วันนี้ (27 เม.ย.) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ประกาศมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นในระหว่างไตรมาสแรกของปี 2558 จำนวน 419,000 เลขหมาย ทำให้ฐานลูกค้าทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 28.4 ล้านเลขหมาย โดยที่จำนวนผู้ใช้บริการบนคลื่น 2.1 GHz เพิ่มขึ้นเป็น 23.5 ล้านเลขหมาย โดยในไตรมาสแรกของปี 2558 ดีแทคมีรายได้รวมเท่ากับ 22,900 ล้านบาท ลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากในไตรมาสที่แล้วมียอดจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเปิดตัวของไอโฟน6อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21% เป็น 2,300 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยดีแทคยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นจำนวน 0.89 บาทต่อหุ้นอีกด้วย
ถึงแม้ว่ารายได้รวมจะลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่รายได้เฉลี่ยต่อวันจากการให้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาคุณภาพของโครงข่ายตามแผนการขยายโครงข่ายของดีแทคตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา และกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ที่ดีแทคได้จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างสถานะในตลาดของบริษัท ดีแทคประสบความสำเร็จเกินกว่าความคาดหมายในการขยายโครงข่าย 3G และ 4G LTE ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึง 40 จังหวัดใหญ่ทั่วประเทศ โดยการติดตั้งสถานีฐานเพิ่มขึ้นกว่า 6,700 สถานี
นอกจากนี้แคมเปญโทรศัทพ์มือถือยังประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งช่วยผลักดันให้อัตราการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็น 52% ณ สิ้นไตรมาสแรกอีกด้วย ดีแทคมีความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย และเพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดีแทคเตรียมพร้อมที่จะใช้เงินลงทุนจำนวน 18,000 ถึง 20,000 ล้านในปี 2558 เพื่อขยายความครอบคลุมของโครงข่าย 3G และสร้างโครงข่าย 4G ที่เร็วที่สุดในประเทศ
ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่า ในปี 2558 รายได้จากการให้บริการโทรคมนาคมไร้สายจะเติบโตไปพร้อมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาครวม อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องเผชิญหน้ากับความท้ายทายจากการแข่งขันอันรุนแรงระหว่างผู้ให้บริการรายต่างๆ ส่งผลให้บริษัทยังไม่สามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการอุดหนุนราคาเครื่องโทรศัพท์ (handset subsidies) และการสร้างรายได้จากบริการข้อมูล (data monetization) สำหรับปี 2558 ดีแทคคาดการณ์ว่า 1.รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (ไอซี) เติบโตจากปีก่อนในระดับเลขหลักเดียวช่วงต่ำ 2.EBITDA marginจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน และ 3.ความตั้งใจในการใช้งบลงทุน 18,000 – 20,000 ล้านบาทในการเสริมประสิทธิภาพโครงข่าย
นายลาร์ส โอเคะ นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค กล่าวว่า ผมมีความยินดีที่ได้เห็นการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อวันในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเชื่องช้ายังคงส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของรายได้จากการให้บริการโดยรวม อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิปรับตัวขึ้นอย่างมากจากไตรมาสก่อน เนื่องมาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ เรายังคงตระหนักถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจให้บริการข้อมูลบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะเติบโตไปด้วยโดยการพัฒนาโครงข่าย เสริมสร้างช่องทางการขายและการจัดจำหน่าย มุ่งเน้นในการสร้างรายได้จากข้อมูล และเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลที่ดีที่สุด ในปีนี้ เราตั้งเป้าหมายสำหรับโครงข่ายและบริการ 4G ดังต่อไปนี้ 1.โครงข่าย 3G ครอบคลุม 95% ของจำนวนประชากรทั้งหมด 2.โครงข่าย 4G ที่เร็วที่สุดบนแบนด์วิธขนาด 15 MHz.และ3.เพิ่มฐานลูกค้า 4G เป็น 2.5 ล้านเลขหมาย โดยที่ 60% ของลูกค้าทั้งหมดใช้บริการข้อมูลของเรา
ดีแทคประกาศผลกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
วันนี้ (27 เม.ย.) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ประกาศมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นในระหว่างไตรมาสแรกของปี 2558 จำนวน 419,000 เลขหมาย ทำให้ฐานลูกค้าทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 28.4 ล้านเลขหมาย โดยที่จำนวนผู้ใช้บริการบนคลื่น 2.1 GHz เพิ่มขึ้นเป็น 23.5 ล้านเลขหมาย โดยในไตรมาสแรกของปี 2558 ดีแทคมีรายได้รวมเท่ากับ 22,900 ล้านบาท ลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากในไตรมาสที่แล้วมียอดจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเปิดตัวของไอโฟน6อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21% เป็น 2,300 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยดีแทคยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นจำนวน 0.89 บาทต่อหุ้นอีกด้วย
ถึงแม้ว่ารายได้รวมจะลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่รายได้เฉลี่ยต่อวันจากการให้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาคุณภาพของโครงข่ายตามแผนการขยายโครงข่ายของดีแทคตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา และกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ที่ดีแทคได้จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างสถานะในตลาดของบริษัท ดีแทคประสบความสำเร็จเกินกว่าความคาดหมายในการขยายโครงข่าย 3G และ 4G LTE ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึง 40 จังหวัดใหญ่ทั่วประเทศ โดยการติดตั้งสถานีฐานเพิ่มขึ้นกว่า 6,700 สถานี
นอกจากนี้แคมเปญโทรศัทพ์มือถือยังประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งช่วยผลักดันให้อัตราการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็น 52% ณ สิ้นไตรมาสแรกอีกด้วย ดีแทคมีความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย และเพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดีแทคเตรียมพร้อมที่จะใช้เงินลงทุนจำนวน 18,000 ถึง 20,000 ล้านในปี 2558 เพื่อขยายความครอบคลุมของโครงข่าย 3G และสร้างโครงข่าย 4G ที่เร็วที่สุดในประเทศ
ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่า ในปี 2558 รายได้จากการให้บริการโทรคมนาคมไร้สายจะเติบโตไปพร้อมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาครวม อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องเผชิญหน้ากับความท้ายทายจากการแข่งขันอันรุนแรงระหว่างผู้ให้บริการรายต่างๆ ส่งผลให้บริษัทยังไม่สามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการอุดหนุนราคาเครื่องโทรศัพท์ (handset subsidies) และการสร้างรายได้จากบริการข้อมูล (data monetization) สำหรับปี 2558 ดีแทคคาดการณ์ว่า 1.รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (ไอซี) เติบโตจากปีก่อนในระดับเลขหลักเดียวช่วงต่ำ 2.EBITDA marginจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน และ 3.ความตั้งใจในการใช้งบลงทุน 18,000 – 20,000 ล้านบาทในการเสริมประสิทธิภาพโครงข่าย
นายลาร์ส โอเคะ นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค กล่าวว่า ผมมีความยินดีที่ได้เห็นการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อวันในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเชื่องช้ายังคงส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของรายได้จากการให้บริการโดยรวม อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิปรับตัวขึ้นอย่างมากจากไตรมาสก่อน เนื่องมาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ เรายังคงตระหนักถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจให้บริการข้อมูลบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะเติบโตไปด้วยโดยการพัฒนาโครงข่าย เสริมสร้างช่องทางการขายและการจัดจำหน่าย มุ่งเน้นในการสร้างรายได้จากข้อมูล และเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลที่ดีที่สุด ในปีนี้ เราตั้งเป้าหมายสำหรับโครงข่ายและบริการ 4G ดังต่อไปนี้ 1.โครงข่าย 3G ครอบคลุม 95% ของจำนวนประชากรทั้งหมด 2.โครงข่าย 4G ที่เร็วที่สุดบนแบนด์วิธขนาด 15 MHz.และ3.เพิ่มฐานลูกค้า 4G เป็น 2.5 ล้านเลขหมาย โดยที่ 60% ของลูกค้าทั้งหมดใช้บริการข้อมูลของเรา