ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (11 ก.ค.) ส่วนดัชนี Nasdaq ดิ่งลงอย่างหนัก โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,753.75 จุด เพิ่มขึ้น 32.39 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,584.54 จุด ลดลง 49.37 จุด หรือ -0.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,283.41 จุด ลดลง 364.04 จุด หรือ -1.95%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนย้ายการลงทุนจากกลุ่มเทคโนโลยีไปยังหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนต่ำ และหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเช่นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1% จากระดับ 3.3% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4% จากระดับ 3.4% ในเดือนพ.ค.
หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 74% ในวันพุธ (10 ก.ค.)
ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำและเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 3.6% ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ของบริษัทขนาดเล็ก
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 2.66% และ 1.83% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการด้านการสื่อสารร่วงลงมากที่สุด โดยดิ่งลง 2.74% และ 2.56% ตามลำดับ
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 5.57% หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.3% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 4.1% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.67% หุ้นเทสลา ร่วงลง 8.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เทสลาจะเลื่อนการส่งมอบรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ออกไปอีก 2 เดือน
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่หุ้นสายการบินรายอื่น ๆ ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นกลุ่มสายการบินในดัชนี S&P500 ดิ่งลง 2.7%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในวันนี้ (12 ก.ค.) รวมทั้งรายงานผลประกอบการของธนาคารเจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก
ดาวโจนส์ปิดบวก 32.39 จุด - Nasdaq ดิ่งหนักจากแรงขายหุ้นเทคโนฯ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,753.75 จุด เพิ่มขึ้น 32.39 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,584.54 จุด ลดลง 49.37 จุด หรือ -0.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,283.41 จุด ลดลง 364.04 จุด หรือ -1.95%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนย้ายการลงทุนจากกลุ่มเทคโนโลยีไปยังหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนต่ำ และหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเช่นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1% จากระดับ 3.3% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4% จากระดับ 3.4% ในเดือนพ.ค.
หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 74% ในวันพุธ (10 ก.ค.)
ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำและเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 3.6% ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ของบริษัทขนาดเล็ก
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 2.66% และ 1.83% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการด้านการสื่อสารร่วงลงมากที่สุด โดยดิ่งลง 2.74% และ 2.56% ตามลำดับ
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 5.57% หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.3% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 4.1% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.67% หุ้นเทสลา ร่วงลง 8.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เทสลาจะเลื่อนการส่งมอบรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ออกไปอีก 2 เดือน
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่หุ้นสายการบินรายอื่น ๆ ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นกลุ่มสายการบินในดัชนี S&P500 ดิ่งลง 2.7%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในวันนี้ (12 ก.ค.) รวมทั้งรายงานผลประกอบการของธนาคารเจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก