เอสแอลซีแจงซื้อหุ้นเนชั่น ‘สุทธิชัย หยุ่น’รู้ล่วงหน้า แถมยื่น 4 ข้อเสนอ ปัดเปลี่ยนผู้บริหาร แต่ไม่มีนโยบายปลดใครออก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1430143287
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี กรรมการบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์คฯ หรือบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1996) จำกัด (มหาชน) หรือ เอสแอลซี เปิดเผยหลังบริษัทถูกหนังสือพิมพ์ในเครือเนชั่นทั้งหมดพาดพิงเรื่องการเข้าซื้อหุ้นบริษัทเนชั่นอย่างไม่ถูกต้อง มีแหล่งเงินทุนจากการเมือง ว่า ยืนยันว่าได้เข้าซื้อหุ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และปัจจุบันบริษัทถือหุ้นเนชั่นอยู่เพียง 12.21% และมีใบสำคัญแสดงสิทธิ์จำนวนหนึ่ง ซึ่งวิธีการเข้าซื้อนั้น ได้ซื้อหุ้นจากกระดานในระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดการซื้อขายช่วงบ่ายวันที่ 16 ธันวาคม 2557
โดยก่อนจะเข้าซื้อหุ้นได้พยายามติดต่อเพื่อแสดงเจตนาการเข้าซื้อและโอกาสทางธุรกิจกับนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น ประธานกรรมการบริษัท เนชั่นฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้ก่อตั้งและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัท โดยนายสุทธิชัยได้ตอบตกลงและร่วมรับประทานอาหารในวันที่เข้าซื้อหุ้นพอดี ซึ่งวันที่เข้าร่วมทานอาหารเพื่อแนะนำตัวนั้นนายสุทธิชัยได้ขอให้บริษัทดำเนินการ 4 เรื่อง ทั้งนี้ ในการพูดคุยมีทีมผู้บริหารเอสแอลซีประกอบด้วย นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร นายอภิวุฒิ ทองคำ รวมหารือด้วย
“นายสุทธิชัยยินดีที่บริษัทเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและขอให้บริษัทดำเนินการ 4 ข้อ คือ 1.ขอเอสแอลซีมอบใบมอบฉันทะผู้ถือหุ้นทั้งหมดให้กับนายสุทธิชัยเพราะใกล้วันประชุมผู้ถือหุ้น 2.ขอให้อย่าเพิ่งส่งตัวแทนกรรมการ ผู้บริหารเข้าไปในบริษัท เพราะเกรงกระทบภาพลักษณ์ 3.ขอให้หาวิธีให้การปิดทะเบียนผู้ถือหุ้นมีนายสุทธิชัยอยู่อันดับที่ 1 4.ขอให้เอสแอลซีถือหุ้นเนชั่นไม่เกิน 15% ซึ่งบริษัทยินดีรับข้อเสนอทุกอย่าง และได้มอบดอกไม้เพื่อแสดงความเคารพและไมตรีจิตที่ดีให้นายสุทธิชัยด้วย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการโจมตีทางหน้าหนังสือพิมพ์ และทีมบริหารไม่ได้เข้าหารือกับนายสุทธิชัยอีก ซึ่งข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาทางธุรกิจปากเปล่าที่เกิดขึ้นภายในชั่วโมงนั้น แต่หลังจากนั้นเหมือนเบรกดาวน์ออกไปแล้ว จึงคิดว่าถึงแม้อยากให้มันเกิดขึ้น แต่คงยากที่จะดำเนินต่อ เพราะข้อตกลงได้ถูกทำลายไปแล้ว” น.ส.วทันยากล่าว
ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นบริษัทได้ตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องการเข้าลงทุนในบริษัท ตั้งที่ปรึกษาการเงิน คณะทำงานเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ และกิจการวิทยุและทีวี ซึ่งหลังเกิดปัญหาจะถอนการลงทุนในบริษัทเนชั่นหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการ เพราะการขายหุ้นจำนวนมากจะต้องเกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำตามครรลองเรื่องกฎหมาย จริยธรรม มารยาททางสังคม ด้วยความนอบน้อมมาโดยตลอด จึงไม่มีเหตุผลว่าแค่ถูกกล่าวหาด้วยข้อความที่เป็นเท็จบ้าง คงไม่ใช่เหตุผลหลักที่คณะกรรมการต้องตัดสินใจว่าจะเข้าหรือออกจากการลงทุน ส่วนจะส่งกรรมการไปนั่งบริหารหรือไม่นั้นยังไม่ได้มองอนาคต แต่ขณะนี้ยืนยันว่าจะถือหุ้นยาวให้บริษัทเนชั่นมีสิทธิเสรีภาพการทำงานไม่ใช้สื่อทำร้ายใครเป็นไปตามแนวคิดของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการบริษัท ไม่มีความคิดปลดผู้บริหาร พนักงาน หากใครทำตามอุดมการ ตามนโยบายได้จะไม่มีปัญหากับบริษัท ขณะที่ผู้บริหารใหม่ไม่เคยทาบทามใครให้มาดำรงตำแหน่ง
“ส่วนเรื่องการกล่าวหาว่าผู้บริหารเดินทางไปรับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าเงินลงทุนทุกเม็ดของเอสแอลซี และสปริงนิวส์ไม่เคยมีเม็ดงเงินลงทุนใดที่มีความเกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณเลย โดยส่วนตัวไม่รู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยพบ เรื่องคดีหากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัทกรัพย์(กลต.)ต้องการข้อมูล บริษัทก็พร้อมให้ข้อมูลทุกประการกับ กลต. เอสแอลซีขอเรียนร้องความเป็นธรรม กลต.และตลาดในการให้ความเป็นธรรามผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน”น.ส.วทันยากล่าว
น.ส.วทันยากล่าวอีกว่า ในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เนชั่น ในวันที่ 29 เมษายนนี้ จะมอบฉันทะให้ทีมกฎหมายร่วมประชุม ส่วนจะโหวตอย่างไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ซึ่งบริษัทมีหุ้นเพียง 12.21% ไม่สามารถควบคุมการออกเสียงได้ จึงขอให้คณะกรรมการเคารพสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นด้วย หากเรื่องการประชุมไม่จบในกฎหมายมีเขียนชัดเจนว่าบริษัทมีสิทธิ์ทำอะไรบ้าง ส่วนแผนงานบริษัทจะมุ่งเน้นสื่อทั้งออนไลน์ ออนแอร์ ออนกราวด์ ซึ่งเนชั่นตอบโจทย์ทั้งหมด และอยู่ในระหว่างเจรจากับบริษัทด้านธุรกิจสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์อีก 2 แห่ง เพื่อเสริมธุรกิจด้วย
ด้านนายฉาย บุญนาค กล่าวว่า ในวันที่ 16 ธันวาคม 2557 ได้เดินทางไปร่วมทานข้าวกับนายสุทธิชัยจริง แต่ไปเพราะเป็นผู้นัด และเป็นมารยาทางธุรกิจที่ควรอยู่ในที่ลับ หลังจากการหารือครั้งนั้นทางบริษัทเอสแอลซีและเนชั่นหารืออย่างไรต่อตนไม่ทราบ ยืนยันว่าการเข้าซื้อหุ้นเนชั่นของเอสแอลซีไม่เกี่ยวข้องกับตน และในอนาคตจะไม่เข้าไปถือหุ้นหรือมีชื่อของตนไปปรากฎเป็นรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทเนชั่นแน่นอน ส่วนเครื่อข่ายผู้ถือหุ้นที่มีผู้เขียนให้เห็นความเชื่อมโยงนั้น ยอมรับว่ารู้จักกรรมการหลายท่านในเอสแอลซี แต่รู้จักไม่ครบทุกคน ไม่เคยถือหุ้นในบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) และรู้จักกรรมการบริษัทดังกล่าวเพียงบางท่าน
“สื่อใช้ความเชื่อมโยงว่าผมเป็นสามีของกรรมการบริษัท โยงคนที่ผมและภรรยาเคารพว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดียวกันโดยผู้ที่เขียนไม่เคยถาม โจมตีมา 133 วันติด ทั้งที่หลายชื่อที่ปรากฎผมไม่เคยรู้จัก และมีผู้บริหารบริษัทที่เขียนโจมตีบางรายไปข่มขู่ญาติผม นัดพูดคุยเพื่อข่มขู่ให้ถอนหุ้นออก ออกจดหมายเปิดผนึกหาผุ้ถือหุ้น ทุกอย่างมีหลักฐานแต่อยู่ในระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย กลัวว่าผมจะเข้าซื้อหุ้น โดยกล่าวอ้างว่าเอาเงินมาจากทักษิณ เป็นตัวแทนคสช. เป็นเงินทุนสีเทา สรุปผมเป็นตัวแทนใครกันแน่ ยอมรับว่าเป็นตัวกลางแนะนำให้คุณอารักษ์ คุณวทันยา รู้จักสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เพื่อเป็นพันธมิตรกับทีนิวส์ ซึ่งหากผมรับเงินคุณทักษิณ คุณสนธิญาณจะยอมหารือกับผมหรือ”นายฉายกล่าว
ทั้งนี้ ยอมรับว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตนมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในตลาดทุน แต่ไม่อยากโต้เถียงด้วย เพราะกินเวลามานานแล้ว แต่ผลกระทบที่กระทบต่อคนรอบตัวเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม หากปฎิรูปสื่อก็ทำไป แต่ไม่ควรเอาตนเป็นเหยื่อข่าว มาโยงเอสแอลซีเพื่อดิสเครดิตบริษัท พนักงานเนชั่นมีคำตอบในใจว่าใครครอบงำสื่อ ใครบังคับ ครอบงำสื่อคืออะไร ผู้ถือหุ้นที่ดีคืออะไร หากบริษัทโปร่งใสจริงเหตุใดจึงไม่ให้ส่งตัวแทนเข้าไปร่วมบริหารน่าจะเขียนในหนังสือชี้ชวนก่อนเข้าตลาดว่าอะไรคือผู้ถือหุ้นที่ดี
เอสแอลซีแจงซื้อหุ้นเนชั่น ‘สุทธิชัย หยุ่น’รู้ล่วงหน้า แถมยื่น 4 ข้อเสนอ ปัดเปลี่ยนผู้บริหาร แต่ไม่มีนโยบายปลดใครออก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1430143287
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี กรรมการบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์คฯ หรือบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1996) จำกัด (มหาชน) หรือ เอสแอลซี เปิดเผยหลังบริษัทถูกหนังสือพิมพ์ในเครือเนชั่นทั้งหมดพาดพิงเรื่องการเข้าซื้อหุ้นบริษัทเนชั่นอย่างไม่ถูกต้อง มีแหล่งเงินทุนจากการเมือง ว่า ยืนยันว่าได้เข้าซื้อหุ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และปัจจุบันบริษัทถือหุ้นเนชั่นอยู่เพียง 12.21% และมีใบสำคัญแสดงสิทธิ์จำนวนหนึ่ง ซึ่งวิธีการเข้าซื้อนั้น ได้ซื้อหุ้นจากกระดานในระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดการซื้อขายช่วงบ่ายวันที่ 16 ธันวาคม 2557
โดยก่อนจะเข้าซื้อหุ้นได้พยายามติดต่อเพื่อแสดงเจตนาการเข้าซื้อและโอกาสทางธุรกิจกับนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น ประธานกรรมการบริษัท เนชั่นฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้ก่อตั้งและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัท โดยนายสุทธิชัยได้ตอบตกลงและร่วมรับประทานอาหารในวันที่เข้าซื้อหุ้นพอดี ซึ่งวันที่เข้าร่วมทานอาหารเพื่อแนะนำตัวนั้นนายสุทธิชัยได้ขอให้บริษัทดำเนินการ 4 เรื่อง ทั้งนี้ ในการพูดคุยมีทีมผู้บริหารเอสแอลซีประกอบด้วย นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร นายอภิวุฒิ ทองคำ รวมหารือด้วย
“นายสุทธิชัยยินดีที่บริษัทเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและขอให้บริษัทดำเนินการ 4 ข้อ คือ 1.ขอเอสแอลซีมอบใบมอบฉันทะผู้ถือหุ้นทั้งหมดให้กับนายสุทธิชัยเพราะใกล้วันประชุมผู้ถือหุ้น 2.ขอให้อย่าเพิ่งส่งตัวแทนกรรมการ ผู้บริหารเข้าไปในบริษัท เพราะเกรงกระทบภาพลักษณ์ 3.ขอให้หาวิธีให้การปิดทะเบียนผู้ถือหุ้นมีนายสุทธิชัยอยู่อันดับที่ 1 4.ขอให้เอสแอลซีถือหุ้นเนชั่นไม่เกิน 15% ซึ่งบริษัทยินดีรับข้อเสนอทุกอย่าง และได้มอบดอกไม้เพื่อแสดงความเคารพและไมตรีจิตที่ดีให้นายสุทธิชัยด้วย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการโจมตีทางหน้าหนังสือพิมพ์ และทีมบริหารไม่ได้เข้าหารือกับนายสุทธิชัยอีก ซึ่งข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาทางธุรกิจปากเปล่าที่เกิดขึ้นภายในชั่วโมงนั้น แต่หลังจากนั้นเหมือนเบรกดาวน์ออกไปแล้ว จึงคิดว่าถึงแม้อยากให้มันเกิดขึ้น แต่คงยากที่จะดำเนินต่อ เพราะข้อตกลงได้ถูกทำลายไปแล้ว” น.ส.วทันยากล่าว
ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นบริษัทได้ตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องการเข้าลงทุนในบริษัท ตั้งที่ปรึกษาการเงิน คณะทำงานเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ และกิจการวิทยุและทีวี ซึ่งหลังเกิดปัญหาจะถอนการลงทุนในบริษัทเนชั่นหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการ เพราะการขายหุ้นจำนวนมากจะต้องเกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำตามครรลองเรื่องกฎหมาย จริยธรรม มารยาททางสังคม ด้วยความนอบน้อมมาโดยตลอด จึงไม่มีเหตุผลว่าแค่ถูกกล่าวหาด้วยข้อความที่เป็นเท็จบ้าง คงไม่ใช่เหตุผลหลักที่คณะกรรมการต้องตัดสินใจว่าจะเข้าหรือออกจากการลงทุน ส่วนจะส่งกรรมการไปนั่งบริหารหรือไม่นั้นยังไม่ได้มองอนาคต แต่ขณะนี้ยืนยันว่าจะถือหุ้นยาวให้บริษัทเนชั่นมีสิทธิเสรีภาพการทำงานไม่ใช้สื่อทำร้ายใครเป็นไปตามแนวคิดของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการบริษัท ไม่มีความคิดปลดผู้บริหาร พนักงาน หากใครทำตามอุดมการ ตามนโยบายได้จะไม่มีปัญหากับบริษัท ขณะที่ผู้บริหารใหม่ไม่เคยทาบทามใครให้มาดำรงตำแหน่ง
“ส่วนเรื่องการกล่าวหาว่าผู้บริหารเดินทางไปรับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าเงินลงทุนทุกเม็ดของเอสแอลซี และสปริงนิวส์ไม่เคยมีเม็ดงเงินลงทุนใดที่มีความเกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณเลย โดยส่วนตัวไม่รู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยพบ เรื่องคดีหากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัทกรัพย์(กลต.)ต้องการข้อมูล บริษัทก็พร้อมให้ข้อมูลทุกประการกับ กลต. เอสแอลซีขอเรียนร้องความเป็นธรรม กลต.และตลาดในการให้ความเป็นธรรามผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน”น.ส.วทันยากล่าว
น.ส.วทันยากล่าวอีกว่า ในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เนชั่น ในวันที่ 29 เมษายนนี้ จะมอบฉันทะให้ทีมกฎหมายร่วมประชุม ส่วนจะโหวตอย่างไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ซึ่งบริษัทมีหุ้นเพียง 12.21% ไม่สามารถควบคุมการออกเสียงได้ จึงขอให้คณะกรรมการเคารพสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นด้วย หากเรื่องการประชุมไม่จบในกฎหมายมีเขียนชัดเจนว่าบริษัทมีสิทธิ์ทำอะไรบ้าง ส่วนแผนงานบริษัทจะมุ่งเน้นสื่อทั้งออนไลน์ ออนแอร์ ออนกราวด์ ซึ่งเนชั่นตอบโจทย์ทั้งหมด และอยู่ในระหว่างเจรจากับบริษัทด้านธุรกิจสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์อีก 2 แห่ง เพื่อเสริมธุรกิจด้วย
ด้านนายฉาย บุญนาค กล่าวว่า ในวันที่ 16 ธันวาคม 2557 ได้เดินทางไปร่วมทานข้าวกับนายสุทธิชัยจริง แต่ไปเพราะเป็นผู้นัด และเป็นมารยาทางธุรกิจที่ควรอยู่ในที่ลับ หลังจากการหารือครั้งนั้นทางบริษัทเอสแอลซีและเนชั่นหารืออย่างไรต่อตนไม่ทราบ ยืนยันว่าการเข้าซื้อหุ้นเนชั่นของเอสแอลซีไม่เกี่ยวข้องกับตน และในอนาคตจะไม่เข้าไปถือหุ้นหรือมีชื่อของตนไปปรากฎเป็นรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทเนชั่นแน่นอน ส่วนเครื่อข่ายผู้ถือหุ้นที่มีผู้เขียนให้เห็นความเชื่อมโยงนั้น ยอมรับว่ารู้จักกรรมการหลายท่านในเอสแอลซี แต่รู้จักไม่ครบทุกคน ไม่เคยถือหุ้นในบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) และรู้จักกรรมการบริษัทดังกล่าวเพียงบางท่าน
“สื่อใช้ความเชื่อมโยงว่าผมเป็นสามีของกรรมการบริษัท โยงคนที่ผมและภรรยาเคารพว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดียวกันโดยผู้ที่เขียนไม่เคยถาม โจมตีมา 133 วันติด ทั้งที่หลายชื่อที่ปรากฎผมไม่เคยรู้จัก และมีผู้บริหารบริษัทที่เขียนโจมตีบางรายไปข่มขู่ญาติผม นัดพูดคุยเพื่อข่มขู่ให้ถอนหุ้นออก ออกจดหมายเปิดผนึกหาผุ้ถือหุ้น ทุกอย่างมีหลักฐานแต่อยู่ในระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย กลัวว่าผมจะเข้าซื้อหุ้น โดยกล่าวอ้างว่าเอาเงินมาจากทักษิณ เป็นตัวแทนคสช. เป็นเงินทุนสีเทา สรุปผมเป็นตัวแทนใครกันแน่ ยอมรับว่าเป็นตัวกลางแนะนำให้คุณอารักษ์ คุณวทันยา รู้จักสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เพื่อเป็นพันธมิตรกับทีนิวส์ ซึ่งหากผมรับเงินคุณทักษิณ คุณสนธิญาณจะยอมหารือกับผมหรือ”นายฉายกล่าว
ทั้งนี้ ยอมรับว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตนมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในตลาดทุน แต่ไม่อยากโต้เถียงด้วย เพราะกินเวลามานานแล้ว แต่ผลกระทบที่กระทบต่อคนรอบตัวเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม หากปฎิรูปสื่อก็ทำไป แต่ไม่ควรเอาตนเป็นเหยื่อข่าว มาโยงเอสแอลซีเพื่อดิสเครดิตบริษัท พนักงานเนชั่นมีคำตอบในใจว่าใครครอบงำสื่อ ใครบังคับ ครอบงำสื่อคืออะไร ผู้ถือหุ้นที่ดีคืออะไร หากบริษัทโปร่งใสจริงเหตุใดจึงไม่ให้ส่งตัวแทนเข้าไปร่วมบริหารน่าจะเขียนในหนังสือชี้ชวนก่อนเข้าตลาดว่าอะไรคือผู้ถือหุ้นที่ดี