สวัสดีค่ะ เราเพิ่งไปขอวีซ่าเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา
เป็นวีซ่าท่องเที่ยว( B1/B2 ) ขอพร้อมกับแฟนเลยเลือกสัมภาษณ์แบบกลุ่ม
เราสมัครขอวีซ่าอเมริกาเป็นครั้งแรกค่ะ
ส่วนของแฟนเป็นครั้งที่2
ครั้งแรกแฟนไปwork and travel วีซ่า J1 เมื่อ 10ปีที่แล้วค่ะ
เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชน
ส่วนแฟนทำธรุกิจส่วนตัว
กระทู้นี้ตั้งใจรีวิวขั้นตอนสัมภาษณ์และการเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์ค่ะ
*สิ่งที่ต้องเตรียมในการนัดสัมภาษณ์คือ
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-typeb1b2.asp
1.กรอกแบบฟอร์มการยื่นคำร้องวีซ่าชั่วคราวDS160
2.ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้วทำการนัดวันสัมภาษณ์
3.ปริ้นท์ใบยืนยัน DS160, ใบยืนยันนัดสัมภาษณ์,ใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียม
4.รูปถ่าย1ใบ
5.Passport เล่มปัจจุบันและเล่มเก่า
ส่วนเอกสารอื่นๆที่เราเตรียมไปเผื่อเจ้าหน้าที่กงสุลจะนำมาพิจารณาประกอบสัมภาษณ์มีดังนี้
1.หนังสือรับรองงานโดยทางบริษัทได้ระบุวันเดินทางเข้าออกและเงินเดือนด้วย(สำหรับพนักงานบริษัท),
ใบจดทะเบียนการค้า(สำหรับเจ้าของกิจการ)
2.Statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง6เดือนและหนังสือรับรองจากธนาคาร
3.แผนการเดินทางโดยย่อ
**เอกสารทุกฉบับเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดค่ะ
ในวันสัมภาษณ์ ของเรานัดไว้9โมง แต่ไปถึงก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ด้านนอกจะแจ้งให้เตรียมเอกสารโดยเอาใบเสร็จ
ใบนัดสัมภาษณ์และใบยืนยันDS160 แนบไว้ในหน้าPassport
ทางสถานฑูตไม่อนุญาตให้นำมือถือเข้าไปได้ ดังนั้นต้องใช้บัตรประชาชนในการฝากมือถือไว้กับเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
ขั้นตอนสัมภาษณ์มีทั้งหมด4ด่านด้วยกัน
ฟังดูน่ากลัวนะคะแต่เปล่าเลย
-ขั้นตอนแรกคือจนท.คัดกรองเอกสารค่ะ เป็นจนท.คนไทย เค้าจะแจ้งคิวรอบเวลานัด เราแค่เดินเข้าแถวไป จนท.จะถามว่าขอวีซ่าครั้งแรกมั้ย ถ้าเคยขอแล้ว
ก็จะถามว่าวีซ่าหมดอายุเกิน1ปีรึยัง แล้วก็ยื่นเอกสารกับPassport ที่เตรียมไว้ให้เค้า หลังจากนั้นก็เข้าไปรอคิวในห้องเย็นด้านในค่ะ
-ขั้นตอนที่สองยังคงเป็นการสัมภาษณ์โดยจนท.คนไทย ในกรณีของเราขอพร้อมกัน2คน เค้าถามว่าเป็นอะไรกัน เราก็ตอบไปว่าเป็นแฟน แล้วก็ถามว่ารูปถ่ายเมื่อไหร่ แฟนตอบไปว่าไม่เกิน6เดือน เสร็จแล้วก็จะให้เราscan ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว
-ขั้นตอนที่สามคราวนี้เป็นจนท.ฝรั่งค่ะ แต่เค้าแค่กล่าวคำว่าสวัสดีครับและให้เราscan ลายนิ้วมืออีกครั้ง แค่นั้นเองค่ะ (แฟนบอกว่าลุงแกว่าง)
-ขั้นตอนที่สี่สัมภาษณ์ด่านสุดท้าย พอถึงขั้นตอนนี้ใจมันเริ่มเต้นแรงมากขึ้น มีความตื่นเต้น แฟนเราบอกยังไงก็ผ่านมั่นใจมาก แต่ตอนscanลายนิ้วมือ จนท.ต้องไปเอากระดาษทิชชูให้นางเช็ดเหงื่อที่มือค่ะ เพราะscanนิ้วไม่ติดเลย นางบอกร่างกายกับใจมันสวนทางกัน(ตื่นเต้นก็บอกเหอะ)

ห้องสัมภาษณ์เป็นออฟฟิศเล็กๆ ให้เราเดินวนไปตามช่องต่างๆ จนท.กงสุลเค้าจะนั่งอยู่ด้านในโดยมีกระจกใสกั้นอยู่แบ่งเป็นช่องๆ คล้ายๆกับช่องแลกเหรียญBTSค่ะ ใครคุยอะไรกันก็ได้ยินหมด คิวก่อนหน้าเราผ่านเกือบทุกคน จนท.พูดผ่านไมค์ดังมากว่า Your Visa is approved
เราหันไปบอกแฟนว่าทำไมวันนี้คนผ่านเยอะจัง แฟนเราพูดให้กำลังใจกลับมาว่า
พอถึงคิวเราโควต้าหมดพอดี นึกในใจขอบคุณค่ะ (เอาค่าวีซ่า5พันกว่าบาทกุคืนมา

) แล้วก็ถึงคิวเราค่ะ
จนท.ถามว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย เรากับแฟนตอบว่าได้ เค้าเลยถามเป็นภาษาอังกฤษบ้างไทยบ้าง (จนท.กงสุลที่สัมภาษณ์น่าจะพูดไทยเป็นทุกคน
ฉะนั้นคนที่พูดอังกฤษไม่แข็งแรงก็พูดอังกฤษคำไทยคำก็ได้ค่ะ)
มาเริ่มที่คำถามแรกเลยค่ะ
กงสุล: เป็นอะไรกันครับ
เรา,แฟน: boyfriend and girlfriend
กงสุล: How long have you known each other?
เรา: 12years เอาจริงๆจำไม่ได้ว่ากี่ปี แต่ตอนรออยู่ในแถว แฟนพูดขึ้นมาว่า ถ้าเค้าถามว่าคบกันมากี่ปีใครจะเป็นคนตอบ เพราะถ้าตอบพร้อมกัน
ได้คำตอบไม่ตรงแน่ๆ

กงสุล: ถามแฟนเราว่าเคยมีวีซ่าอเมริกามั้ย
แฟน: Yes, J1 (ตอนนางไปwork and travel)
กงสุล: Do you have any relatives or friends in USA?
แฟน: Friends, but we don’t contact often
เรา: No,I don’t
กงสุล: ถามแฟน What’s your work?
แฟน: ตอบว่าทำงานอะไร
กงสุล: ถามเรา what’s your work?
เรา: ตอบว่าทำงานอะไร ที่ไหน หน้าที่ตำแหน่งอะไร
กงสุล: where are you going?
เรา: Los Angeles,San Francisco and Arizona
กงสุล: How long?
เรา: 20 days
กงสุล: When will you go?
เรา: 21 Jun to 10 July
กงสุล: You go to Solvang too?
เรา: Yes แล้วก็ยิ้มเฝื่อนๆ เออลืมได้ไงวะ ว่าใส่ที่อยู่ที่พักในSolvang ไว้
กงสุล: There is good soup in Solvang
เรา: Yeah?, ส่วนอิแฟน: Really? โอ๊ยไม่มีใครมีข้อมูลอะไรเลย555

กงสุล: You’re traveling for 3 weeks?
เรา,แฟน: Yes พร้อมจ้องมอง Passport ตลอดเวลาว่าเค้าจะเก็บลงกล่องไปมั้ย
กงสุล: Okay, have a good trip in USA พร้อมเก็บPassport ลงกล่อง
เรา,แฟน: Thank you

เป็นอันจบสัมภาษณ์ ไปถึง8.30โมง เสร็จ 10โมงรอคิวเป็นชม. สัมภาษณ์ไม่ถึง 10นาที
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ แบกเอกสารที่เอาไปเผื่อกลับบ้านค่ะ ไม่ขอดูเอกสารอะไรเลย รูปถ่ายไม่เอาสักใบ Passport เล่มเก่าก็ไม่ดู คำถามส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่กรอกไว้ในDS160 ถ้ากลัวลืมปริ้นท์เก็บไว้อ่านก่อนสัมภาษณ์อีกรอบก็ดีค่ะ
คหสต. สำหรับใครที่จะขอวีซ่าอเมริกาครั้งแรก เราคิดว่าอย่างน้อยควรไปเที่ยวตปท.มาบ้างสัก 3-4ประเทศ ในโซนเอเชียก็ได้ เกาหลี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ของเราเคยมีวีซ่าschengen เลยคิดว่าน่าจะมีส่วนทำให้ขอวีซ่าง่ายขึ้นรึป่าว? มันเหมือนยืนยันให้เค้าเห็นว่าเราตั้งใจไปเที่ยวจริงๆนะ ขนาดยุโรปชั้นยังไม่หนีไปอยู่เลย แล้วทำไมชั้นต้องหนีเข้าไปอยู่อเมริกาด้วย
ในส่วนของสมุดบัญชีหรือแม้แต่หนังสือรับรองงานเค้ายังไม่ขอดู ดังนั้นเงินเดือนน้อยก็สบายใจได้ค่ะ เพราะเราก็ใส่เงินเดือนขั้นต่ำไปในเอกสาร แต่ต้องมั่นใจว่ามีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายตลอดทริป
เราเลยคิดว่าองค์ประกอบหลักๆที่ต้องมีคือ
สร้างProfile ให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือ อย่างเช่น เคยเดินทางไปตปท.
มีรายได้หรืออาชีพการงาน คุณต้องให้ข้อมูลที่เป็นความจริง
ตอบคำถามแบบมั่นใจและตรงกับที่กรอกไว้ในDS160
เราอ่านรีวิวสัมภาษณ์เยอะมาก อ่านเจอที่โดนปฏิเสธวีซ่าก็เยอะ ฟังคนที่เคยขอมาทั้งที่ผ่านและไม่ผ่าน ยิ่งทำให้วิตกกังวลเปล่าๆ
ข้อมูลเอกสารต่างๆที่ต้องใช้อ่านในเว็บไซต์ค่ะ เค้าบอกรายละเอียดทุกอย่าง เตรียมตัวเองให้พร้อม มันจะทำให้เรามีความมั่นใจเวลาสัมภาษณ์เองค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีได้วีซ่า 10ปีมาครอบครองนะคะ
ขอวีซ่าอเมริกา 2018 (Visa B1/B2)
เป็นวีซ่าท่องเที่ยว( B1/B2 ) ขอพร้อมกับแฟนเลยเลือกสัมภาษณ์แบบกลุ่ม
เราสมัครขอวีซ่าอเมริกาเป็นครั้งแรกค่ะ
ส่วนของแฟนเป็นครั้งที่2
ครั้งแรกแฟนไปwork and travel วีซ่า J1 เมื่อ 10ปีที่แล้วค่ะ
เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชน
ส่วนแฟนทำธรุกิจส่วนตัว
กระทู้นี้ตั้งใจรีวิวขั้นตอนสัมภาษณ์และการเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์ค่ะ
*สิ่งที่ต้องเตรียมในการนัดสัมภาษณ์คือ
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-typeb1b2.asp
1.กรอกแบบฟอร์มการยื่นคำร้องวีซ่าชั่วคราวDS160
2.ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้วทำการนัดวันสัมภาษณ์
3.ปริ้นท์ใบยืนยัน DS160, ใบยืนยันนัดสัมภาษณ์,ใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียม
4.รูปถ่าย1ใบ
5.Passport เล่มปัจจุบันและเล่มเก่า
ส่วนเอกสารอื่นๆที่เราเตรียมไปเผื่อเจ้าหน้าที่กงสุลจะนำมาพิจารณาประกอบสัมภาษณ์มีดังนี้
1.หนังสือรับรองงานโดยทางบริษัทได้ระบุวันเดินทางเข้าออกและเงินเดือนด้วย(สำหรับพนักงานบริษัท),
ใบจดทะเบียนการค้า(สำหรับเจ้าของกิจการ)
2.Statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง6เดือนและหนังสือรับรองจากธนาคาร
3.แผนการเดินทางโดยย่อ
**เอกสารทุกฉบับเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดค่ะ
ในวันสัมภาษณ์ ของเรานัดไว้9โมง แต่ไปถึงก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ด้านนอกจะแจ้งให้เตรียมเอกสารโดยเอาใบเสร็จ
ใบนัดสัมภาษณ์และใบยืนยันDS160 แนบไว้ในหน้าPassport
ทางสถานฑูตไม่อนุญาตให้นำมือถือเข้าไปได้ ดังนั้นต้องใช้บัตรประชาชนในการฝากมือถือไว้กับเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
ขั้นตอนสัมภาษณ์มีทั้งหมด4ด่านด้วยกัน
ฟังดูน่ากลัวนะคะแต่เปล่าเลย
-ขั้นตอนแรกคือจนท.คัดกรองเอกสารค่ะ เป็นจนท.คนไทย เค้าจะแจ้งคิวรอบเวลานัด เราแค่เดินเข้าแถวไป จนท.จะถามว่าขอวีซ่าครั้งแรกมั้ย ถ้าเคยขอแล้ว
ก็จะถามว่าวีซ่าหมดอายุเกิน1ปีรึยัง แล้วก็ยื่นเอกสารกับPassport ที่เตรียมไว้ให้เค้า หลังจากนั้นก็เข้าไปรอคิวในห้องเย็นด้านในค่ะ
-ขั้นตอนที่สองยังคงเป็นการสัมภาษณ์โดยจนท.คนไทย ในกรณีของเราขอพร้อมกัน2คน เค้าถามว่าเป็นอะไรกัน เราก็ตอบไปว่าเป็นแฟน แล้วก็ถามว่ารูปถ่ายเมื่อไหร่ แฟนตอบไปว่าไม่เกิน6เดือน เสร็จแล้วก็จะให้เราscan ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว
-ขั้นตอนที่สามคราวนี้เป็นจนท.ฝรั่งค่ะ แต่เค้าแค่กล่าวคำว่าสวัสดีครับและให้เราscan ลายนิ้วมืออีกครั้ง แค่นั้นเองค่ะ (แฟนบอกว่าลุงแกว่าง)
-ขั้นตอนที่สี่สัมภาษณ์ด่านสุดท้าย พอถึงขั้นตอนนี้ใจมันเริ่มเต้นแรงมากขึ้น มีความตื่นเต้น แฟนเราบอกยังไงก็ผ่านมั่นใจมาก แต่ตอนscanลายนิ้วมือ จนท.ต้องไปเอากระดาษทิชชูให้นางเช็ดเหงื่อที่มือค่ะ เพราะscanนิ้วไม่ติดเลย นางบอกร่างกายกับใจมันสวนทางกัน(ตื่นเต้นก็บอกเหอะ)
ห้องสัมภาษณ์เป็นออฟฟิศเล็กๆ ให้เราเดินวนไปตามช่องต่างๆ จนท.กงสุลเค้าจะนั่งอยู่ด้านในโดยมีกระจกใสกั้นอยู่แบ่งเป็นช่องๆ คล้ายๆกับช่องแลกเหรียญBTSค่ะ ใครคุยอะไรกันก็ได้ยินหมด คิวก่อนหน้าเราผ่านเกือบทุกคน จนท.พูดผ่านไมค์ดังมากว่า Your Visa is approved
เราหันไปบอกแฟนว่าทำไมวันนี้คนผ่านเยอะจัง แฟนเราพูดให้กำลังใจกลับมาว่า
พอถึงคิวเราโควต้าหมดพอดี นึกในใจขอบคุณค่ะ (เอาค่าวีซ่า5พันกว่าบาทกุคืนมา
จนท.ถามว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย เรากับแฟนตอบว่าได้ เค้าเลยถามเป็นภาษาอังกฤษบ้างไทยบ้าง (จนท.กงสุลที่สัมภาษณ์น่าจะพูดไทยเป็นทุกคน
ฉะนั้นคนที่พูดอังกฤษไม่แข็งแรงก็พูดอังกฤษคำไทยคำก็ได้ค่ะ)
มาเริ่มที่คำถามแรกเลยค่ะ
กงสุล: เป็นอะไรกันครับ
เรา,แฟน: boyfriend and girlfriend
กงสุล: How long have you known each other?
เรา: 12years เอาจริงๆจำไม่ได้ว่ากี่ปี แต่ตอนรออยู่ในแถว แฟนพูดขึ้นมาว่า ถ้าเค้าถามว่าคบกันมากี่ปีใครจะเป็นคนตอบ เพราะถ้าตอบพร้อมกัน
ได้คำตอบไม่ตรงแน่ๆ
กงสุล: ถามแฟนเราว่าเคยมีวีซ่าอเมริกามั้ย
แฟน: Yes, J1 (ตอนนางไปwork and travel)
กงสุล: Do you have any relatives or friends in USA?
แฟน: Friends, but we don’t contact often
เรา: No,I don’t
กงสุล: ถามแฟน What’s your work?
แฟน: ตอบว่าทำงานอะไร
กงสุล: ถามเรา what’s your work?
เรา: ตอบว่าทำงานอะไร ที่ไหน หน้าที่ตำแหน่งอะไร
กงสุล: where are you going?
เรา: Los Angeles,San Francisco and Arizona
กงสุล: How long?
เรา: 20 days
กงสุล: When will you go?
เรา: 21 Jun to 10 July
กงสุล: You go to Solvang too?
เรา: Yes แล้วก็ยิ้มเฝื่อนๆ เออลืมได้ไงวะ ว่าใส่ที่อยู่ที่พักในSolvang ไว้
กงสุล: There is good soup in Solvang
เรา: Yeah?, ส่วนอิแฟน: Really? โอ๊ยไม่มีใครมีข้อมูลอะไรเลย555
กงสุล: You’re traveling for 3 weeks?
เรา,แฟน: Yes พร้อมจ้องมอง Passport ตลอดเวลาว่าเค้าจะเก็บลงกล่องไปมั้ย
กงสุล: Okay, have a good trip in USA พร้อมเก็บPassport ลงกล่อง
เรา,แฟน: Thank you
เป็นอันจบสัมภาษณ์ ไปถึง8.30โมง เสร็จ 10โมงรอคิวเป็นชม. สัมภาษณ์ไม่ถึง 10นาที
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ แบกเอกสารที่เอาไปเผื่อกลับบ้านค่ะ ไม่ขอดูเอกสารอะไรเลย รูปถ่ายไม่เอาสักใบ Passport เล่มเก่าก็ไม่ดู คำถามส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่กรอกไว้ในDS160 ถ้ากลัวลืมปริ้นท์เก็บไว้อ่านก่อนสัมภาษณ์อีกรอบก็ดีค่ะ
คหสต. สำหรับใครที่จะขอวีซ่าอเมริกาครั้งแรก เราคิดว่าอย่างน้อยควรไปเที่ยวตปท.มาบ้างสัก 3-4ประเทศ ในโซนเอเชียก็ได้ เกาหลี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ของเราเคยมีวีซ่าschengen เลยคิดว่าน่าจะมีส่วนทำให้ขอวีซ่าง่ายขึ้นรึป่าว? มันเหมือนยืนยันให้เค้าเห็นว่าเราตั้งใจไปเที่ยวจริงๆนะ ขนาดยุโรปชั้นยังไม่หนีไปอยู่เลย แล้วทำไมชั้นต้องหนีเข้าไปอยู่อเมริกาด้วย
ในส่วนของสมุดบัญชีหรือแม้แต่หนังสือรับรองงานเค้ายังไม่ขอดู ดังนั้นเงินเดือนน้อยก็สบายใจได้ค่ะ เพราะเราก็ใส่เงินเดือนขั้นต่ำไปในเอกสาร แต่ต้องมั่นใจว่ามีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายตลอดทริป
เราเลยคิดว่าองค์ประกอบหลักๆที่ต้องมีคือ
สร้างProfile ให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือ อย่างเช่น เคยเดินทางไปตปท.
มีรายได้หรืออาชีพการงาน คุณต้องให้ข้อมูลที่เป็นความจริง
ตอบคำถามแบบมั่นใจและตรงกับที่กรอกไว้ในDS160
เราอ่านรีวิวสัมภาษณ์เยอะมาก อ่านเจอที่โดนปฏิเสธวีซ่าก็เยอะ ฟังคนที่เคยขอมาทั้งที่ผ่านและไม่ผ่าน ยิ่งทำให้วิตกกังวลเปล่าๆ
ข้อมูลเอกสารต่างๆที่ต้องใช้อ่านในเว็บไซต์ค่ะ เค้าบอกรายละเอียดทุกอย่าง เตรียมตัวเองให้พร้อม มันจะทำให้เรามีความมั่นใจเวลาสัมภาษณ์เองค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีได้วีซ่า 10ปีมาครอบครองนะคะ