ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,035.53 จุด ลดลง 74.61 จุด หรือ -0.41%
ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,023.64 จุด ลดลง 31.78 จุด หรือ -0.63%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,106.85 จุด ลดลง 7.91 จุด หรือ -0.37%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่องจนตลาดปิดทำการซื้อขาย หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดเฟดลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป และไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดระบุว่า "เฟดจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นใจต่อการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งหมายความว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ได้ลดน้อยลง"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับจีดีพีช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยระบุว่ามีการขยายตัวเพียง 0.2% เทียบกับระดับ 2.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และ 5% ในไตรมาส 3 ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีมีการขยายตัว 1% ในไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ที่ระบุว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวขึ้น 1.1% แตะระดับ 108.6 ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1% นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ
หุ้นทวิตเตอร์ร่วงลง 8.90% หลังจากที่ดิ่งลงรุนแรงถึง 18.18% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ภายหลังจากที่บริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
บริษัทไทม์ วอร์เนอร์ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกอยู่ที่ 7.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.19 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกวาการคาดการณ์ของตลาดเช่นกัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยในเวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนมี.ค. จากนั้นในเวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย เฟดเขตชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนเม.ย.
รวมข่าวหุ้น 30/4/58
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,035.53 จุด ลดลง 74.61 จุด หรือ -0.41%
ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,023.64 จุด ลดลง 31.78 จุด หรือ -0.63%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,106.85 จุด ลดลง 7.91 จุด หรือ -0.37%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่องจนตลาดปิดทำการซื้อขาย หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดเฟดลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป และไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดระบุว่า "เฟดจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นใจต่อการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งหมายความว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ได้ลดน้อยลง"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับจีดีพีช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยระบุว่ามีการขยายตัวเพียง 0.2% เทียบกับระดับ 2.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และ 5% ในไตรมาส 3 ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีมีการขยายตัว 1% ในไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ที่ระบุว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวขึ้น 1.1% แตะระดับ 108.6 ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1% นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ
หุ้นทวิตเตอร์ร่วงลง 8.90% หลังจากที่ดิ่งลงรุนแรงถึง 18.18% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ภายหลังจากที่บริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
บริษัทไทม์ วอร์เนอร์ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกอยู่ที่ 7.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.19 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกวาการคาดการณ์ของตลาดเช่นกัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยในเวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนมี.ค. จากนั้นในเวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย เฟดเขตชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนเม.ย.