รีวิว ยื่นวีซ่าอเมริกาท่องเที่ยว นักศึกษา เดินทางคนเดียว

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ วันนี้มารีวิวเรื่องการขอวีซ่าอเมริกาแบบท่องเที่ยวครับ
ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ครับ อยากจะเดินทางไปเที่ยวนิวยอร์คเป็นเวลา 6 วันครับ
สำหรับวิธีขั้นตอนในการกรอกข้อมูลในฟอร์ม DS160 หรือการนัดคิวสัมภาษณ์ใน ustraveldocs ผมไม่ขอพูดถึงนะครับ
เพราะคิดว่ามีอยู่หลายกระทู้แล้วที่ให้ข้อมูลในด้านนี้ ก่อนไปยื่นผมก็ศึกษาจากใน Pantip ทั้งหมดครับ
แต่แนะนำว่า หลังกรอกเสร็จควรปรินท์ตัว copy ของ DS160 มาศึกษาด้วยครับว่ากรอกอะไรไปบ้าง
จะได้ไม่มีปัญหาในการตอบคำถามท่านกงสุลที่สัมภาษณ์เราในขั้นตอนสุดท้าย รวมถึงสตาฟคนไทยเช่นกันครับ

วันสัมภาษณ์
ผมได้คิวสัมภาษณ์วันที่ 23 เมษายน 2015 เวลา 07.15 ครับ ก็เดินทางลงสถานี BTS เพลินจิต ออกทาง Exit 2 ครับ
หลังจากนั้นก็เดินไปผ่านตึก Park Ventures, Plaza Athinee ไปเรื่อยๆ ครับ จริงๆ กะว่าจะเดินสบาย ๆ แต่วันนั้นฝนตกครับ
คือตกหนักมากตอนเช้า ผมตื่นมาตี 5 เตรียมตัว ออกจากบ้าน 05.45 น. ก็ยังตกหนักครับ แต่มาเบาบางลงตอน 6 โมงกว่าครับ
ผมมาถึงหน้าสถานฑูตเวลาประมาณ 06.40 น. ก็มีคนมาต่อแถวรอแล้วครับ คิวก็ประมาณ 15 คนครับ ก็รอต่อไป
จนเกือบ ๆ 7 โมง ก็จะมีพนักงานคนไทยมาตรวจเช็ค DS160 Confirmation ครับ คือใบที่มีรูปหน้าเรากับ Barcode ก็ยื่นให้เค้าดู
พร้อมกับ Passport ที่จะใช้ยื่น พนักงานก็จะถามเวลาที่นัดสัมภาษณ์ไว้ครับ ก็จะเขียนไว้บนใบ Confirmation ของเราครับ

*ข้อแนะนำ*
- กระเป๋าเอาเข้าไปได้นะครับ แต่ผมไม่แน่ใจเรื่องขนาด ตอนแรกจิตตกเพราะว่าเห็นมีคนบอกว่าห้ามนำกระเป๋าขนาดใหญ่ไป
ซึ่งกระเป๋า Tote ผมก็ขนาดพอสมควรครับ แต่ก็ผ่านมาได้
- อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ไม่ควรนำไปเลยครับ ยกเว้นโทรศัพท์ พามาได้ 1 คน 1 เครื่องเท่านั้น (สายหูฟัง ​+ ที่ชาร์ทแบตฝากรวมกัน)
ส่วน iPad iPod Power Bank นี่ไม่ได้เลยครับ ต้องเดินไปฝากที่ฝากข้างนอกสถานฑูตอย่างเดียวเท่านั้น รวมถึงของมีคมจำพวก
กรรไกร มีดคัทเตอร์ทุกอย่าง วันนั้นก็มีคนต้องทิ้งที่ถังขยะทางเข้าเหมือนกันครับ
- ร่มฝากได้ครับ วันนั้นทางรปภ. รับฝากครับ

หลังจากผ่านเข้ามาแล้ว ก็จะมีตรวจโลหะทั้งร่างกาย คือสิ่งที่ถือติดตัวทุกอย่าง ผ่านสแกนหมด เดินผ่านเครื่องตรวจจับแล้ว
ก็จะสแกนด้วยเครื่องตรวจแบบมือทั้งด้านหน้า ด้านหลังอีกครั้ง ก่อนจะรับของทุกอย่างที่ตะกร้าของเรา แล้วผลักออกไปที่อีกตึกครับ

เดินไปอีกตึก ก็จะเจอกับเคาท์เตอร์แรกครับ ก็เข้าแถวไปได้เลย เป็นพนักงานคนไทย ผมโดนคำถามเดียวว่า เคยขอวีซ่าอเมริกามั้ย
แล้วก็หนีบสติ๊กเกอร์ แล้วบอกให้อ่านตามขั้นตอนในป้ายครับ ซึ่งในป้ายก็คือจะบอกประมาณว่า ให้จดเลข EMS ไว้ Tracking Passport
ของเราไว้ โดยหมายเลข Tracking จะอยู่มุมบนขวาของสติ๊กเกอร์สีขาวอันนั้นครับ เค้าจะหนีบไว้กับคลิปหนีบกระดาษ พร้อมกับมัดยางวง
ไว้กับ DS160 Confirmation และ Passport ครับ

หลังจากนั้นก็เดินไปในห้องรอสัมภาษณ์เลยครับ เห็นหลายคนเดินไปผิดไปที่เคาน์เตอร์หน้าห้องเหมือนกันครับ ซึ่งเคาน์เตอร์นั้นเป็นเคาน์เตอร์สำหรับวีซ่าถาวรครับ ถ้าวีซ่าชั่วคราวให้เปิดประตูเข้าไปได้เลย (จริง ๆ จะมีป้ายลูกศรสีเขียวแนะนำตลอดเวลา สำหรับวีซ่าชั่วคราว และสีแดงสำหรับวีซ่าถาวรครับ) เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้วก็ให้รอคิวเลยครับ ซึ่งขั้นตอนนี้คือจะเป็นการรอคิวเพื่อเรียกสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่คนไทยก่อนตอนไปถึงก็ยังเปิดช่องเดียวครับ แถวเลยขยับค่อนข้างช้าพอสมควร จนผ่านไปสักพัก ก็ทยอยเปิดเคาน์เตอร์ ก็เริ่มเร็วขึ้นครับ ตอนช่วงนี้ผมไม่ทราบว่าเค้าเรียงคิวตามเวลานัดสัมภาษณ์กันอีกหรือเปล่า เพราะจากที่ฟัง ๆ ได้ยินพูดกันคือบางคนคิวสัมภาษณ์หลังจากผมก็ได้เข้ามาก่อน ไม่มีการแยกคิวอย่างไรตั้งแต่ด้านหน้าแล้วครับ มีแต่ถาม ไม่ได้แยกแถวอะไรเลย

พอถึงคิวผมในการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่คนไทย ก็ยื่นพาสปอร์ตพร้อมเอกสารที่มัดรวมกันโดยเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ด้านนอกให้กับเจ้าหน้าที่ครับ สำหรับผมโดนถามแค่ 2 คำถาม คือ เคยขอวีซ่าอเมริกามั้ย? กับ เคยเปลี่ยนชื่อมั้ย? ก็ให้สแกนลายนิ้วมือ 4 นิ้วซ้าย และ 4 นิ้วขวา หลังจากนั้น ก็นิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างครับ เรื่องการสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่คนไทยนี่ก็เวลาไม่เท่ากันนะครับ ของผมไม่เกิน 5 นาทีครับ ถามนิดเดียวก็ให้ไปต่อแล้ว ส่วนคนอื่นๆ บางคนถามนานมากครับ ผมไปรอสัมภาษณ์กับกงสุลแล้วยังไม่หลุดมาจากช่องนั้นเลยครับ

ขั้นตอนต่อไปคือยืนยันลายนิ้วมือ ช่องนี้จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันครับ ก็ให้หันกระดาษ DS160 Confirmation ที่มี Barcode ให้กับ เจ้าหน้าที่ครับ เจ้าหน้าที่ก็จะสแกนแล้วก็จะให้สแกนลายนิ้วมือที่ไม่ชัดอีกครั้ง โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่อเมริกันจะพูดไทยกับทุกคนก่อนครับ แต่ผมทักทายเค้าด้วยภาษาอังกฤษ​ เค้าเลยพูดภาษาอังกฤษใส่เลย อันนี้เลือกได้ครับ เพราะผมคิดว่าถ้าผมพูดไทยไปเค้าจะฟังไม่รู้เรื่องเพราะผมเป็นคนพูดเร็วครับ กลัวมีปัญหาในการสื่อสารภาษาไทย เค้าก็ให้ไปรอคิวสัมภาษณ์กับกงสุล

สัมภาษณ์กับกงสุล
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่กลัวที่สุดครับ เพราะมาศึกษา Case Study จาก Pantip เยอะพอสมควร เห็นเจอหลายรูปแบบมาก
แล้วเป็นคนที่ไม่ชอบการสัมภาษณ์ครับ ยิ่งมาแบบนี้ เหมือนมาสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยอีกรอบเลยครับ ก่อนมาสัมภาษณ์
ก็เลยตัดสินใจแต่งตัวให้เรียบร้อยมาเลยครับ ชุดนักศึกษา ผูกไทด์ กางเกงถูกระเบียบ เข็มขัดตรามหาวิทยาลัยถูกต้อง
เพราะเห็นใน Pantip มีคนพูดว่าถ้าเป็นนักศึกษาให้ใส่ไปเลย ซึ่งอึดอัดมากครับ ปกติไม่ใส่ 5555555
ก็ระหว่างรอ ช่องแรกก็เปิดให้เริ่มสัมภาษณ์ คุณน้าผู้หญิงท่านแรกสัมภาษณ์ ทางกงสุลก็พูดไทยหมด คือพูดได้ว่าลำโพง
ดังพอสมควรถึงขนาดที่ได้ยินเกือบทั้งห้อง แต่คุณน้าก็ไม่ผ่านครับ ก็เริ่มใจแป้วแล้ว เพราะตอนนั้นผมได้มาอยู่คิวที่ 5 ล่ะ
หลังจากนั้นก็มีอีกช่องเปิดก็ทยอยกันไป มีผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง เริ่มจิตตกครับ จนถึงคิวผม ช่องนั้นกำลังเซ็ทไมค์ เซ็ทคอมอยู่
ก็เกร็งครับ จนกงสุลเรียกเข้าไปที่ช่อง ก็เริ่มสัมภาษณ์ครับ

บทสัมภาษณ์
จนท:   สวัสดีครับ อายุเท่าไรครับ (ภาษาไทย สำเนียงอเมริกัน)
ผม:    21 ปีครับ 21 years old (เปลี่ยนเป็นพูดภาษาอังกฤษครับ อย่างที่บอกในเหตุผลข้างต้นว่าผมเป็นคนพูดเร็วกลัวไม่รู้เรื่อง)
จนท:   Okay, How long will you stay in America?
ผม:    6 days
จนท:   Which cities?
ผม:    Only New York
จนท:   What is the purpose for this journey?
ผม:    I'm going to travel before I'm going to intern at Switzerland. I already have Schengen Visa in the passport.

- กงสุลก็เปิดดูครับว่ามีวีซ่าจริงมั้ย -
จนท:   What is your organization that you going to intern?
ผม:    xxxxxxxx
จนท:   Okay, you study at xxxxx University?
ผม:    Yes, sir.
จนท:   In political science?
ผม:    Yes
จนท:   What do you think about the political situation in Thailand right now?
ผม:    (ก็ตอบความเห็นไปครับตามความคิดตัวเองตรงๆ แล้วก็พูดหยอดไปว่าสนใจเรื่องการเมืองอเมริกาเหมือนกัน เพราะใกล้จะหมดวาระของโอบาม่าแล้ว คนใหม่ที่ขึ้นมาคงจะเป็นอะไรที่น่าสนใจน่าดู เช่น ​Hilary Clinton)
จนท:   (ยิ้ม) So you traveling around New York or just transit in New York before going to your internship?
ผม:    Travelling around. I'm already booked a hotel in New York for 5 nights.
จนท​:   Okay, I approve your visa.
ผม:    Thank you so much!
จนท:   Good luck for your internship!

ตลอดเวลาในการสัมภาษณ์คือ เจ้าหน้าที่กงสุลไม่ดูเอกสารอะไรเลยซักใบเดียวครับ ซึ่งผมเตรียมไปเยอะมาก แอบแปลกใจเหมือนกัน
เพราะหลาย ๆ คนดูเอกสารเยอะมาก ของผมเจ้าหน้าที่เปิดดูอย่างเดียวคือวีซ่าเชงเก้นที่แปะอยู่ ยืนยันว่าเสร็จจากนิวยอร์คจะเดินทาง
ต่อไปฝึกงานที่สวิสเซอร์แลนด์จริง ๆ หลังจากนั้นก็ถามปกติครับ ซึ่งเอกสารที่ผมเตรียมไปคือ

- ตั๋วเครื่องบิน BKK-JFK-GVA-BKK
- ใบจองโรงแรมจาก ​Booking
- ใบรับรองสถานะความเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย ฉบับภาษาอังกฤษ
- ใบผลการศึกษา Transcript
- Statement ย้อนหลังของคุณแม่ 6 เดือน ตัวจริง
- Bank Certificate ของธนาคาร ตัวจริง
- สมุดบัญชีธนาคารของคุณแม่ (ณ ขณะนั้นมี 6 หลัก)
- ใบรับรองการฝึกงานจากองค์กรในสวิสเซอร์แลนด์

หลังจากออกมาจากห้องเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับไปทางเดิมครับ จะมีป้ายบอกทางออกมา ตอนแรกก็งงว่าทำไมไม่มีใบสีฟ้าอะไรให้ เหมือนที่อ่านมา พอออกไปข้างนอกก็มีป้ายเขียนไว้ครับว่า ถ้าสัมภาษณ์วีซ่าผ่านแล้ว ไม่ต้องซื้อซอง กลับบ้านได้เลย ก็เดินออกไปรับของที่ฝาก ก็กลับครับ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับท่านอื่นๆ นะครับ ผมว่าความมั่นใจกับการตอบคำถามเจ้าหน้าที่แบบไม่ลังเล หรือแสดงออกให้เห็นว่า เราจะออกจากสหรัฐอเมริกาแน่นอน ก็คาดว่าจะได้วีซ่ามาครอบครองแล้วครับ ตอนนี้ผมก็กลับมารอวีซ่าครับ ยังไม่มีอะไรอัพเดทเลย

ตอนนี้กำลังแอบกังวลครับว่า ทำไมเช็คเลข Tracking Number ที่ทางสถานฑูตให้มาแล้ว ยังขึ้นว่า ไม่พบข้อมูล คงต้องรอต่อไปครับ

ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่