อย่างนี้ต้องรีวิว เมดเมดิก บาย เมโกะ กับหมอเบญจวรรณ กับประสบการณ์ชีวิตที่จะเริ่มบทใหม่

ตั้งงแต่เกิดมา คำว่าศัลยกรรมไม่เคยอยู่ในความคิดของเราเลย จนกระทั่งวันนึง เราได้เคยหลงรักคนหนึ่งคนขึ้นมา (ทั้งที่ในใจก็มีคสามเป็นเพื่อนให้เต็มร้อย แต่ก็แอบชอบเพราะหน้าตา) ยอมรับว่า เพราะ At first sight. ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ารูปร่างหน้าตามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของคนรอบข้างที่ีมีต่อเรา  หลังจากที่มีปัญหากับคนคนนั้นจนเหนื่อยใจ ก็ได้รู้ความลับว่า อ้าว... คนที่เราหลงมากมายขนาดนั้น เค้าทำศัลยกรรมมา  พอได้รู้ความจริงก็ตาสว่าง  ความรักเท่าเดิม แต่ความหลงสลายตัวไป
เรายินดีที่จะเป็นเพื่อนกับเค้าเต็มที่ แต่ลึก ๆ แล้ว ก็ทำให้เราได้แรงบันดาลใจ


นั่นคือ จากเหตุการณ์นั้น ทำให้เรามองตัวเองว่าทำไมเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไรตัวเองบ้าง  ... ไม่ใช่เพื่อหลอกลวงหรือปิดบังใคร  แต่เพื่อให้เราได้มีโอกาสอื่น ๆ ดี ๆ ในชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก  ว่าแล้วจึงใช้เวลาเกือบเก้าเดือนในการเตียมตัวทำศัลยกรรม โดยสิ่งแรกที่เราเห็นว่าจำเป็นมากที่สุดก็คือจมูก เนื่องจากเป็นแกนกลางของใบหน้า ที่จะทำให้หน้าดูมีมิติและมีความคมมากขึ้น


เข้าเรื่องเลยดีกว่า  มาเริ่มกันเลยจร้า ดูว่าก่อนหน้าเป็นอย่างไร

จะเห็นได้ว่าเราไม่มีดั้งเลย และปลายจมูกก็มีเนื้อค่อนข้างมาก ซึ่งค่อนข่างจะดูโตมากกว่าดูโด่ง





ในช่วงแรก(จนถึงสัปดาห์ก่อน) เราก็พบปัญหา(ชีวิต)เดียวกับเพื่อน ๆ สมาชิกหลาย ๆ คนว่า เอาล่ะ ตกลงจะทำหมอไหน เปิดจนเมื่อยมือแล้ว  ...กับเรา ต้องบอกว่าเริ่มแรกตอนที่คิดจะทำ ฐานะไม่สู้ดีนัก  จึงตัดสินใจจะทำที่คลินิคแห่งหนึ่ง ย่านบางลำภูในราคา 5,000 บาท  เพราะเห็นมีรีวิวก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่

แต่เมื่อเราไปถึงคลินิค  ยังไม่ทันได้พบหมอเลย  ใจเราเต้นตึกตัก บอกกับเราว่า อย่า ๆ ๆ กลับเถอะ  เรากลับบ้านมาแบบงง ๆ และเสียใจแบบงง ๆ ว่าทำไมเราถึงกลัว มีอะไร ....


ลางสังหรณ์บอกกับเราว่า เราไม่เหมาะกับที่นั่น  แต่เงินก็ไม่ได้มีมากมาย  ไม่ทำที่นี่แล้วจะทำที่ไหน  


ระหว่างคิด คิด คิด ก็พบโรงพยาบาลล.ล.  ดูสวย หรู มีรีวิวมากมาย  นัดหมอเรียบร้อย  แต่ก่อนจะถึงวันผ่าตัดประมาณสี่วัน  ได้พบกับรีวิวของคลินิคแห่งหนึ่ง

"เมดเมดิก บาย เมโกะ"



คือเราเห็นโฆษณาของที่นี่ผ่านตามาบ่อยมาก แต่ไม่คิดจะเปิดเข้าไปดูเลย แต่เอาเถอะ  ดูไว้เปรียบเทียบ ไหนเปิดสักหน่อย...โอ้... ทำให้เราเปลี่ยนความคิดไปเลย

ซิลิโคนของที่นี่  เหลาเคสต่อเคส ไม่ใช่ซิลิโคนสำเร็จรูป และที่ชอบมากคือรีวิวของหลาย ๆ คนที่ออกมา  เราเห็นว่าจะได้จมูกที่มีสันโด่ง คม ค่อนข้างต่างกับเลอลักษณ์(ในความเห็นของเรา) ที่จะออกประมาณลูกชมพู่(ยาวๆ)


ด้วยบุญทำกรรมแต่งฐานะทางบ้านก็เปลี่ยนมาดีขึ้นมาก  จากเดิมที่คิดว่าต้องจำกัดงบประมาณ ให้ถูกที่สุด ก็สามารถมาเลือกในแบบที่ตั้งใจไว้ได้  จึงทำให้ได้เริ่มจม฿กใหม่เมื่อวานนี้เอง จากการจองทีแรก อ.เบญจวรรณ จะมีคิวว่างคือมิถุนายน  แต่โชคช่วยที่เมื่อเราจองแล้วมีคนหลุดคิว  เราจึงได้คิวใหม่เป็น วันจันทร์ 27 เมษายน


วันจันทร์ พระจันทร์หมายถึงความอ่อนโยน ละมุนละม่อม  ความราบรื่น

วันที่ 27 นำ 2 มาบวก 7 ได้เลข 9  ดาวเกตุ พ้นเคราะห์ภัย เลขสวย  (ส่วนตัวไม่เชื่อ)

.... เข้าเรื่องเลยดีกว่า  แล้วเมื่อวานเราก็ได้ทำจมูกกับหมอเบญมาจ้า  


สำหรับใครที่ไม่เคยไป เราอยากจะบอกว่า เจ้าหน้าที่น่ารักมาก มากจนอยากจะหลงรักเลย  ตอนที่ไปก็ไม่แน่ใจว่าคลินิคอยู่ที่ไหน  รู้แต่ว่ามีสองอย่างคือ เมโกะคลินิค กับเมดเมดิก บายเมโกะ  ทีแรกก็เข้าใจว่าคลินิคสองแห่งนี้อยู่คนละที่กัน แต่เมื่อใช้ระบบกูเกิ้ลช่วยระหว่างอยู่บนแท๊กซี่หลังจากพิมพ์ว่า เมมดเมดิก  นาทีสุดท้ายที่ google maps บอกก็บนนถนนพหลโยธินฝั่งตรงข้ามสวนจตุจักรก็คือ  "เป้าหมายของคุณ อยู่ทางซ้ายมือ"  เราอ่านป้ายใหญ่มาก เค้าเขียนว่า เมโกะคลินิค

เอาล่ะสิ สงสัยมาผิดที่ละ เดินไปถามเจ้าหนน้าที่รปภ. ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ตอบเราว่า "ที่เดียวกันคับ เมโกะสีทองทางซ้าย เมดิกสีฟ้าทางขวา) เราก็อ่อ ๆ  เดินขึ้นมา



เจ้าหน้าที่น่ารักมาก ขอชื่นชมเป็นการส่วนตัวด้วยกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงขาว สวย มือนิ่ม ๆ ตาหวาน ๆ ชื่อคุณกิ๊ก (แต่เราเรียกเค้าว่าพี่)  แนะนำเราดีมาก  ทำให้จากงบที่เราตั้งไว้แค่ 11,900 (ซิลิโคนธรรมดาบวกค่ายา) กลายเป็น 17,900 บาทไปโดยปริยาย (ซิลิโคนอเมริกาธรรมดา+ตะไบ+แต่งปลาย)

คุยกันเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาขึ้นห้องผ่าตัด  เจ้าหน้าที่ให้เราล้างหน้าให้สะอาด แล้วพาไปนอนรอหมอ  โดยให้ยาคลายเครียดมา 2 เม็ด  ซึ่งไม่ได้ทำให้ความเครียดลดลงเล้ย  หมอจะเป็นยังไง  จะบอกหมอยังไง เจ็บไหม นั่นนี่ สับสนไปหมด

"นอนไปเลยนะคะ"   สิ้นเสียงสุดท้ายของเจ้าหน้าที่  เรานอนมองเพดานอันเวิ้งว้าง นี่เราจะผ่าเหรอ หน้าเราจะเปลี่ยนนะ แล้ว.....

"สวัสดีค่ะ คุณ ....."  เสียงผู้หญิงคนหนึ่งทักขึ้น นั่นคือหมอเบญจวรรณ

...คะ คะ คำถามในใจ .... เรานึกว่าหมอเบญจวรรณคงประมาณหมอศิริราช ผมยาว  ตัวขาว ๆ ใส่แว่น  แต่ผิดคาด  คือหมอแบบ ...... คือมันดีอะ



หมอถามเราว่า อยากได้แบบไหน  ซึ่งเราก็มีแบบให้หมอดู  แต่แบบนั้น.... ^^ เขิน





หมอบอกว่า เรามีฮัมพ์ ฮัมพ์คือแท่งแข็ง ๆ ที่อยุ่กลางจมูก ที่ยื่นออกมาจากช่องกระโหลกศีรษะตรงจมูก  หมอบอกว่าจะทำให้ดีที่สุด  แต่แน่นอนว่า ขึ้นอยู่กับพื้นฐานจมูกของเรา


ว่าแล้วก็เข้าห้องผ่าตัด ไม่มีการดมยาสลบ เจ็บที่สุดคือตอนฉีดยาชา เข็มแหลม ๆ ทิ่มไปที่กลางจมูกจนลึก อีกสองสามเข็มทิ่มซ้ายขวาและสันจมูก ทรมานที่สุดก่อนจะไม่รู้สึกอะไรอีกเลย


หลังจากนั้น หมอจะเอาซิลิโคนมาทาบ ๆ วาด ๆ กับจมูกเราจนได้สัดส่วน  เราพอมองเห็นภาพบ้าง เพราะยังมีช่องจากผ้าให้มอง  ก่อนที่หมอจะเอาผ้าเลื่อนมาคลุมปิดตาเรา แล้วขั้นตอนก็เริ่มขึ้น   ขั้นตอนใส่ซิลิโคนไม่เป็นไร  แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่น่ากลัวมาก  มันไม่มีเสียง  แต่มันรู้สึกได้ถึงการ "ครืด ๆ"  เหมือนเวลาคนเอาตะไบถูกับไม้เวลาจะแกะสลัก  เราไม่เจ็บเลย  แต่ในใจจินตนาการว่า "โห ถ้าไม่มียาชาล่ะ การถูกครืดนั่นต้องทำให้เราหรือใคร ๆ ลงไปดิ้นอย่างเจ็บปวดทรมาน น้ำตาไหล เลือดเต็มหน้า และช๊อค...." (เราจินตนาการหลอน ๆ แบบนี้จริง ๆ ตอนนั้น แต่ถามว่าหมอทำเจ็บไหม  ไม่เลย เรานอนสบายมาก มีแต่ใจเรานี่แหละที่ทำให้กลัว..จะคิดทำมั๊ย 555)


ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ หลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หมอให้เรามองกระจก  ตอนที่เรามอง  เรารู้สึกได้ว่าใบหน้าเราเปลี่ยน แต่ยังดูแปลก ๆ ชอบกล  เพราะว่าทุกอย่างบวมไปหมด  รูจมูกบานและใหญ่เท่าหลอดกาแฟ  ปีกจมูกอีก อะไรมันดูแปลก ๆ ไป  เราดีใจปนกังวลว่าสภาพจะออกมายังไง

หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย  นี่คือช๊อตแรกที่เราถ่ายมาจากในห้องน้ำของคลินิค หลังถอดชุดผ่าตัดออกเรียบร้อย




(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่