กระทู้นี้ต้องการพูดถึงความจริงอีกด้าน----------------ทวดเอง และ ทวดเอง

กระทู้สนทนา
สืบเนื่องจากมีเพื่อนๆสมาชิกหลายๆท่านที่เข้าใจว่า ทวดเอง ชอบพูดถึงความจริงด้านเดียว หรือไม่พูดไม่หมด พูดเข้าข้างตัวเอง

ซึ่งผมคิดว่า บางทีหลายท่านอาจอ่านแล้วไม่เข้าใจ อาจอ่านแล้วจับใจความไม่ได้ หรืออาจไม่รู้ว่าประเด็นที่ผมต้องสื่อคืออะไร

ทำให้ผมจำเป็นต้องมีกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่ออธิบายให้ท่านเหล่านั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้ เข้าใจถึงเจตนาที่ผมต้องการสื่อ และยังต้องการให้ท่านเหล่านั้นได้ทราบว่า ที่แท้แล้วตัวเองได้รับข้อมูลมากแค่ไหน ถึงไม่เคยเข้าใจถึงประเด็นที่ผมต้องการสื่อสักที

เริ่มจากกระทู้นี้ก่อนเลยนะครับ เพื่อนๆ

http://ppantip.com/topic/33559956/comment3-9

เรามีสภาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญแม้แต่มาตราเดียว
ความจริงอีกด้านก็คือ ถ้าเป็นรัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์จะแก้กี่ข้อก็ได้ ไม่ว่าเหล่า สว.ลากตั้ง ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ล้วนแต่ไม่อินังขังขอบอะไรหรอกครับ

เราใช้การลงมติเป็นการตัดสิน แต่มติเสียงส่วนใหญ่เป็นเผด็จการรัฐสภา
ความจริงอีกด้านก็คือ เผด็จการรัฐสภามีไว้ใช้สำหรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยเสียงถล่มทลายเท่านั้น

เรามีการแถลงนโยบายในสภา แต่คนแถลงกำลังถูกฟ้องร้องเพราะทำตามนโยบาย
ความจริงอีกด้านก็คือ รัฐบาล ปชป. ไม่ได้ถูกฟ้องด้วย เพราะปปช.อาจยังไม่ได้รับเอกสาร หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะพวกท่านมีงานเยอะ เลยปล่อยให้บางคดีหมดอายุความ

เรามีนายกฯที่เป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ แต่ต้องถูกถอดถอนจากคนที่มาจากการแต่งตั้ง
ความจริงอีกด้านก็คือ มันเป็นสถานการณ์พิเศษ จะเอาเยี่ยงอย่างนี้มาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ เว้นเสียแต่พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีก

เรามีนโยบายช่วยเหลือคนยากจน แต่ต้องมาล้มเลิก เพราะกลัวการขาดทุน
ความจริงอีกด้านก็คือ ทุกนโยบาย ทุกมาตรการ ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือ ล้วนแต่ไม่ได้หวังผลเรื่องกำไร-ขาดทุนกันทั้งสิ้น แล้วทำไมจึงใช้คำว่า ขาดทุน กับโครงการจำนำข้าวเพียงโครงการเดียว

เรามีโครงการปรับโครงสร้างคมนาคมให้ทันสมัย แต่ต้องชะงัก เพราะต้องรอถนนดินลูกรังหมดก่อน
ความจริงอีกด้านก็คือ ถ้าเป็นรัฐบาลอื่น ต่อให้เม็ดเงินมากขึ้นกว่าเดิม ถนนดินลูกรังจะหมดหรือไม่หมด ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ จะเป็นหนี้อีกกี่ชาติก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เข้าใจบ้างไหมหนอ

เราเคยไม่ยอมรับสภาผัวเมีย แต่กลับยอมรับทั้งสภาเป็นเนื้อเดียวกัน
ความจริงอีกด้านก็คือ หน้าที่สภาในตอนนี้ก็คือการทำงานทางการเมือง แล้วทั้ง สนช. สปช. ก็ล้วนออกมายอมรับเองว่าเป็นเนื้อเดียวกัน อย่างนี้แล้วมันดีกว่าสภาผัวเมียตรงไหน

เราทนไม่ได้กับเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น แต่กลับเพิกเฉยเรื่องส่วนต่างของราคา
ความจริงอีกด้านก็คือ การทุจริตจะมากเป็นหมื่นล้านหรือน้อยแค่สิบล้าน มันก็คือการทุจริตทั้งสิ้น ถ้าอาสามาปราบทุจริตจริง เรื่องส่วนต่างของราคามันก็ “ส่อ”แล้วจริงไหม

เราขยันรีบเร่งการรุกป่าของโบนันซ่า แต่มายาคีรีกลับไม่ดังเหมือนเป่านกหวีด
ความจริงอีกด้านก็คือ ถ้าต้องการจัดการเรื่องรุกป่ากันจริงๆ ต้องจัดการทุกคน ทุกฝ่าย ด้วยมาตรฐานเดียวกัน มันจึงจะไม่สร้างความคลางแคลงให้กับสังคม

เราต้องการให้พรรคการเมืองชูนโยบาย แต่ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองหาเสียง
ความจริงอีกด้านก็คือ ทุกนโยบายของพรรคการเมืองก็คือต้องการนำเสนอสิ่งที่ต้องการทำ เมื่อได้เป็นรัฐบาล เมื่อประชาชนสนใจก็จะแปลงมาเป็นคะแนนเสียงสำหรับพรรคนั้น เข้าใจกันไหมเนี่ย

เราต้องการปฏิรูปประเทศ แต่กลับไม่ยอมรับฟังเสียงส่วนใหญ่
ความจริงอีกด้านก็คือ แต่งตั้งกันเอง  คิดกันเอง เขียนกันเอง ทำตามความพอใจกันเอง อย่างนี้แล้วจะเป็นการปฏิรูปประเทศหรือปฏิรูปเพื่อพวกเดียวกันกันแน่ครับ

เราต้องการความปรองดอง แต่กลับให้คนฝ่ายเดียวเป็นคนร่างกติกา
ความจริงอีกด้านก็คือ ไม่มีกติกาใดๆในโลกนี้ ที่เขียนขึ้นโดยคู่ขัดแย้งฝ่ายเดียว จะสามารถสร้างกติกาที่เป็นกลาง ที่เป็นธรรม แล้วจะสร้างความปรองดองได้อย่างไร คิดกันบ้างไหม

เราต้องการพลเมืองให้เป็นใหญ่ แต่กลับไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับประชาชน
ความจริงอีกด้านก็คือ เปลี่ยนความหมายจาก “ประชาชน” ให้กลายเป็น “พลเมือง” เพื่อจะให้รู้จัก “หน้าที่ของพลเมือง” ก่อนจะรู้จัก “สิทธิของประชาชน”

เราต้องการปฏิรูปศาสนา แต่กลับไม่มีพระสงฆ์เข้าร่วมปฏิรูป
ความจริงอีกด้านก็คือ การปฏิรูปโดยกลุ่มคนที่มีความคิดสุดโต่งโดยไม่ฟังเสียงใคร ย่อมทำให้ความขัดแย้งขยายสู่วงการศาสนา นี่หรือคือการปรองดอง นี่หรือคือการปฏิรูป

เราต้องการปฏิรูปตำรวจ แต่ก็ไม่เคยถามความเห็นของเหล่าตำรวจ
ความจริงอีกด้านก็คือ ต้องการลดขนาดของตำรวจให้เล็กลง โดยแยกการสอบสวนออกจากตำรวจ โดยไม่คำนึงถึงหน่วยงานสอบสวนจะสามารถประสานงานกับตำรวจได้ทันการณ์หรือไม่ มองเห็นความวุ่นวายบ้างไหมครับ

เราต้องการปฏิรูปการเมือง แต่กลับให้พวกไม่เคยผ่านการเลือกตั้งเป็นคนออกแบบ
ความจริงอีกด้านก็คือ คนเหล่านี้ล้วนไม่เคยศรัทธากับเสียงของประชาชน เพราะล้วนแต่เข้ามาทำงานทางการเมืองผ่านทางพิเศษมาทั้งสิ้น แล้วจะสามารถปฏิรูปการเมืองให้อยู่ในระบบได้อย่างไร

เราต้องการกติกาที่เป็นธรรม แต่กลับดันทุรังทั้งที่หลายฝ่ายไม่ยอมรับ
ความจริงอีกด้านก็คือ ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านซ้ำซากหรือพรรครัฐบาลเสมอมา ล้วนแต่ไม่ยอมรับกับกติกานี้ แล้วยังดันทุรังไปต่อ แล้วผลจะเป็นอย่างไรก็น่าจะเดาได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

เราต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ แต่กลับต้องการให้เป็นรัฐบาลผสมมาจากหลายพรรค
ความจริงอีกด้านก็คือ การย้อนกลับไปสู่วังวนในอดีต เป็นการหนีการซื้อเสียงจากประชาชน มาเป็นการซื้อตัวผู้แทนอันทรงเกียรติ

เรากลัว ส.ส.จากการเลือกตั้งเรียนสูงแล้วโกงมาก แต่กลับให้ สว.จากการแต่งตั้งต้องจบปริญญาตรีขึ้นไป
ความจริงอีกด้านก็คือ มองเห็นแต่ความเลวร้ายของตัวแทนจากประชาชน แต่มองข้ามความเลวร้ายของฝ่ายลากตั้ง ด้วยเหตุผลเดียว “พวกเดียวกัน”

เรามีประชาธิปไตยไม่เหมือนชาติอื่น แต่กลับใช้ระบบการเลือกตั้งของเยอรมัน
ความจริงอีกด้านก็คือ ถ้าต้องการแก้ตัวก็บอกว่าประชาธิปไตยของเราไม่เหมือนชาติอื่น แต่ถ้าต้องการประโยชน์ให้กับตัวเอง ก็จะบอกว่าเป็นการใช้ระบบเช่นเดียวกับชาติอื่น

เราใช้ระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมัน แต่กลับใช้ระบบบัญชีรายชื่อแบบเปิด
ความจริงอีกด้านก็คือ มีเพียงประเทศเดียวที่ใช้ระบบบัญชีรายชื่อแบบเปิดมีเพียงอินโดนีเซียประเทศเดียว ส่วนเยอรมันนั้นไม่ใช่

เราต้องการให้ สว.มาจากการเลือกตั้ง 77 คน แต่กลับให้เลือกจากคนที่มาจากการคัดสรร
ความจริงอีกด้านก็คือ ต่อให้มีสิทธิเลือก สว.ได้ 77 คน ก็ต้องเป็นคนที่คนดีคัดสรรมาให้ ซึ่งหมายความว่า ต่อให้สามารถเลือกตั้งได้ ก็ต้องเลือกคนที่พวกนั้นเห็นชอบด้วย อย่างนี้ใครจะเรียกว่าเลือกตั้งโดยอ้อมก็เรียกไป ส่วนผมขอเรียกว่า เลือกตั้งภาคบังคับ

เรามีสภานิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับมีคณะกรรมการขับเคลื่อนฯเสนอกฎหมายให้สภาเห็นชอบได้
ความจริงอีกด้านก็คือ รัฐบาลจากการเลือกตั้งจะกลั่นกรองหรือออกกฎหมาย จะมีองค์กรต่างๆคอยกำกับดูแล แต่คณะกรรมการขับเคลื่อนฯกลับสามารถเสนอกฎหมายได้สบายบรื๋อ สะดือโบ๋

เรากำลังสร้างรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด แต่กลับไม่กล้าให้ประชาชนลงมติ
ความจริงอีกด้านก็คือ คนไม่ทำผิดกฎหมายแล้วกลัวอะไร ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้ารัฐธรรมนูญดีที่สุดอย่างที่โฆษณาไว้มากมาย แล้วกลัวอะไรกับการทำประชามติ

เราต้องการปฏิรูปให้ประเทศเดินหน้า แต่กลับสร้างรัฐธรรมนูญให้ถอยหลัง
ความจริงอีกด้านก็คือ เนื้อหาหลายต่อหลายมาตรา ล้วนแต่ย้อนเวลากลับสู่อดีต ไม่ว่าจะเป็นการให้นายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งหรือการทำให้รัฐบาลอ่อนแอ หรือ ประชาชนไม่สามารถเลือกผู้แทนทีดีได้

เราต้องการความเจริญแบบสิงคโปร์ แต่กลับเกลียดกลัวเสียงส่วนใหญ่ในสภา
ความจริงอีกด้านก็คือ สิงคโปร์ที่เจริญอยู่ถึงวันนี้ เพราะมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง สามารถทำตามนโยบายได้โดยไม่มีฝ่ายค้านคอยถ่วงความเจริญ แล้วของเราล่ะครับ?

และสุดท้ายเราต้องการผู้นำอย่างลีกวนยู แต่กลับขับไล่นายกฯที่นานาชาติให้การยกย่อง
ความจริงอีกด้านก็คือ คุณทักษิณนำรูปแบบการบริหารแบบท่านลีกวนยู คือ การบริหารจะบรรลุเป้าหมายได้ ต้องมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง จนฝ่ายที่นำทุกเรื่องมาเป็นประเด็นทางการเมืองไม่สามารถทำอะไรได้นั่นเอง ซึ่งเราคงได้เห็นแล้วในสมัยคุณทักษิณที่เป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง สามารถเข้ามาเป็นสมัยที่สอง ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายยิ่งกว่าสมัยแรก

น่าเสียดายที่คนไทยปล่อยให้โอกาสนั้นผ่านไป แล้วยังแลกมาซึ่งความขัดแย้งของประชาชนมาร่วมสิบปี จากวาทกรรมกู้ชาติอะไรเหล่านั้น ถ้าตอนนี้ยังไม่สำนึก ประเทศไทยคงต้องจมปลักกันอีกต่อไป โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่โอกาสนั้นจึงจะกลับมาอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่