กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ 2 ของผมครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ
ตัวผมเองทำงานอยู่ในสายการเงินในบริษัทต่างประเทศซึ่งค่อนข้างยุ่งและไม่ค่อยมีเวลาอยู่ไทย
ส่วนตัวแฟนผมเองก็ทำงานอยู่ในสายงานวิทยาศาสตร์สุขภาพก็เลยทำให้ไม่มีเวลาเหมือนกัน
ในเดือนนึงเราจะเจอกันน้อยมากครับ เฉลี่ยประมาณ 6-7 วันต่อ 1 เดือนเพราะด้วยงานของผมที่ต้องบินไปมาตลอดเวลา
แต่นั่กก็ไม่ใช่ปัญหาระหว่างการคบกันของเราสองคนครับ รักกันดีมากขึ้นด้วยซ้ำไปเพราะเรามีเวลาคิดถึงกันเยอะและเข้าใจพื้นฐานของกันและกันดี
แฟนผมเป็นคนรักการทำงานมากครับ เค้าบอกเสมอว่าถึงแม้ผมจะสามารถเลี้ยงเค้าได้ แต่เค้าเองไม่อยากจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมต้องทำงานหนัก
ตัวผมเองนอกจากทำงานบริษัทก็มีพอร์ทหุ้นไว้เก็บปันผลส่วนหนึ่ง แล้วก็ทำสวนมะนาว กับซื้อที่ดินปล่อยเช่าด้วย มีค่าใช้จ่ายหลักแค่เลี้ยงดูพ่อแม่ครับ
ด้วยความที่เราสองคนมีวิถีชีวิตที่ค่อนข้างสมถะทั้งคู่ ไม่ติดกับความหรูหรา กินง่ายอยู่ง่าย ผมเองก็ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่
แฟนผมเองก็ไม่ชอบชอปปิ้ง ไม่ใช้ของแบรนด์เนม ไม่แต่งหน้า ไม่ชอบแต่งตัวด้วย แต่เขาชอบทำงานครับ
ส่วนเรื่องงานบ้านเองแฟนผมก็ไม่ถนัดเลย ต่างจากผมเองซึ่งชอบทำกับข้าว ทำงานบ้านได้ทุกอย่างยกเว้นรีดผ้า
ทุกวันนี้เวลาผมกลับประเทศว่างๆก็จะทำข้าวกล่องไปให้เธอที่ทำงานครับ
เราเลยคุยกันคร่าวๆว่าหลังจากแต่งงานแล้วถ้าเค้ายังอยากทำงานก็ให้เค้าทำครับ
ส่วนตัวผมเองหลังหมดสัญญากับบริษัทก็ตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่ประเทศเพื่อสร้างครอบครัวของเราทั้งคู่ครับ
แล้วหลังจากแต่งงานกันแล้วผมเองจะเป็นพ่อบ้านดูแลภายในบ้านให้เธอเอง ให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธอรักต่อไป
ถ้าเกิดอนาคตมีลูกผมก็จะได้ช่วยเธอเลี้ยงลูกได้อย่างเต็มที่ เธอจะได้ไม่เหนื่อยแล้วลูกจะได้ได้รับความอบอุ่นเต็มที่
แต่เวลาที่ผมไปคุยเรื่องนี้กับเพื่อนเอง โดยเฉพาะที่เป็นเพื่อนคนไทยกลับกลายเป็นเรื่องตลก หรือออกแนวเหมือนเกาะแฟนกินไป
ไม่ก็บอกว่าหน้าที่การดูแลบ้าน เลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของภรรยาเป็นหลัก สามีควรมีหน้าที่ออกไปทำงานหาเงินเข้าบ้าน
แต่ในมุมมองของผม ผมกลับคิดว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้น อะไรคือหลักตายตัวที่ผู้หญิงต้องคอยดูแลบ้าน ดูแลลูก
ผมเชื่อว่าครอบครัวคือการดูแลซึ่งกันและกันโดยเท่าเทียมและเสมอภาคกัน ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง
จริงๆผมเคยขอให้เธอลาออกจากงานหลังแต่งงานมาอยู่บ้านด้วยกัน แต่เธอไม่ยอมครับ ผมก็เลยได้แต่บอกว่าอิ่มตัวเมื่อไหร่ก็ลาออกมาแล้วกัน
เวลาทุกครั้งที่เห็นเธอทำงานเข้าเวรหลับนอนไม่เป็นเวลาแล้วผมสงสารเธอครับ กลัวเธอจะไม่สบาย ไม่อยากให้เธอเหนื่อยโดยที่เราไปช่วยอะไรไม่ได้เลย
ผมเลยตั้งใจจะเป็นพ่อบ้านเพื่อลดภาระให้เธอไม่ต้องเหนื่อย ให้เธอทำงานที่รักไปพร้อมกับอยู่ให้ผมดูแลไปด้วย
ความคิดของผมนี่ถือว่าแปลกมากรึเปล่าครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมกับแฟนอายุเท่ากันครับ คบกันมาซักพักนึงแล้ว เริ่มคุยเรื่องแต่งงานกันบ้างแล้วครับ
ตั้งใจจะเป็น "พ่อบ้าน Full time" นี่แปลกรึเปล่าครับ ?
ตัวผมเองทำงานอยู่ในสายการเงินในบริษัทต่างประเทศซึ่งค่อนข้างยุ่งและไม่ค่อยมีเวลาอยู่ไทย
ส่วนตัวแฟนผมเองก็ทำงานอยู่ในสายงานวิทยาศาสตร์สุขภาพก็เลยทำให้ไม่มีเวลาเหมือนกัน
ในเดือนนึงเราจะเจอกันน้อยมากครับ เฉลี่ยประมาณ 6-7 วันต่อ 1 เดือนเพราะด้วยงานของผมที่ต้องบินไปมาตลอดเวลา
แต่นั่กก็ไม่ใช่ปัญหาระหว่างการคบกันของเราสองคนครับ รักกันดีมากขึ้นด้วยซ้ำไปเพราะเรามีเวลาคิดถึงกันเยอะและเข้าใจพื้นฐานของกันและกันดี
แฟนผมเป็นคนรักการทำงานมากครับ เค้าบอกเสมอว่าถึงแม้ผมจะสามารถเลี้ยงเค้าได้ แต่เค้าเองไม่อยากจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมต้องทำงานหนัก
ตัวผมเองนอกจากทำงานบริษัทก็มีพอร์ทหุ้นไว้เก็บปันผลส่วนหนึ่ง แล้วก็ทำสวนมะนาว กับซื้อที่ดินปล่อยเช่าด้วย มีค่าใช้จ่ายหลักแค่เลี้ยงดูพ่อแม่ครับ
ด้วยความที่เราสองคนมีวิถีชีวิตที่ค่อนข้างสมถะทั้งคู่ ไม่ติดกับความหรูหรา กินง่ายอยู่ง่าย ผมเองก็ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่
แฟนผมเองก็ไม่ชอบชอปปิ้ง ไม่ใช้ของแบรนด์เนม ไม่แต่งหน้า ไม่ชอบแต่งตัวด้วย แต่เขาชอบทำงานครับ
ส่วนเรื่องงานบ้านเองแฟนผมก็ไม่ถนัดเลย ต่างจากผมเองซึ่งชอบทำกับข้าว ทำงานบ้านได้ทุกอย่างยกเว้นรีดผ้า
ทุกวันนี้เวลาผมกลับประเทศว่างๆก็จะทำข้าวกล่องไปให้เธอที่ทำงานครับ
เราเลยคุยกันคร่าวๆว่าหลังจากแต่งงานแล้วถ้าเค้ายังอยากทำงานก็ให้เค้าทำครับ
ส่วนตัวผมเองหลังหมดสัญญากับบริษัทก็ตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่ประเทศเพื่อสร้างครอบครัวของเราทั้งคู่ครับ
แล้วหลังจากแต่งงานกันแล้วผมเองจะเป็นพ่อบ้านดูแลภายในบ้านให้เธอเอง ให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธอรักต่อไป
ถ้าเกิดอนาคตมีลูกผมก็จะได้ช่วยเธอเลี้ยงลูกได้อย่างเต็มที่ เธอจะได้ไม่เหนื่อยแล้วลูกจะได้ได้รับความอบอุ่นเต็มที่
แต่เวลาที่ผมไปคุยเรื่องนี้กับเพื่อนเอง โดยเฉพาะที่เป็นเพื่อนคนไทยกลับกลายเป็นเรื่องตลก หรือออกแนวเหมือนเกาะแฟนกินไป
ไม่ก็บอกว่าหน้าที่การดูแลบ้าน เลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของภรรยาเป็นหลัก สามีควรมีหน้าที่ออกไปทำงานหาเงินเข้าบ้าน
แต่ในมุมมองของผม ผมกลับคิดว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้น อะไรคือหลักตายตัวที่ผู้หญิงต้องคอยดูแลบ้าน ดูแลลูก
ผมเชื่อว่าครอบครัวคือการดูแลซึ่งกันและกันโดยเท่าเทียมและเสมอภาคกัน ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง
จริงๆผมเคยขอให้เธอลาออกจากงานหลังแต่งงานมาอยู่บ้านด้วยกัน แต่เธอไม่ยอมครับ ผมก็เลยได้แต่บอกว่าอิ่มตัวเมื่อไหร่ก็ลาออกมาแล้วกัน
เวลาทุกครั้งที่เห็นเธอทำงานเข้าเวรหลับนอนไม่เป็นเวลาแล้วผมสงสารเธอครับ กลัวเธอจะไม่สบาย ไม่อยากให้เธอเหนื่อยโดยที่เราไปช่วยอะไรไม่ได้เลย
ผมเลยตั้งใจจะเป็นพ่อบ้านเพื่อลดภาระให้เธอไม่ต้องเหนื่อย ให้เธอทำงานที่รักไปพร้อมกับอยู่ให้ผมดูแลไปด้วย
ความคิดของผมนี่ถือว่าแปลกมากรึเปล่าครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้