมาบอกนะครับ)
แล้วส่วนที่ สัมผัส ภายในจานที่จะ ควรจะมีก็ต้องหลากหลาย
ชุ่มฉ่ำ – น้ำแกง เพื่อให้ทานง่าย
กรอบ – มาจากปลาดุกทอด ผักสด
ความร่วนเบา – เนื้อปลาดุก
หนึบหนับ , เหนียวนุ่ม – เนื้อหอยลาย หมูหวาน
อ่อนนุ่ม – ข้าว อาจจะสงสัย ว่าทำไม ข้าวดูบทบาทน้อย ในความจริงแล้ว ข้าวเป็นจุดสูญกลางของ อาหารจานนี้ เพราะ ข้าวรวมถึงผักสด ค่อยปรับรสชาติ ความรุนแรงของ กลิ่น รส และสัมผัส
ซึ่งจากข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่าบรรพบุรุษของไทยเรามีพรสวรรค์ในการถ่วงความสมดุลของรสชาติอาหาร และสั่งสมภูมิปัญญาการนำวัตถุดิบแต่ละชนิดมาผสมผสานอย่างลงตัวจนเกิดเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้
ปล.สุดท้ายขอให้ สนุกกับการเลือกกับข้าวสำหรับร้านข้าวแกงนะครับ
เดี๋ยวขอไปสร้างUserเองก่อน อันนี้ยืมUserแฟนมาใช้ แล้วคอยติดตามเรื่องต่อไปนะครับ