พรเพชร แจง บิ๊กตู่ ใช้ ม.44 ทำประชามติไม่ได้ ต้องใช้ รธน.ม.46 แทน
...นายพรเพชร กล่าวว่า มาตรา 46 มันมีฤทธิ์เดชมาก เมื่อมีฤทธิ์เดชมาก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว)
จึงต้องเกิดจากความร่วมมือของคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ที่จะต้องพิจารณาร่วมกัน จากนั้นจึงต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย องค์กรอื่นนอกเหนือจาก 3 องค์กรนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ดังนั้น การระบุว่า
จะให้นายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา 44 แก้ไขให้มีการทำประชามติ จึงไม่ถูกต้อง...
...ส่วนตัวเห็นด้วยกับการทำประชามติหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ตนเป็นผู้พิจารณา คงตอบไม่ได้
เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปัจจัยที่ 3 องค์กร ต้องพิจารณา
ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1430377709
เมื่อเสียงเรียกร้องให้ทำประชามติดังขึ้น ๆ
เมื่อมีเสียงให้หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งให้ทำประชามติดังขึ้น ๆ
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ให้คณะกรรมาธิการร่าง รธน. กับ สชป. ไปพิจารณาว่าจะทำประชามติหรือไม่
นายพรเพชร ในฐานะประธาน สนช. ก็ออกมาบิดเบือนฉ้อฉลตัวบทกฎหมายทันที
แบบเลียแข้งเลียขา
ทำเป็นปกป้องหัวหน้า คสช. ในเรื่องมาตรา 44 ว่าไม่สามารถทำได้ ต้องรัฐบาล คสช. สนช. สามองค์กรทำ
ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี
(โปรดสังเกตคำให้สัมภาษณ์ของนายพรเพชรนะครับ พยายามเลี่ยงบาลี ด้วยการใช้คำพูดว่า
นายกฯไม่มีอำนาจ ไม่ใช่นายกฯ ทั้งที่มาตรา 44 นั้น เป็นเรื่องอำนาจของหัวหน้า คสช.)
มาดูรัฐธรรมนูญสองมาตรานี้กันครับ
คือมาตรา 44 ที่ให้อำนาจหัวหน้า คสช. ทั้งทางบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ
กับมาตรา 46 ที่นายพรเพชรอ้างว่า มีฤทธิ์เดชมาก จนหัวหน้า คสช. ไม่สามารถแตะต้องได้
รัฐธรรมนูญชั่วคราว 57
มาตรา 44 ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์
ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อ
ป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ
ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร
ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจสั่งการ
ระงับยับยั้ง หรือกระทําการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร
หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง
หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้
ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
มาตรา 46 ในกรณที่เห็นเป็นการจําเป็นและสมควร คณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
จะมีมติร่วมกันให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ก็ได้ โดยจัดทําเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเสนอต่อ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบ
ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
ตามวรรคหนึ่งภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ
แก้ไขเพิ่มเติมนั้นมิได้ เว้นแต่คณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะเห็นชอบด้วย
มติให้ความเห็นชอบต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ให้นายกรัฐมนตรี
นําร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สภานิติบัญญัติ
แห่งชาติมีมติ เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ให้ใช้บังคับได้ โดยให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และให้นําความในมาตรา ๓๗
วรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ชัดยิ่งกว่าชัดครับ
ว่ามาตรา 44 นั้น ให้อำนาจหัวหน้า คสช. ไว้เพียงใด
สั่งแล้วถือเป็นที่สุด ไม่มีใครหือได้
ส่วนมาตรา 46
เป็นเรื่องของวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องการทำประชามติ (โว้ยยยย...)
คนละเรื่อง คนละทีป ยังมาบิดเบือน ฉ้อฉล โยงเหมือนเป็นเรื่องเดียวกันได้
หากหัวหน้า คสช. สั่งให้ทำประชามติ ใครจะขัดได้
นายพรเพชรออกมาพูด ก็เพื่อปกป้องหัวหน้า คสช. แบบคี่ค่าไม่อยากให้นายเดือดร้อน
แต่การปกป้อง แทนที่จะทำตามตัวบทกฎหมาย กลับบิดเบือนฉ้อฉลตัวบทกฎหมาย
เป็นถึงประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ดันฉ้อฉลตัวบทกฎหมายซะเอง
บ้านเมืองเรามันถึงมีปัญหาขัดแย้งแตกแยกไม่สิ้นสุด
ก็เพราะไอ้พวกคนแบบนี้แหละครับ
ไอ้พวกบิดเบือน ฉ้อฉลตัวบทกฎหมาย ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง แทนที่จะเพื่อดำรงรักษาความยุติธรรม
เลว
ลีลาคนดี ลีลาบิดเบือนฉ้อฉลตัวบทกฎหมาย ลีลาเลียแข้งเลียขาเอาหน้าเอาดี โดยไม่คำนึงถึงบ้านเมือง
...นายพรเพชร กล่าวว่า มาตรา 46 มันมีฤทธิ์เดชมาก เมื่อมีฤทธิ์เดชมาก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว)
จึงต้องเกิดจากความร่วมมือของคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ที่จะต้องพิจารณาร่วมกัน จากนั้นจึงต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อลงพระปรมาภิไธย องค์กรอื่นนอกเหนือจาก 3 องค์กรนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ดังนั้น การระบุว่า จะให้นายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา 44 แก้ไขให้มีการทำประชามติ จึงไม่ถูกต้อง...
...ส่วนตัวเห็นด้วยกับการทำประชามติหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ตนเป็นผู้พิจารณา คงตอบไม่ได้
เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปัจจัยที่ 3 องค์กร ต้องพิจารณา ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1430377709
เมื่อเสียงเรียกร้องให้ทำประชามติดังขึ้น ๆ
เมื่อมีเสียงให้หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งให้ทำประชามติดังขึ้น ๆ
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ให้คณะกรรมาธิการร่าง รธน. กับ สชป. ไปพิจารณาว่าจะทำประชามติหรือไม่
นายพรเพชร ในฐานะประธาน สนช. ก็ออกมาบิดเบือนฉ้อฉลตัวบทกฎหมายทันที
แบบเลียแข้งเลียขา
ทำเป็นปกป้องหัวหน้า คสช. ในเรื่องมาตรา 44 ว่าไม่สามารถทำได้ ต้องรัฐบาล คสช. สนช. สามองค์กรทำ
ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี
(โปรดสังเกตคำให้สัมภาษณ์ของนายพรเพชรนะครับ พยายามเลี่ยงบาลี ด้วยการใช้คำพูดว่า
นายกฯไม่มีอำนาจ ไม่ใช่นายกฯ ทั้งที่มาตรา 44 นั้น เป็นเรื่องอำนาจของหัวหน้า คสช.)
มาดูรัฐธรรมนูญสองมาตรานี้กันครับ
คือมาตรา 44 ที่ให้อำนาจหัวหน้า คสช. ทั้งทางบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ
กับมาตรา 46 ที่นายพรเพชรอ้างว่า มีฤทธิ์เดชมาก จนหัวหน้า คสช. ไม่สามารถแตะต้องได้
รัฐธรรมนูญชั่วคราว 57
มาตรา 44 ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์
ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อ
ป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ
ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร
ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจสั่งการ
ระงับยับยั้ง หรือกระทําการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร
หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง
หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้
ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
มาตรา 46 ในกรณที่เห็นเป็นการจําเป็นและสมควร คณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
จะมีมติร่วมกันให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ก็ได้ โดยจัดทําเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเสนอต่อ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบ
ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
ตามวรรคหนึ่งภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม
ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ
แก้ไขเพิ่มเติมนั้นมิได้ เว้นแต่คณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะเห็นชอบด้วย
มติให้ความเห็นชอบต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ให้นายกรัฐมนตรี
นําร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สภานิติบัญญัติ
แห่งชาติมีมติ เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ให้ใช้บังคับได้ โดยให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และให้นําความในมาตรา ๓๗
วรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ชัดยิ่งกว่าชัดครับ
ว่ามาตรา 44 นั้น ให้อำนาจหัวหน้า คสช. ไว้เพียงใด สั่งแล้วถือเป็นที่สุด ไม่มีใครหือได้
ส่วนมาตรา 46 เป็นเรื่องของวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องการทำประชามติ (โว้ยยยย...)
คนละเรื่อง คนละทีป ยังมาบิดเบือน ฉ้อฉล โยงเหมือนเป็นเรื่องเดียวกันได้
หากหัวหน้า คสช. สั่งให้ทำประชามติ ใครจะขัดได้
นายพรเพชรออกมาพูด ก็เพื่อปกป้องหัวหน้า คสช. แบบคี่ค่าไม่อยากให้นายเดือดร้อน
แต่การปกป้อง แทนที่จะทำตามตัวบทกฎหมาย กลับบิดเบือนฉ้อฉลตัวบทกฎหมาย
เป็นถึงประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ดันฉ้อฉลตัวบทกฎหมายซะเอง
บ้านเมืองเรามันถึงมีปัญหาขัดแย้งแตกแยกไม่สิ้นสุด
ก็เพราะไอ้พวกคนแบบนี้แหละครับ
ไอ้พวกบิดเบือน ฉ้อฉลตัวบทกฎหมาย ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง แทนที่จะเพื่อดำรงรักษาความยุติธรรม
เลว