สวัสดีทุกคนค่ะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากระทู้แรกในพันทิบจะเป็นกระทู้พฤติกรรมแท๊กซี่บางคนที่น่าเอือมระอา เราขอเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้เลยนะคะ
เรากับเพื่อนขึ้นแท๊กซี่หน้าห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด รัชดา เวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง แท๊กซี่สีชมพู (ไม่แน่ใจว่ามีคาดขาวหรือไม่) เลขทะเบียน ทม-2011 จอดรถรับแจ้งจุดหมายปลายทางไปพระราม4 ซึ่งจะต้องมีการกลับรถ
เมื่อปิดประตูเรียบร้อย เราก็หันไปหาเพื่อนแล้วคุยกันตามปกติทั่วไป ใช้น้ำเสียงประมาณคุยกันในที่ทำงานต่อหน้าเจ้านาย (ขออธิบายชัดเจนนิดนึง เผื่อจะคิดว่าน้ำเสียงและประโยคที่เราคุยกับเพื่อนมันจะเกินขอบเขตความอดทนหรือเปล่า)
เรา : ร้อนเนอะ
เพื่อน : อืม ตอนนี้นะหน้ามีสิวผื่นเต็มเลย
เรา : ทำไมล่ะ เพราะอากาศร้อนเหรอ
เพื่อน : ไม่รู้เพราะฝุ่นหรือเปล่า มันเลยสกปรก
เรา : อ๋อ....
หลังจากนั้นเรากับเพื่อนก็เงียบไปสักครู่ เพื่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คราวนี้ก็ถึงตาตัวเอกออกโรง
คนขับแท๊กซี่ : ถ้าคนเคยนั่งรถผมจะรู้ว่าห้ามคุยกันบนรถผม
เรา : (เงียบ+งงอยู่) ส่วนเพื่อนเรานั่งคุยโทรศัพท์เบาๆ
คนขับ : คนขับต้องการสมาธิ mung ก็ยังคุยกัน kuไม่ไปแล้ว ไม่คิดค่าโดยสารด้วย
พูดจบก็ขับรถชิดซ้ายริมฟุตบาธเลยจากห้างสรรพสินค้าไม่ไกล แล้วก็เริ่มพูดในสิ่งที่ทำให้เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ยินกับคนที่เจอหน้ากันไม่ถึง 5 นาที
คนขับฯ : mung ลงจากรถ ku ไปเลยนะ คนไม่มีมารยาท ไม่ได้รับการสั่งสอนว่าห้ามคุยกันบนรถแท๊กซี่ รีบๆลงไปเลย ค่าโดยสายkuก็ไม่เอา ku รวย mung จะร้องเรียนหรือแจ้งความเลยก็ได้นะ ku ไม่กลัว ยัง...ยังไม่ลงอีก
เรากับเพื่อนมองหน้ากันแล้ว ไม่ได้พูดตอบโต้อะไรออกไปและด้วยความที่กำลังงง เราจึงใช้มือซ้ายเปิดประตู ซึ่งเปิดไม่ออก น่าจะติดล็อกก็เลยพยายามดึงล็อกอีกครั้ง
คนขับฯ : mung ยัง mung ยังจะช้าอีก เดี๋ยวkuลงจากรถไปเตะเลย
เรา : อะไรพี่ (พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา)
คบขับหันหน้ามาทำท่าเหมือนจะบีบคอเราได้ เอื้อมมือมาปลดล็อก เราผลักประตูเดินออกไป เพื่อนตามออกมาแล้วรีบเรียกเราให้ออกมาจากรถ
คนขับ ฯ พูดโดยใช้นำเสียงดังที่สุดกลางถนน ประหนึ่งจะประจานให้รู้ทั่วถนนรัชดาฯ
"นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่มีมารยาทคุยกันบนรถแท๊กซี่"
และแล้วผู้มีมารยาทก็ขึ้นรถขับออกไปแล้วไปจอดรถผู้โดยสารผู้ชายอีกหนึ่งคนต่อไป
จากเหตุการณ์นี้ เราเป็นคนกรุงเทพฯใช้บริการแท๊กซี่มากกว่าครึ่งชีวิต เคยเจอมาหลายรูปแบบ แต่ครั้งนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสที่สุด เพราะทั้งข่มขู่และไล่ลงจากรถกลางทาง โชคยังดีที่เป็นถนนใหญ่และไม่ไกลจากจุดขึ้นเดิมมากนัก หลังจากนั้นก็มีแท๊กซี่สีชมพูคาดเขียวจอดมารับเรากับเพื่อนกลับบ้าน เราจึงเล่าเรื่องให้พี่คนขับฟัง ได้รับคำแนะนำว่าให้แจ้ง สวพ.91 เราเลยโทรไปเรียบร้อย ส่วนช่องทางร้องเรียนแท๊กซี่ เพื่อนเราก็ดำเนินการเรียบร้อยเช่นกัน
ขอบคุณพี่ทองเสาร์ คนขับแท๊กซี่ผู้ใจดีที่ช่วยรับผู้โดยสารและให้คำแนะนำด้วยนะคะ ขอแจ้งเลขทะเบียนของพี่เขาไว้ เผื่อมีโอกาสได้ใช้บริการ ทษ-9933
เรานำประสบการณ์ครั้งนี้มาแชร์ให้ฟัง แต่ไม่สามารถบันทึกรูปและเสียงมาเป็นหลักฐานได้ แถมตรงจุดที่เรานั่งยังไม่ได้ทันสังเกตุป้ายชื่อคนขับอีกด้วย จำได้แต่รูปพรรณสัณฐานของคนขับ เป็นผู้ชายสูงประมาณ 175 ซม. ผิวเข้ม สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ
หากใครพบเจอหรือมีโอกาสได้เป็นผู้โดยสาร ก็อย่าไปคุยเสียงดังบนรถเขานะคะ เอ๊ย ไม่ใช่ ขอให้ระวังตัวด้วยนะคะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เดินทางตอนกลางคืน โดนแบบนี้อันตรายมากๆ
ขอตัวไปนอนก่อนค่ะ เพลียมาก เพิ่งเลิกงานแล้วยังเจอแบบนี้
เพิ่มเติม หากมีความคืบหน้าหลังจากร้องเรียนไป แม้ว่าเคสแบบนี้จะเยอะมากแล้วก็ตาม จะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ
พฤติกรรมแท๊กซี่ข่มขู่และไล่ผู้โดยสารลงกลางทาง โดนกับตัวเองสดๆร้อนๆ!!!
เรากับเพื่อนขึ้นแท๊กซี่หน้าห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด รัชดา เวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง แท๊กซี่สีชมพู (ไม่แน่ใจว่ามีคาดขาวหรือไม่) เลขทะเบียน ทม-2011 จอดรถรับแจ้งจุดหมายปลายทางไปพระราม4 ซึ่งจะต้องมีการกลับรถ
เมื่อปิดประตูเรียบร้อย เราก็หันไปหาเพื่อนแล้วคุยกันตามปกติทั่วไป ใช้น้ำเสียงประมาณคุยกันในที่ทำงานต่อหน้าเจ้านาย (ขออธิบายชัดเจนนิดนึง เผื่อจะคิดว่าน้ำเสียงและประโยคที่เราคุยกับเพื่อนมันจะเกินขอบเขตความอดทนหรือเปล่า)
เรา : ร้อนเนอะ
เพื่อน : อืม ตอนนี้นะหน้ามีสิวผื่นเต็มเลย
เรา : ทำไมล่ะ เพราะอากาศร้อนเหรอ
เพื่อน : ไม่รู้เพราะฝุ่นหรือเปล่า มันเลยสกปรก
เรา : อ๋อ....
หลังจากนั้นเรากับเพื่อนก็เงียบไปสักครู่ เพื่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คราวนี้ก็ถึงตาตัวเอกออกโรง
คนขับแท๊กซี่ : ถ้าคนเคยนั่งรถผมจะรู้ว่าห้ามคุยกันบนรถผม
เรา : (เงียบ+งงอยู่) ส่วนเพื่อนเรานั่งคุยโทรศัพท์เบาๆ
คนขับ : คนขับต้องการสมาธิ mung ก็ยังคุยกัน kuไม่ไปแล้ว ไม่คิดค่าโดยสารด้วย
พูดจบก็ขับรถชิดซ้ายริมฟุตบาธเลยจากห้างสรรพสินค้าไม่ไกล แล้วก็เริ่มพูดในสิ่งที่ทำให้เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ยินกับคนที่เจอหน้ากันไม่ถึง 5 นาที
คนขับฯ : mung ลงจากรถ ku ไปเลยนะ คนไม่มีมารยาท ไม่ได้รับการสั่งสอนว่าห้ามคุยกันบนรถแท๊กซี่ รีบๆลงไปเลย ค่าโดยสายkuก็ไม่เอา ku รวย mung จะร้องเรียนหรือแจ้งความเลยก็ได้นะ ku ไม่กลัว ยัง...ยังไม่ลงอีก
เรากับเพื่อนมองหน้ากันแล้ว ไม่ได้พูดตอบโต้อะไรออกไปและด้วยความที่กำลังงง เราจึงใช้มือซ้ายเปิดประตู ซึ่งเปิดไม่ออก น่าจะติดล็อกก็เลยพยายามดึงล็อกอีกครั้ง
คนขับฯ : mung ยัง mung ยังจะช้าอีก เดี๋ยวkuลงจากรถไปเตะเลย
เรา : อะไรพี่ (พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา)
คบขับหันหน้ามาทำท่าเหมือนจะบีบคอเราได้ เอื้อมมือมาปลดล็อก เราผลักประตูเดินออกไป เพื่อนตามออกมาแล้วรีบเรียกเราให้ออกมาจากรถ
คนขับ ฯ พูดโดยใช้นำเสียงดังที่สุดกลางถนน ประหนึ่งจะประจานให้รู้ทั่วถนนรัชดาฯ
"นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่มีมารยาทคุยกันบนรถแท๊กซี่"
และแล้วผู้มีมารยาทก็ขึ้นรถขับออกไปแล้วไปจอดรถผู้โดยสารผู้ชายอีกหนึ่งคนต่อไป
จากเหตุการณ์นี้ เราเป็นคนกรุงเทพฯใช้บริการแท๊กซี่มากกว่าครึ่งชีวิต เคยเจอมาหลายรูปแบบ แต่ครั้งนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสที่สุด เพราะทั้งข่มขู่และไล่ลงจากรถกลางทาง โชคยังดีที่เป็นถนนใหญ่และไม่ไกลจากจุดขึ้นเดิมมากนัก หลังจากนั้นก็มีแท๊กซี่สีชมพูคาดเขียวจอดมารับเรากับเพื่อนกลับบ้าน เราจึงเล่าเรื่องให้พี่คนขับฟัง ได้รับคำแนะนำว่าให้แจ้ง สวพ.91 เราเลยโทรไปเรียบร้อย ส่วนช่องทางร้องเรียนแท๊กซี่ เพื่อนเราก็ดำเนินการเรียบร้อยเช่นกัน
ขอบคุณพี่ทองเสาร์ คนขับแท๊กซี่ผู้ใจดีที่ช่วยรับผู้โดยสารและให้คำแนะนำด้วยนะคะ ขอแจ้งเลขทะเบียนของพี่เขาไว้ เผื่อมีโอกาสได้ใช้บริการ ทษ-9933
เรานำประสบการณ์ครั้งนี้มาแชร์ให้ฟัง แต่ไม่สามารถบันทึกรูปและเสียงมาเป็นหลักฐานได้ แถมตรงจุดที่เรานั่งยังไม่ได้ทันสังเกตุป้ายชื่อคนขับอีกด้วย จำได้แต่รูปพรรณสัณฐานของคนขับ เป็นผู้ชายสูงประมาณ 175 ซม. ผิวเข้ม สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ
หากใครพบเจอหรือมีโอกาสได้เป็นผู้โดยสาร ก็อย่าไปคุยเสียงดังบนรถเขานะคะ เอ๊ย ไม่ใช่ ขอให้ระวังตัวด้วยนะคะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่เดินทางตอนกลางคืน โดนแบบนี้อันตรายมากๆ
ขอตัวไปนอนก่อนค่ะ เพลียมาก เพิ่งเลิกงานแล้วยังเจอแบบนี้
เพิ่มเติม หากมีความคืบหน้าหลังจากร้องเรียนไป แม้ว่าเคสแบบนี้จะเยอะมากแล้วก็ตาม จะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ