ก่อนอื่นขอให้ดูรูปนี้ก่อน เป็นรูปที่ฟีฟ่าใส่ลงมาใน Laws of the game ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว (ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่นานมาแล้วเป็นสิบปี)
ซึ่งถ้าดูตามนี้ก็จะพอเข้าใจได้ว่า ถ้าคนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ไม่ได้แตะโดนบอล จะไม่ถือว่าล้ำ
แต่อย่างไรก็ดี ในกฎคำภีร์ไบเบิ้ลของฟีฟ่า ก่อนซัมเมอร์ 2013 นอกจากรูปดังกล่าว ฟีฟ่ายังมีคำอธิบายเพิ่มเติมในหมวดเรื่อง offside อีกว่า
“interfering with an opponent” means preventing an opponent from playing or being able to play the ball
by clearly obstructing the opponent’s line of vision or movement or making a gesture or movement which, in the opinion of the referee, deceives or distracts an opponent."
ซึ่งคือแปลได้ว่า การเคลื่อนไหวใดๆที่ไปรบกวน หรือเบี่ยงเบนความสนใจของคู่ต่อสู้ จะถือว่าเป็นการรบกวนคู่ต่อสู้ และจะถือว่าเป็นการล้ำหน้า อย่างที่หลายๆท่านคงจะทราบกันดี คือวิ่งไปหาบอล แต่ไม่ได้เล่น ก็ถือว่าเข้าข่ายในกรณีนี้ และจะโดนจับล้ำหน้า
- อ้างอิงจาก Law of the game 2012-13 -
http://www.fifa.com/mm/document/footballdevelopment/refereeing/81/42/36/lawsofthegame_2012_e.pdf
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ซึ่งกฏนี้ ดูไปดูมามันอาจจะขัดกับรูปด้านบนในบางกรณี ด้วยเหตุผลบางอย่าง ในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ทางฟีฟ่าได้ทำการประชุม และได้ rewording ใหม่ พร้อมร่อนเอกสารไปยังชาติสมาชิกของฟีฟ่า ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงคำพูดบางอย่างเกี่ยวกับกก offside นำมาซึ่งกฏ offside ในปัจจุบัน
- เอกสาร จดหมายจากฟีฟ่า ถึงประเทศสมาชิก -
http://www.fifa.com/mm/document/affederation/administration/02/10/67/39/circularno.1362-amendmentstothelawsofthegame-2013-2014_neutral.pdf
คำว่า Interfering with an opponent ได้ถูกจำกัดความใหม่ เป็น
“interfering with an opponent” means preventing an opponent from playing or being able to play the ball
by clearly obstructing the opponent’s line of vision or movement or challenging an opponent for the ball.
คือตัดคำว่า moving gesture etc. ออก กลายมาเป็นการบล็อคการมองเห็นของคู่แข่ง หรือบล็อคการเคลื่อนที่ของคู่แข่ง หรือเข้าไปแย่งบอลคู่แข่ง ในขณะที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้านั่นเอง
- อ้างอิงจาก Law of the game 2013-14 -
http://www.fifa.com/mm/document/footballdevelopment/refereeing/81/42/36/log2013en_neutral.pdf
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปแล้ว ลูกลูกากู ก่อนซัมเมอร์ปี 2013 จะถือว่าเป็นลูกล้ำหน้า เพราะไปเบี่ยงเบนความสนใจคู่ต่อสู้
แต่ด้วยกฏใหม่ แม้ลูกากูจะขยับวิ่งตามบอลไป แต่ลูกากูไม่ได้บล็อคการมองเห็นของคู่แข่ง หรือบล็อคการเคลื่อนที่ของคู่แข่ง หรือเข้าไปแย่งบอลคู่แข่ง
ดังนั้น ลูกากู ในเกมระหว่างเอฟเวอร์ตัน v แมนฯยูไนเต็ด ปีคริสตศักราช 2015 จึงไม่ล้ำหน้า 100%
Q.E.D.
ปล. มันมีอีกกฏนึงเรื่องล้ำหน้าที่ฟีฟ่าได้จำกัดความให้เคลียร์มากขึ้น สรุปสั้นๆคือถ้าคู่แข่งได้บอลที่ถูกส่งคืนหลังจากคู่ต่อสู้โดยจงใจจะไม่ถือว่าล้ำหน้า แต่ถ้าบอลแฉลบโดนคู่ต่อสู้มาเข้าทาง จะถือว่าล้ำหน้า
===== สรุปให้ฟังอีกครั้ง กรณีลูกากูล้ำหน้าหรือไม่ล้ำ เมื่อก่อนล้ำ แต่ปัจจุบันไม่ล้ำ 100% =====
ซึ่งถ้าดูตามนี้ก็จะพอเข้าใจได้ว่า ถ้าคนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ไม่ได้แตะโดนบอล จะไม่ถือว่าล้ำ
แต่อย่างไรก็ดี ในกฎคำภีร์ไบเบิ้ลของฟีฟ่า ก่อนซัมเมอร์ 2013 นอกจากรูปดังกล่าว ฟีฟ่ายังมีคำอธิบายเพิ่มเติมในหมวดเรื่อง offside อีกว่า
“interfering with an opponent” means preventing an opponent from playing or being able to play the ball by clearly obstructing the opponent’s line of vision or movement or making a gesture or movement which, in the opinion of the referee, deceives or distracts an opponent."
ซึ่งคือแปลได้ว่า การเคลื่อนไหวใดๆที่ไปรบกวน หรือเบี่ยงเบนความสนใจของคู่ต่อสู้ จะถือว่าเป็นการรบกวนคู่ต่อสู้ และจะถือว่าเป็นการล้ำหน้า อย่างที่หลายๆท่านคงจะทราบกันดี คือวิ่งไปหาบอล แต่ไม่ได้เล่น ก็ถือว่าเข้าข่ายในกรณีนี้ และจะโดนจับล้ำหน้า
- อ้างอิงจาก Law of the game 2012-13 -
http://www.fifa.com/mm/document/footballdevelopment/refereeing/81/42/36/lawsofthegame_2012_e.pdf
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ซึ่งกฏนี้ ดูไปดูมามันอาจจะขัดกับรูปด้านบนในบางกรณี ด้วยเหตุผลบางอย่าง ในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ทางฟีฟ่าได้ทำการประชุม และได้ rewording ใหม่ พร้อมร่อนเอกสารไปยังชาติสมาชิกของฟีฟ่า ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงคำพูดบางอย่างเกี่ยวกับกก offside นำมาซึ่งกฏ offside ในปัจจุบัน
- เอกสาร จดหมายจากฟีฟ่า ถึงประเทศสมาชิก -
http://www.fifa.com/mm/document/affederation/administration/02/10/67/39/circularno.1362-amendmentstothelawsofthegame-2013-2014_neutral.pdf
คำว่า Interfering with an opponent ได้ถูกจำกัดความใหม่ เป็น
“interfering with an opponent” means preventing an opponent from playing or being able to play the ball by clearly obstructing the opponent’s line of vision or movement or challenging an opponent for the ball.
คือตัดคำว่า moving gesture etc. ออก กลายมาเป็นการบล็อคการมองเห็นของคู่แข่ง หรือบล็อคการเคลื่อนที่ของคู่แข่ง หรือเข้าไปแย่งบอลคู่แข่ง ในขณะที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้านั่นเอง
- อ้างอิงจาก Law of the game 2013-14 -
http://www.fifa.com/mm/document/footballdevelopment/refereeing/81/42/36/log2013en_neutral.pdf
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปแล้ว ลูกลูกากู ก่อนซัมเมอร์ปี 2013 จะถือว่าเป็นลูกล้ำหน้า เพราะไปเบี่ยงเบนความสนใจคู่ต่อสู้
แต่ด้วยกฏใหม่ แม้ลูกากูจะขยับวิ่งตามบอลไป แต่ลูกากูไม่ได้บล็อคการมองเห็นของคู่แข่ง หรือบล็อคการเคลื่อนที่ของคู่แข่ง หรือเข้าไปแย่งบอลคู่แข่ง
ดังนั้น ลูกากู ในเกมระหว่างเอฟเวอร์ตัน v แมนฯยูไนเต็ด ปีคริสตศักราช 2015 จึงไม่ล้ำหน้า 100%
Q.E.D.
ปล. มันมีอีกกฏนึงเรื่องล้ำหน้าที่ฟีฟ่าได้จำกัดความให้เคลียร์มากขึ้น สรุปสั้นๆคือถ้าคู่แข่งได้บอลที่ถูกส่งคืนหลังจากคู่ต่อสู้โดยจงใจจะไม่ถือว่าล้ำหน้า แต่ถ้าบอลแฉลบโดนคู่ต่อสู้มาเข้าทาง จะถือว่าล้ำหน้า