ก่อนอื่น จขกท ขอบอกก่อนว่าเป็นแฟนนิยายของ "สราญจิตต์"นักเขียนรุ่นบรมครูอีกท่านหนึ่ง ที่ผลงานอาจจะมีไม่มากนักในอดีต นอกจากวนาลี ที่ทำให้เพลง วนาสวาท เป็นที่รู้จักกัน แต่ จขกท ชอบงานเขียน เรื่อง ปดิวรัดา เป็นอย่างมาก ได้อ่านเพราะสะดุดชื่อของนิยายนั่นเอง ถ้าหากใครได้อ่านจะได้ความรู้สึกแบบนิยายยุคก่อน แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ความเป็น"ปดิวรัดา" ซึ่งเป็นชื่อเรื่องนั่นเอง
จากที่อ่านในหนังสือนิยายมา "ปดิวรัดา" เป็นชื่อเรื่องที่ไม่มีปรากฏในเนื้อเรื่อง แต่คงเป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่ตั้งใจนำความหมายของคำว่า
"ปดิวรัดา":ซึ่งแปลว่า ภริยาที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อสามี มาบ่งบอกตัวตนของนางเอกของเรื่อง ซึ่ง จขกท. ได้อ่านนิยายแล้วรู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆ
จากที่ได้ติดตามทางทีวี จขกท ทราบว่ามีการนำเรื่อง "ปดิวรัดา" มาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ก็เลยแอบคิดกังวลอยู่ว่า ผู้สร้างจะสามารถถ่ายทอดความงดงามแท้ของเรื่องได้เพียงใด เนื่องจากว่าคำว่า "ปดิวรัดา" ชื่อนิยายเรื่องนี้มีที่มาจากนามของ "พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏปิยมหาราชปดิวรัดา" ซึ่งทรงเป็นถึงพระอรรคชายา ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นั่นเอง
มาดูประวัติคร่าวๆของพระองค์ท่านกันสักนิดนึงนะคะ
ทรงเป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าลดาวัลย์ กรมหมื่นภูมินทรภักดีผู้เป็นพระราชโอรสลำดับที่๑๖ ในสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาจีน ทรงประสูติเมื่อวันที่๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๖ พระองค์เสด็จ สิ้นพระชนม์ ณ พระตำหนักในสวนสุนันทา เมื่อวันที่๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒
ในปีพ.ศ.๒๔๓๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สถาปนาขึ้นเป็นพระ อรรคชายาเธอพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์กรมขุนสุทธาสินีนาฎและต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๖๘พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่๗ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็นพระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหาราชปดิวรัดา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะรับสั่งขานพระนามพระอัครชายาองค์นี้ว่า เจ้าสาย ด้วยทรงยกย่องในฐานะ ที่เป็นราชสกุลพระเกียรติยศของพระวิมาดาเธอฯที่ปรากฎในแผ่นดินจนถึงเวลานี้ คือข้อที่ทรงกำกับดูแลห้องเครื่องต้นถวาย พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่๕มาตลอดรัชกาลพระวิมาดาเธอฯ ทรงบำรุงสนองเบื้องพระยุคลบาทด้วยความจงรักภักดีเช่น เดียวกับที่ทรงทำถวายพระโอรสธิดาโดยสำหรับพระองค์เองนั้นทรงอย่างไรก็ทนได้เสวย ได้เล่ากันว่าคราวหนุ่งทรงซื้อเงาะ ร้อยผลราคาร้อยบาท เพื่อคว้านตั้งเครื่องต้น แต่กลับว่าในส่วนเครื่องของพระองค์นั้นไม่มีไม่โปรดเงาะราคาผลละหนึ่งบาท ตั้งเครื่องเพราะแพงเกินไป ทรงรับสั่งว่าขอให้ลูกผัวสุขสบายก็เป็นที่พอใจแล้ว นอกจากพระคุณสมบัติวิเศษทางอาหารทรง มีพระคุณสมบัติอีกข้อคือทรงมีพระปัญญาสามารถฉลาดลึกซึ้ง และทรงแก้ไขเหตุการ์ณเฉพาะหน้าได้ดี
ในบั้นปลายแห่งพระชนม์ชีพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาพระราชทานเกียรติพระอิสริยยศให้ ทรงขึ้นทรงกรมเป็นกรมพระ ว่า กรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหาราชปดิวรัดา ซึ่งพระนามปิยมหาราชปดิวรัดานั้นมี ความหมายว่าทรงเป็นพระภรรยาเจ้าที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อองค์สมเด็จพระปิยมหาราชยิ่งนัก
เมื่อปีพ.ศ.๒๔๗๓ นายพลเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างก่อสร้างตึกสองชั้นที่ข้างตึกเยาวมาลย์อุทิศหลังหนึ่งเพื่อทรงเป็นการอุทิศพระกุศลถวายแด่พระอรรคชายาเธอพระ องค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ( พระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฎ ปิยมหาราชปดิวรัดา ) และ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้ ประทานนามตึกนี้ว่าตึกปิยมหาราชบพิตรปดิวรัดา เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึงแด่องค์พระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฎ
เมื่อวันที่๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระองค์เสด็จสิ้นพระชนม์ ณ พระตำหนักในสวนสุนันทาในการนั้น องค์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกย่ององค์พระวิมาดาเธอโดยทรง ให้ใช้พระโกศทองใหญ่อันเป็นพระโกศสำหรับทรงพระบรมศพสมเด็จพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินีเท่านั้น
.....................................................
จากพระราชประวัติเพียงคร่าวๆของพระองค์ข้างต้น จทกท.คิดว่าการนำนิยายเรื่องนี้มาสร้างเป็นละครจึงต้องคิดให้มากกว่าละครทั่วไปนิดนึง คือไม่ควรทำเป็นแค่ละครให้ดูสนุกสนานเพลิดเพลินเพียงแค่นั้น แต่ควรทำให้สื่อถึงพระเกียรติของพระองค์ผู้ทรงเป็น "ปดิวรัดา" อย่างแท้จริงด้วย นั่นคือการสร้างให้ละครมีความเป็น "ปดิวรัดา" ให้มากที่สุด
เมื่อมีข่าวว่า"ปดิวรัดา"จะมีการสร้างเป็นละคร ผู้อ่านนิยายมาแล้ว 30 ตลบอย่าง จขกท ยังมองไม่เห็นว่าจะมีนักแสดงท่านไหนที่เหมาะสมเลย เนื่องจากนิยายมีความเป็นพีเรียดมาแบบธรรมชาติมาก บางท่านที่ได้อ่านนิยายอาจไม่ชอบเพราะภาษาการดำเนินเนินเรื่องไม่เหมือนนิยายสมัยใหม่ บุคลิกพระ-นางในนิยายแข็งทื่อ กว่าจะรู้สึกใจกันได้เข้าพระ-นางแต่ละทีแค่แก้มชนกัน คนอ่านเลยแทบหัวใจจะวาย แต่มันแสดงให้เห็นคาแร็กเตอร์ของพระ-นางเรื่องนี้จริงๆและมันคือเสน่ห์ของเรื่องนี้จริงๆ เนื้อหาของเรื่อง พูดง่ายๆภาษาคนอ่านคือ มีการคลุมถุงชนระหว่างพระเอกผู้ดีผู้ตกอับเป็นปลัดทางใต้ผู้ตงฉินกับนางเอกผู้เป็นคนยึดมั่นในความกตัญญูซึ่งทั้งสองต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันและฝ่าฟันปัญหาจากคนรอบข้างและปัญหาจากหน้าที่พึงรับผิดชอบของตนเอง ด้วยและปัญหาสำคัญคือปัญหาหัวใจคือหน้าที่ของสามีภรรยาของเขาทั้งคู่ด้วย
พอเห็นรายชื่อนักแสดงที่พระ-นางคือ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุขและ เบลล่า ราณี จขกท ยอมรับเลยว่า หน้าตาและบุคลิกภายนอกของน้องทั้ง 2 คน ไม่ได้ตรงตามนิยายเลยซักนิด ออกจะตรงข้ามทุกอย่างด้วยซ้ำไป แต่!! แต่บุคลิกทางการแสดงและการถ่ายทอดอารมณ์ทางการแสดงของทั้งเจมส์จิและ เบลล่า ซึ่งเคยเห็นผ่านมาในละครคุณชายพุฒิภัทร ทำให้เชื่อได้ว่าน้อง 2 คนสามารถทำหน้าที่ของ ปลัดศรันณ์และริน ระพีได้แน่นอน จริงอยู่ที่ว่าเจมส์อาจดูเด็กไปสำหรับบทนี้แต่เจมส์จิมีแววตา มีความอบอุ่นที่ดูเป็นผู้ใหญ่ และจากการฝึกฝนตัวเองเพื่อรับบทนี้ของเจมส์จิแล้ว จขกท.ผู้อ่านนิยายมา 30 ตลบเชื่อมั่นว่าเขาจะเป็นปลัดศรันณ์ได้แน่นอน
ส่วน เบลล่า ผู้รับบทเป็น ริน ระพี สาวน้อยผู้ซื่อสัตย์และภักดีต่อสามียึดมั่นในความกตัญญู จริงอยู่ว่าเบลอาจดูไม่ตรงตามบทประพันธ์โดยเฉพาะในเรื่องของอายุ ซึ่งนางเอกในเรื่องนี้นางเอกอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งนางเอกในช่อง 3 มีหลายตัวเลือกสำหรับโจทย์นี้ แต่ จขกท คิดว่าสาเหตุที่ผู้จัดเลือกเบลล่านอกเหนือจากการเป็นคู่จิ้นของพระเอกแล้วนั้น ผู้จัดคงต้องมองทะลุถึงแก่นของเรื่องด้วย คือความเป็น "ปดิวรัดา" ดังนั้นถ้ามองโจทย์แบบนี้ จะเอานางเอกเด็ก 18 มาเล่นให้ตรงบทประพันธ์เฉยๆคงไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่ถ้าใครได้อ่านนิยายจะทราบว่าเรื่องนี้บท ริน ระพี จะต้องเป็นผู้หญิงที่เป็นแม่ศรีเรือนจริงๆ มีความอดทน เก็บความรู้สึกเก่ง ในนิยายรินดูโตกว่าวัยด้วยความรับผิดชอบและความกตัญญู รินมีความเป็นหญิงในตัวสูงมากแต่ไม่ติดจริตความสำอางคือเป็นกุลสตรีดีมารยาทงามพร้อมดีๆนี่เอง เบลล่านั้นมีพร้อมทุกอย่างในเรื่องนี้พร้อมแบบธรรมชาติของลุ๊คของเบลล่าเองเราก็ดูว่าเป็นแบบนั้นนะ ดูจากเรื่องพุฒิภัทรแล้วเบลล่าเป็นริน ระพีได้แน่นอน
กระทู้ยาวไปหน่อย แต่ประเด็นของเรื่องมันอยู่ตรงนี้ ด้วยความที่ชอบบทประพันธ์ แต่ในนิยายภาษาการเขียนเก่ามาก ก็คิดว่าคงไม่มีใครชอบจขกท เองก็ไม่คิดว่าจะมีคนนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ และคิดว่าการนำมาสร้างโดยใช้ชื่อ "ปดิวรัดา" โดยที่ไม่มีการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของชื่อนี้จะแลดูไม่ให้เกียรติอย่างมาก
แต่เมื่อนำมาสร้างแล้ว จขกท ก็หวังเพียงว่าผู้จัดคงเห็นความสำคัญของแก่นเรื่องด้วย เพราะเมื่อละครออนใครได้ยินชื่อคงสะดุดหูแต่แรกแล้ว คงสงสัยกันว่าแปลว่าอะไร เนื้อเรื่องเป็นยังไง โดยบทประพันธ์เรื่องนี้บทสนุกตั้งแต่ในนิยายแล้ว มีอะไรให้นักแสดงเล่นเยอะ เมื่อละครออนคงไม่ห่วงเรื่องบทมากนักแต่คงห่วงเรื่อง ความละเอียดของงานที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้จัดเขาใส่ใจในการทำให้เห็นถึงความเป็นปดิวรัดา และวันนี้ จขกท.ก็หายห่วงไปแล้ว เพราะเมื่อได้เห็นว่าผู้จัดเขาได้ใส่ใจฉากๆหนึ่ง เป็นฉากพิธีแต่งงานแบบโบราณในยุคนั้น โดยพิธีการแต่งงานที่ถูกต้องครบทุกขั้นตอน
รวมถึงอุปกรณ์ประกอบฉากที่มีขันโตกของมงคลซึ่งมีรูปปั้นแมวแสดงถึงความหมายของการแต่งงานได้เป็นอย่างดี ในพิธีบนเตียงนางเอกต้องกราบเท้าสามีให้สัจจะว่าจะซื่อสัตย์ภักดีต่อสามี ซึ่งตรงนี้ จขกท.เห็นว่านี่ล่ะเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้จัดใส่ใจถึงความเป็น "ปดิวรัดา" ได้จริงๆ
สิ่งที่ จขกท. รู้สึกชื่นชมและชอบที่สุดในฉากนี้คือ นักแสดงเรื่องนี้เขาเข้าใจในเรื่องราวได้เป็นอย่างนี้ นั่นหมายถึงเขาจะถ่ายทอดออกมาได้ดีด้วย
เห็นได้จากที่นักแสดงท่านนึงได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า
"ถึงบางครั้งคนเราไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก แต่บางครั้งความดีเนี่ยมันดีกว่าความรักตอนเริ่มต้นอีกนะ"
"ปดิวรัดา" ทรงคุณค่ามากกว่าแค่นิยาย
จากที่อ่านในหนังสือนิยายมา "ปดิวรัดา" เป็นชื่อเรื่องที่ไม่มีปรากฏในเนื้อเรื่อง แต่คงเป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่ตั้งใจนำความหมายของคำว่า
"ปดิวรัดา":ซึ่งแปลว่า ภริยาที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อสามี มาบ่งบอกตัวตนของนางเอกของเรื่อง ซึ่ง จขกท. ได้อ่านนิยายแล้วรู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆ
จากที่ได้ติดตามทางทีวี จขกท ทราบว่ามีการนำเรื่อง "ปดิวรัดา" มาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ก็เลยแอบคิดกังวลอยู่ว่า ผู้สร้างจะสามารถถ่ายทอดความงดงามแท้ของเรื่องได้เพียงใด เนื่องจากว่าคำว่า "ปดิวรัดา" ชื่อนิยายเรื่องนี้มีที่มาจากนามของ "พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏปิยมหาราชปดิวรัดา" ซึ่งทรงเป็นถึงพระอรรคชายา ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นั่นเอง
มาดูประวัติคร่าวๆของพระองค์ท่านกันสักนิดนึงนะคะ
ทรงเป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าลดาวัลย์ กรมหมื่นภูมินทรภักดีผู้เป็นพระราชโอรสลำดับที่๑๖ ในสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาจีน ทรงประสูติเมื่อวันที่๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๖ พระองค์เสด็จ สิ้นพระชนม์ ณ พระตำหนักในสวนสุนันทา เมื่อวันที่๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒
ในปีพ.ศ.๒๔๓๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สถาปนาขึ้นเป็นพระ อรรคชายาเธอพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์กรมขุนสุทธาสินีนาฎและต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๖๘พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่๗ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็นพระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหาราชปดิวรัดา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะรับสั่งขานพระนามพระอัครชายาองค์นี้ว่า เจ้าสาย ด้วยทรงยกย่องในฐานะ ที่เป็นราชสกุลพระเกียรติยศของพระวิมาดาเธอฯที่ปรากฎในแผ่นดินจนถึงเวลานี้ คือข้อที่ทรงกำกับดูแลห้องเครื่องต้นถวาย พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่๕มาตลอดรัชกาลพระวิมาดาเธอฯ ทรงบำรุงสนองเบื้องพระยุคลบาทด้วยความจงรักภักดีเช่น เดียวกับที่ทรงทำถวายพระโอรสธิดาโดยสำหรับพระองค์เองนั้นทรงอย่างไรก็ทนได้เสวย ได้เล่ากันว่าคราวหนุ่งทรงซื้อเงาะ ร้อยผลราคาร้อยบาท เพื่อคว้านตั้งเครื่องต้น แต่กลับว่าในส่วนเครื่องของพระองค์นั้นไม่มีไม่โปรดเงาะราคาผลละหนึ่งบาท ตั้งเครื่องเพราะแพงเกินไป ทรงรับสั่งว่าขอให้ลูกผัวสุขสบายก็เป็นที่พอใจแล้ว นอกจากพระคุณสมบัติวิเศษทางอาหารทรง มีพระคุณสมบัติอีกข้อคือทรงมีพระปัญญาสามารถฉลาดลึกซึ้ง และทรงแก้ไขเหตุการ์ณเฉพาะหน้าได้ดี
ในบั้นปลายแห่งพระชนม์ชีพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาพระราชทานเกียรติพระอิสริยยศให้ ทรงขึ้นทรงกรมเป็นกรมพระ ว่า กรมพระสุทธาสินีนาฎปิยมหาราชปดิวรัดา ซึ่งพระนามปิยมหาราชปดิวรัดานั้นมี ความหมายว่าทรงเป็นพระภรรยาเจ้าที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อองค์สมเด็จพระปิยมหาราชยิ่งนัก
เมื่อปีพ.ศ.๒๔๗๓ นายพลเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างก่อสร้างตึกสองชั้นที่ข้างตึกเยาวมาลย์อุทิศหลังหนึ่งเพื่อทรงเป็นการอุทิศพระกุศลถวายแด่พระอรรคชายาเธอพระ องค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ( พระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฎ ปิยมหาราชปดิวรัดา ) และ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้ ประทานนามตึกนี้ว่าตึกปิยมหาราชบพิตรปดิวรัดา เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึงแด่องค์พระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฎ
เมื่อวันที่๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระองค์เสด็จสิ้นพระชนม์ ณ พระตำหนักในสวนสุนันทาในการนั้น องค์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกย่ององค์พระวิมาดาเธอโดยทรง ให้ใช้พระโกศทองใหญ่อันเป็นพระโกศสำหรับทรงพระบรมศพสมเด็จพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินีเท่านั้น
.....................................................
จากพระราชประวัติเพียงคร่าวๆของพระองค์ข้างต้น จทกท.คิดว่าการนำนิยายเรื่องนี้มาสร้างเป็นละครจึงต้องคิดให้มากกว่าละครทั่วไปนิดนึง คือไม่ควรทำเป็นแค่ละครให้ดูสนุกสนานเพลิดเพลินเพียงแค่นั้น แต่ควรทำให้สื่อถึงพระเกียรติของพระองค์ผู้ทรงเป็น "ปดิวรัดา" อย่างแท้จริงด้วย นั่นคือการสร้างให้ละครมีความเป็น "ปดิวรัดา" ให้มากที่สุด
เมื่อมีข่าวว่า"ปดิวรัดา"จะมีการสร้างเป็นละคร ผู้อ่านนิยายมาแล้ว 30 ตลบอย่าง จขกท ยังมองไม่เห็นว่าจะมีนักแสดงท่านไหนที่เหมาะสมเลย เนื่องจากนิยายมีความเป็นพีเรียดมาแบบธรรมชาติมาก บางท่านที่ได้อ่านนิยายอาจไม่ชอบเพราะภาษาการดำเนินเนินเรื่องไม่เหมือนนิยายสมัยใหม่ บุคลิกพระ-นางในนิยายแข็งทื่อ กว่าจะรู้สึกใจกันได้เข้าพระ-นางแต่ละทีแค่แก้มชนกัน คนอ่านเลยแทบหัวใจจะวาย แต่มันแสดงให้เห็นคาแร็กเตอร์ของพระ-นางเรื่องนี้จริงๆและมันคือเสน่ห์ของเรื่องนี้จริงๆ เนื้อหาของเรื่อง พูดง่ายๆภาษาคนอ่านคือ มีการคลุมถุงชนระหว่างพระเอกผู้ดีผู้ตกอับเป็นปลัดทางใต้ผู้ตงฉินกับนางเอกผู้เป็นคนยึดมั่นในความกตัญญูซึ่งทั้งสองต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันและฝ่าฟันปัญหาจากคนรอบข้างและปัญหาจากหน้าที่พึงรับผิดชอบของตนเอง ด้วยและปัญหาสำคัญคือปัญหาหัวใจคือหน้าที่ของสามีภรรยาของเขาทั้งคู่ด้วย
พอเห็นรายชื่อนักแสดงที่พระ-นางคือ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุขและ เบลล่า ราณี จขกท ยอมรับเลยว่า หน้าตาและบุคลิกภายนอกของน้องทั้ง 2 คน ไม่ได้ตรงตามนิยายเลยซักนิด ออกจะตรงข้ามทุกอย่างด้วยซ้ำไป แต่!! แต่บุคลิกทางการแสดงและการถ่ายทอดอารมณ์ทางการแสดงของทั้งเจมส์จิและ เบลล่า ซึ่งเคยเห็นผ่านมาในละครคุณชายพุฒิภัทร ทำให้เชื่อได้ว่าน้อง 2 คนสามารถทำหน้าที่ของ ปลัดศรันณ์และริน ระพีได้แน่นอน จริงอยู่ที่ว่าเจมส์อาจดูเด็กไปสำหรับบทนี้แต่เจมส์จิมีแววตา มีความอบอุ่นที่ดูเป็นผู้ใหญ่ และจากการฝึกฝนตัวเองเพื่อรับบทนี้ของเจมส์จิแล้ว จขกท.ผู้อ่านนิยายมา 30 ตลบเชื่อมั่นว่าเขาจะเป็นปลัดศรันณ์ได้แน่นอน
ส่วน เบลล่า ผู้รับบทเป็น ริน ระพี สาวน้อยผู้ซื่อสัตย์และภักดีต่อสามียึดมั่นในความกตัญญู จริงอยู่ว่าเบลอาจดูไม่ตรงตามบทประพันธ์โดยเฉพาะในเรื่องของอายุ ซึ่งนางเอกในเรื่องนี้นางเอกอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ซึ่งนางเอกในช่อง 3 มีหลายตัวเลือกสำหรับโจทย์นี้ แต่ จขกท คิดว่าสาเหตุที่ผู้จัดเลือกเบลล่านอกเหนือจากการเป็นคู่จิ้นของพระเอกแล้วนั้น ผู้จัดคงต้องมองทะลุถึงแก่นของเรื่องด้วย คือความเป็น "ปดิวรัดา" ดังนั้นถ้ามองโจทย์แบบนี้ จะเอานางเอกเด็ก 18 มาเล่นให้ตรงบทประพันธ์เฉยๆคงไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่ถ้าใครได้อ่านนิยายจะทราบว่าเรื่องนี้บท ริน ระพี จะต้องเป็นผู้หญิงที่เป็นแม่ศรีเรือนจริงๆ มีความอดทน เก็บความรู้สึกเก่ง ในนิยายรินดูโตกว่าวัยด้วยความรับผิดชอบและความกตัญญู รินมีความเป็นหญิงในตัวสูงมากแต่ไม่ติดจริตความสำอางคือเป็นกุลสตรีดีมารยาทงามพร้อมดีๆนี่เอง เบลล่านั้นมีพร้อมทุกอย่างในเรื่องนี้พร้อมแบบธรรมชาติของลุ๊คของเบลล่าเองเราก็ดูว่าเป็นแบบนั้นนะ ดูจากเรื่องพุฒิภัทรแล้วเบลล่าเป็นริน ระพีได้แน่นอน
กระทู้ยาวไปหน่อย แต่ประเด็นของเรื่องมันอยู่ตรงนี้ ด้วยความที่ชอบบทประพันธ์ แต่ในนิยายภาษาการเขียนเก่ามาก ก็คิดว่าคงไม่มีใครชอบจขกท เองก็ไม่คิดว่าจะมีคนนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ และคิดว่าการนำมาสร้างโดยใช้ชื่อ "ปดิวรัดา" โดยที่ไม่มีการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของชื่อนี้จะแลดูไม่ให้เกียรติอย่างมาก
แต่เมื่อนำมาสร้างแล้ว จขกท ก็หวังเพียงว่าผู้จัดคงเห็นความสำคัญของแก่นเรื่องด้วย เพราะเมื่อละครออนใครได้ยินชื่อคงสะดุดหูแต่แรกแล้ว คงสงสัยกันว่าแปลว่าอะไร เนื้อเรื่องเป็นยังไง โดยบทประพันธ์เรื่องนี้บทสนุกตั้งแต่ในนิยายแล้ว มีอะไรให้นักแสดงเล่นเยอะ เมื่อละครออนคงไม่ห่วงเรื่องบทมากนักแต่คงห่วงเรื่อง ความละเอียดของงานที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้จัดเขาใส่ใจในการทำให้เห็นถึงความเป็นปดิวรัดา และวันนี้ จขกท.ก็หายห่วงไปแล้ว เพราะเมื่อได้เห็นว่าผู้จัดเขาได้ใส่ใจฉากๆหนึ่ง เป็นฉากพิธีแต่งงานแบบโบราณในยุคนั้น โดยพิธีการแต่งงานที่ถูกต้องครบทุกขั้นตอน
รวมถึงอุปกรณ์ประกอบฉากที่มีขันโตกของมงคลซึ่งมีรูปปั้นแมวแสดงถึงความหมายของการแต่งงานได้เป็นอย่างดี ในพิธีบนเตียงนางเอกต้องกราบเท้าสามีให้สัจจะว่าจะซื่อสัตย์ภักดีต่อสามี ซึ่งตรงนี้ จขกท.เห็นว่านี่ล่ะเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้จัดใส่ใจถึงความเป็น "ปดิวรัดา" ได้จริงๆ
สิ่งที่ จขกท. รู้สึกชื่นชมและชอบที่สุดในฉากนี้คือ นักแสดงเรื่องนี้เขาเข้าใจในเรื่องราวได้เป็นอย่างนี้ นั่นหมายถึงเขาจะถ่ายทอดออกมาได้ดีด้วย
เห็นได้จากที่นักแสดงท่านนึงได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า
"ถึงบางครั้งคนเราไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก แต่บางครั้งความดีเนี่ยมันดีกว่าความรักตอนเริ่มต้นอีกนะ"