วันนี้ประมาณช่วงหัวค่ำ มีความจำเป็นต้องนั่งแท๊กซี่คนเดียวจากที่บริษัทลูกค้าเพื่อกลับบ้าน (เรียก Grab Taxi)
มีช่วงที่ต้องเข้าซอยมืดอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นซอยทางลัดไม่ต้องไปอ้อมไกล
และโดนแท๊กซี่พูดจาไม่ดีใส่ค่ะ
ตอนแรกก็ถามเราว่าแฟนไม่ว่าหรอทำงานเลิกช้าขนาดนี้
เราก็รู้สึกแปลกๆ นี่คือคำถามปกติที่แท๊กซี่ใช้พูดกับลูกค้าหรอ
เราตอบไปเป็นห่วงบ้าง
พอถึงทางที่เป็นซอยมืด เแท๊กซี่พูดขึ้นมาว่า ซอยเปลี่ยวแบบนี้จอดมั้ย
ในใจตอนนั้นเรากลัวแล้ว แต่พยามยามตั้งสติ ใจดีสู้เสือไป
บอกไม่จอดค่ะ แท๊กซี่ยังพูดตลอดเวลา ถามว่ากลัวมั้ยมาซอยเปลี่ยวแบบนี้
เราก็พยายามบอกว่ามันไม่เปลี่ยวนะ มันมีบ้านคน มีอู่แท๊กซี่ มีหอพัก แต่วันนี้มันแค่มืดเฉยๆ
พอพ้นจากซอยเข้าถนนใหญ่มาเรานึกว่าแท๊กซี่จะไม่พูดอะไรอีก
แต่เขายังถามพรุ่งนี้มาทำงานที่นี่อีกมั้ย เดี๋ยวมารับเลย
เราบอกไม่ต้อง แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย บอกว่าเลนข้างนอกรถติด เขาก็บอกว่า
จอดมั้ยล่ะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว เราก็บอกไปไม่ต้องๆ
ตอนนั้นเรากดไลน์หาเพื่อนว่าเดี๋ยวโทรไปคุยด้วยนะแต่พอจะวางสายไม่ต้องวางนะ
เราก็โทรหาเพื่อนแล้วคุยกับเพื่อน และพยายามบอกเพื่อนว่าตอนนี้เราถึงไหนๆแล้ว
และถือโทรศัพท์ไว้
(พอกลับถึงบ้านเราพึ่งนึกขึ้นได้ ว่าทำไมไม่ทำเป็นคุยกับเพื่อนไปตลอดทาง แท๊กซี่อาจจะไม่พูดกับเราก็ได้
แต่ในใจตอนนั้น เราคิดว่าถ้าคุยกับเพื่อนแล้ว แท๊กซี่อาจเห็นว่าเราไม่มีสติ แล้วเลี้ยวไปทางอื่น )
ตอนเราถือโทรศัพท์ไว้ แต่เพื่อนยังอยู่ในสายอยู่
แท๊กซี่ก็พูดกับเราอีกถามว่าจอดมั้ย กลัวมั้ยเนี่ย
เรากลัวมากเลยนะตอนนั้น แต่เราใดีสู้เสือไป บอกไปไม่ต้องจอดอีกเดี๋ยวจะถึงแล้ว
แท๊กซี่บอกว่ารู้อย่างนี้จอดตั้งแต่ซอยเปลี่ยวนั่นดีกว่า
เราตกใจ ไม่รู้เขาพูดเล่นหรือพูดจริง
ก็หัวเราะแล้วถามไปว่าพี่พูดเล่นใช่มั้ย
ตอนนั้นใกล้ถึงบ้านแล้ว
เขายังถามเราอีกว่าพรุ่งนี้มารับเอามั้ย
เราตอบไปว่าไม่ต้อง
คือเขาพูดอะไรมาจะปฎิเสธไปทุกอย่าง
เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเรียกว่า
โดนแท๊กซี่ลวนลามได้มั้ย สำหรับคนอื่น
แต่สำหรับเรา เรารู้สึกว่าโดนลวนลาม
คำพูดที่พูดกับเรา เช่น มีแฟนหรือยัง ได้กับแฟนยัง อยู่กับแฟนหรือเปล่า
ตอนนั้นเราคิดอะไรไม่ออก ได้แต่หัวเราะแล้วตอบไปว่าทำไมพี่ถามแบบนี้
แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
แต่เขาก็ยังวกกลับมาเรื่องซอยเปลี่ยว พูดแบบรู้อย่างนี้น่าจะจอด
ตอนนั้นเราหยิบปากกาในกระเป๋ามาถือไว้แล้ว
แฟนบอกว่าให้พกปากกาไว้ถ้ามันจะทำอะไรเราให้เอาปากกาทิ่มมันเลย
มันก็ยังพูดอีก เราเผลอไปกดปากกา มันเป็นปากกาแบบกด เราเผลอไปกดรัวๆ มันมีเสียงแบบคนกดปากกา
แท๊กซี่ก็เงียบไปพักนึง พอใกล้ถึงบ้านแท๊กซี่ยังพูดต่อว่าพรุ่งนี้ให้มารับมั้ย
เราปฏิเสธไปทุกอย่าง
อยากด่ามากเลยนะตอนนั้นอ่ะ
แต่กลัวแท๊กซี่โมโห แล้วเรื่องมันจะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่
พอถึงบ้านเรียบร้อย เพื่อนที่เราโทรหาตลอด ก็บอกให้เราโทรไปร้องเรียนเลย
ถึงตอนนี้เรายังไม่กล้าาร้องเรียนเลย เพราะอ่านกระทุ้ในพันทิป นี่แหละ
ที่ร้องเรียนแท๊กซี่แล้ว แท๊กซี่โทรกลับมาข่มขู่
เพื่อนก็บอกว่าแกไม่น่าให้มันมาส่งที่บ้านเลย
มันรู้บ้านแกแล้ว จะร้องเรียนมันก็อันตราย
คือแบบเรารู้สึกแย่มากๆ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนึ้ขึ้นกับเรา
มันรู้สึกขยะแขยง รู้สึกรังเกียจ
เราเกลียดแท๊กซี่คันนั้น
เรามาทำงานที่กรุงเทพ เช่าบ้านอยู่ พ่อกับแม่เราอยู่ต่างจังหวัด
เราไม่กล้าเล่าให้ท่านฟัง กลัวท่านเป็นห่วง
เราอยากระบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นบนรถแท๊กซี่คันนั้น
ขยะแขยง ไม่อยากให้ใครมาเจอแบบเราอีก
เราอยากโทรหาแฟนมากตอนอยู่บนรถแท๊กซี่
อย่างน้อยก็รู้สึกอุ่นใจ ว่ามีคนรับรู้ชะตาชีวิตเรา
แต่ความซวยมันอยู่ที่ แฟนเราพึ่งไปทำงานที่ญี่ปุ่น
พอกลับถึงบ้าน เรารีบวีดิโอคอลไปหาแฟน ซึ่งแฟนก็รอเราอยู่
มันเป็นความรู้สึกที่อัดอั้น เราร้องไห้ออกมา
ในหัวเราคิดแต่ว่า ถ้าแท๊กซี่มันจอดจริงๆ เราจะทำยังไง
เราจะโดนมันข่มขืนแล้วฆ่าตายมั้ย
พอคิดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหล
ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ว่ะ
แฟนเราโมโหมาก แล้ววบอกให้ร้องเรียน
เราอยากร้องเรียนนะ เพื่อไม่ให้มันไปเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นอีก
เราพยายามตั้งสติอย่างมาก ทั้งๆที่ในใจเรากลัวมาก
ฝากไปถึงแท๊กซี่ทุกคนนะค่ะ
ว่าอย่าทำแบบนี้กับผู้โดยสารคนไหนเลย คิดบ้างว่าถ้าเป็นลูกหลานเราโดน จะรู้สึกยังไง
แท๊กซี่ดีๆที่เราเคยขึ้นก็มีเยอะ
แต่แท๊กซี่คันนี้ บอกเลย มารยาททรามมาก ไม่สมควรมาเป็นคนขับรถสาธารณะ
เราไปอ่านเจอข่าวแท๊กซี่ลวนลามผู้หญิง
แล้วโดนค่าปรับแค่500
เราโกรธมาก ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราวันนี้ และบทลงโทษที่แสนจะเบา
ความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นกับผู้โดนสาร มีมูลค่าแค่ 500 บาทเองหรือ
ตอนนี้เราโอเคขึ้นแล้ว
แต่ก็ยังมีความรู้สึกแย่ๆ รู้สึกโกรธ รู้สึกเกลียด แท๊กซี่คันนั้น
และคงไม่กล้านั่งแท๊กซี่คนเดียวตอนกลางคืนอีก
ควรร้องเรียนแท๊กซี่ดีไหม ถ้าโดนแท๊กซี่พูดจาลวนลามใส่ แล้วแท๊กซี่รู้จักบ้าน
มีช่วงที่ต้องเข้าซอยมืดอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นซอยทางลัดไม่ต้องไปอ้อมไกล
และโดนแท๊กซี่พูดจาไม่ดีใส่ค่ะ
ตอนแรกก็ถามเราว่าแฟนไม่ว่าหรอทำงานเลิกช้าขนาดนี้
เราก็รู้สึกแปลกๆ นี่คือคำถามปกติที่แท๊กซี่ใช้พูดกับลูกค้าหรอ
เราตอบไปเป็นห่วงบ้าง
พอถึงทางที่เป็นซอยมืด เแท๊กซี่พูดขึ้นมาว่า ซอยเปลี่ยวแบบนี้จอดมั้ย
ในใจตอนนั้นเรากลัวแล้ว แต่พยามยามตั้งสติ ใจดีสู้เสือไป
บอกไม่จอดค่ะ แท๊กซี่ยังพูดตลอดเวลา ถามว่ากลัวมั้ยมาซอยเปลี่ยวแบบนี้
เราก็พยายามบอกว่ามันไม่เปลี่ยวนะ มันมีบ้านคน มีอู่แท๊กซี่ มีหอพัก แต่วันนี้มันแค่มืดเฉยๆ
พอพ้นจากซอยเข้าถนนใหญ่มาเรานึกว่าแท๊กซี่จะไม่พูดอะไรอีก
แต่เขายังถามพรุ่งนี้มาทำงานที่นี่อีกมั้ย เดี๋ยวมารับเลย
เราบอกไม่ต้อง แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย บอกว่าเลนข้างนอกรถติด เขาก็บอกว่า
จอดมั้ยล่ะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว เราก็บอกไปไม่ต้องๆ
ตอนนั้นเรากดไลน์หาเพื่อนว่าเดี๋ยวโทรไปคุยด้วยนะแต่พอจะวางสายไม่ต้องวางนะ
เราก็โทรหาเพื่อนแล้วคุยกับเพื่อน และพยายามบอกเพื่อนว่าตอนนี้เราถึงไหนๆแล้ว
และถือโทรศัพท์ไว้
(พอกลับถึงบ้านเราพึ่งนึกขึ้นได้ ว่าทำไมไม่ทำเป็นคุยกับเพื่อนไปตลอดทาง แท๊กซี่อาจจะไม่พูดกับเราก็ได้
แต่ในใจตอนนั้น เราคิดว่าถ้าคุยกับเพื่อนแล้ว แท๊กซี่อาจเห็นว่าเราไม่มีสติ แล้วเลี้ยวไปทางอื่น )
ตอนเราถือโทรศัพท์ไว้ แต่เพื่อนยังอยู่ในสายอยู่
แท๊กซี่ก็พูดกับเราอีกถามว่าจอดมั้ย กลัวมั้ยเนี่ย
เรากลัวมากเลยนะตอนนั้น แต่เราใดีสู้เสือไป บอกไปไม่ต้องจอดอีกเดี๋ยวจะถึงแล้ว
แท๊กซี่บอกว่ารู้อย่างนี้จอดตั้งแต่ซอยเปลี่ยวนั่นดีกว่า
เราตกใจ ไม่รู้เขาพูดเล่นหรือพูดจริง
ก็หัวเราะแล้วถามไปว่าพี่พูดเล่นใช่มั้ย
ตอนนั้นใกล้ถึงบ้านแล้ว
เขายังถามเราอีกว่าพรุ่งนี้มารับเอามั้ย
เราตอบไปว่าไม่ต้อง
คือเขาพูดอะไรมาจะปฎิเสธไปทุกอย่าง
เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเรียกว่า
โดนแท๊กซี่ลวนลามได้มั้ย สำหรับคนอื่น
แต่สำหรับเรา เรารู้สึกว่าโดนลวนลาม
คำพูดที่พูดกับเรา เช่น มีแฟนหรือยัง ได้กับแฟนยัง อยู่กับแฟนหรือเปล่า
ตอนนั้นเราคิดอะไรไม่ออก ได้แต่หัวเราะแล้วตอบไปว่าทำไมพี่ถามแบบนี้
แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
แต่เขาก็ยังวกกลับมาเรื่องซอยเปลี่ยว พูดแบบรู้อย่างนี้น่าจะจอด
ตอนนั้นเราหยิบปากกาในกระเป๋ามาถือไว้แล้ว
แฟนบอกว่าให้พกปากกาไว้ถ้ามันจะทำอะไรเราให้เอาปากกาทิ่มมันเลย
มันก็ยังพูดอีก เราเผลอไปกดปากกา มันเป็นปากกาแบบกด เราเผลอไปกดรัวๆ มันมีเสียงแบบคนกดปากกา
แท๊กซี่ก็เงียบไปพักนึง พอใกล้ถึงบ้านแท๊กซี่ยังพูดต่อว่าพรุ่งนี้ให้มารับมั้ย
เราปฏิเสธไปทุกอย่าง
อยากด่ามากเลยนะตอนนั้นอ่ะ
แต่กลัวแท๊กซี่โมโห แล้วเรื่องมันจะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่
พอถึงบ้านเรียบร้อย เพื่อนที่เราโทรหาตลอด ก็บอกให้เราโทรไปร้องเรียนเลย
ถึงตอนนี้เรายังไม่กล้าาร้องเรียนเลย เพราะอ่านกระทุ้ในพันทิป นี่แหละ
ที่ร้องเรียนแท๊กซี่แล้ว แท๊กซี่โทรกลับมาข่มขู่
เพื่อนก็บอกว่าแกไม่น่าให้มันมาส่งที่บ้านเลย
มันรู้บ้านแกแล้ว จะร้องเรียนมันก็อันตราย
คือแบบเรารู้สึกแย่มากๆ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนึ้ขึ้นกับเรา
มันรู้สึกขยะแขยง รู้สึกรังเกียจ
เราเกลียดแท๊กซี่คันนั้น
เรามาทำงานที่กรุงเทพ เช่าบ้านอยู่ พ่อกับแม่เราอยู่ต่างจังหวัด
เราไม่กล้าเล่าให้ท่านฟัง กลัวท่านเป็นห่วง
เราอยากระบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นบนรถแท๊กซี่คันนั้น
ขยะแขยง ไม่อยากให้ใครมาเจอแบบเราอีก
เราอยากโทรหาแฟนมากตอนอยู่บนรถแท๊กซี่
อย่างน้อยก็รู้สึกอุ่นใจ ว่ามีคนรับรู้ชะตาชีวิตเรา
แต่ความซวยมันอยู่ที่ แฟนเราพึ่งไปทำงานที่ญี่ปุ่น
พอกลับถึงบ้าน เรารีบวีดิโอคอลไปหาแฟน ซึ่งแฟนก็รอเราอยู่
มันเป็นความรู้สึกที่อัดอั้น เราร้องไห้ออกมา
ในหัวเราคิดแต่ว่า ถ้าแท๊กซี่มันจอดจริงๆ เราจะทำยังไง
เราจะโดนมันข่มขืนแล้วฆ่าตายมั้ย
พอคิดได้แค่นั้น น้ำตาก็ไหล
ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ว่ะ
แฟนเราโมโหมาก แล้ววบอกให้ร้องเรียน
เราอยากร้องเรียนนะ เพื่อไม่ให้มันไปเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นอีก
เราพยายามตั้งสติอย่างมาก ทั้งๆที่ในใจเรากลัวมาก
ฝากไปถึงแท๊กซี่ทุกคนนะค่ะ
ว่าอย่าทำแบบนี้กับผู้โดยสารคนไหนเลย คิดบ้างว่าถ้าเป็นลูกหลานเราโดน จะรู้สึกยังไง
แท๊กซี่ดีๆที่เราเคยขึ้นก็มีเยอะ
แต่แท๊กซี่คันนี้ บอกเลย มารยาททรามมาก ไม่สมควรมาเป็นคนขับรถสาธารณะ
เราไปอ่านเจอข่าวแท๊กซี่ลวนลามผู้หญิง
แล้วโดนค่าปรับแค่500
เราโกรธมาก ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราวันนี้ และบทลงโทษที่แสนจะเบา
ความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นกับผู้โดนสาร มีมูลค่าแค่ 500 บาทเองหรือ
ตอนนี้เราโอเคขึ้นแล้ว
แต่ก็ยังมีความรู้สึกแย่ๆ รู้สึกโกรธ รู้สึกเกลียด แท๊กซี่คันนั้น
และคงไม่กล้านั่งแท๊กซี่คนเดียวตอนกลางคืนอีก