สวัสดีครับ ปกติเข้ามาแค่อ่านกระทู้ แต่วันนี้เกิดเรื่องหนักใจ อยากรบกวนขอความเห็นทุกท่านครับ
ผมกับแฟนคบกันมาเกิน 4 ปี ปกติเราจะแอบเช็คข้อความมือถือ social กันบ้าง แต่ไม่บ่อย เราจะให้อีกฝ่ายสามารถแสกนนิ้วมือปลดล็อคได้
ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปีกว่า ตอนที่ผมพึ่งเริ่มคบกับเธอได้ไม่นาน เธอก็เคยแอบคุยกับคนอื่น คล้ายๆว่าเป็นเพื่อนคุย แต่ในถ้อยคำก็มีเกินความเป็นเพื่อน เราทะเลาะกันแต่สุดท้ายผมก็ให้อภัยเพราะเธอสัญญาว่าจะไม่ทำอีก และจากความผิดครั้งนั้น เธอได้ให้รหัสผ่านเฟสบุคผมไว้เพื่อให้เชื่อใจ
ก่อนหน้านี้ (ก่อนแต่งงาน) ผมเห็นเธอแอบคุยกับผู้ชายคนอื่นอีก เธอบอกว่าพึ่งเจอกันได้ไม่นาน (จากงานแต่งเพื่อน) และไม่ได้คิดอะไร แล้วก็บอกว่าจะไม่คุยอีก ถ้อยคำไม่ดูหวานมาก ผมจึงไม่เอะใจมากและก็ปล่อยผ่านไป หลายวันผ่านไป ล่าสุด หลังจากผมกับแฟนพึ่งแต่งงานไปเมื่อไม่นาน พักหลังนี้ผมเห็นเธอเล่นโทรศัพท์บ่อยๆ นานผิดปกติ ผมเลยแอบเอาโทรศัพท์เธอมาเล่นดู ปรากฎว่าเห็นข้อความที่เธอแอบคุยกับคนเดิมนี้(ที่คุยก่อนแต่งงาน) ซึ่งแอบคุยกันได้หลายวันแล้วหลังจากแต่งงาน ข้อความที่คุยกันมีลักษณะดังนี้
- มีการบอกคิดถึงกันและกัน
- มีการส่งรูปของกันและกันไปมาในแต่ละวัน หลายรูป ต่างคนต่างชมกันว่าน่ารัก
- มีการบอกว่าฝันดี จะฝันถึง และพอตื่นเช้าก็บอกว่าเมื่อคืนฝันถึงด้วย
- มีส่งลิงค์หนัง+เพลงให้กันและกัน และดูหนังเรื่องเดียวกัน เนื้อเรื่องเป็นความรักแบบมือที่ 3 แนวโรแมนติก (ขอไม่บอกชื่อเรื่อง) ผมอ่านก็เข้าใจว่า คงอยู่ในโมเม้นเดียวกัน คงคุยกันสนุก
- ฝ่ายชาย อายุอ่อนกว่าผมและแฟนผม ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด รู้อยู่แล้วว่าแฟนผมพึ่งแต่งงานกับผมได้ไม่นาน เพราะมีการอัพรูปลง social ตามปกติ และแฟนผมเองก็รู้อยู่แก่ใจ ผมเข้าใจว่า ณ ตอนที่เจอกัน ฝ่ายชายน่าจะไม่รู้ว่ามีแฟนแล้ว แล้วพอแอดเฟสบุคมาคุยสักพักนึงถึงจะรู้ (ก็เลยยังคุยต่อเพราะอาจจะชอบไปแล้ว)
- แฟนผมทำกับผมเหมือนปกติ เรากินข้าวไปเที่ยวด้วยกัน ก่อนไปทำงานเราบอกรักกันหอมกัน เรามีอะไรกันเหมือนปกติและวางแผนกันว่าจะจดทะเบียนสมรส และมีลูกด้วยกันในอีกไม่นาน
ผมไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เธอคุยคือเธอเหงาหรือต้องการอะไร ทั้งที่ปกติเราคบกันก็ไม่ค่อยได้ทะเลาะกันเลย แต่ผมค่อนข้างรับไม่ได้กับถ้อยคำและการคุยในเชิงชู้สาว ถึงแม้ว่าผมจะมั่นใจว่ายังไม่มีอะไรกันก็ตาม แต่ผมคิดว่าไม่ได้คุยกันแบบเพื่อน มันมีจริงหรอครับคุยแบบเพื่อนกันไม่คิดอะไรแต่หยอดคำหวานส่งรูปให้กัน ส่งเพลงให้กัน เพราะการคุยลักษณะนี้ผมก็เคยเห็นมาแล้ว และเคยคุยกันแล้วว่าจะไม่มีแบบนี้อีก
ผมเองก็เคยมีอารมณ์เจ้าชู้อยู่บ้าง ก่อนคบกับแฟนผมเองก็ค่อนข้างเจ้าชู้ แต่หลังจากคบกับแฟนผมก็ไม่ได้คุยกับใครอีก เพราะผมรู้ดีว่า
"การคุยลักษณะนี้ นานวันเข้าถึงแม้เราอาจจะแอบคุยกันได้ แต่มันหาทางลงของความสัมพันธ์ไม่ได้ วันหนึ่งจะต้องลงเอยด้วยจุดจบของไม่ฝ่ายใดก็อีกฝ่ายหนึ่ง" ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ของเราจะจบลง เลยยับยั้งชั่งใจมาตลอด แต่แฟนผมคงไม่คิดแบบนั้น
ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าผมรู้แล้ว ผมพยายามนิ่ง แกล้งโง่ ทำตัวเหมือนปกติ ทั้งที่ในใจมันเจ็บปวด และสมเพชตัวเองมาก ที่วันแต่งงานดูมีความสุข ดูเหมือนคู่รักหวานชื่น
น่าเสียดายคำอวยพรของญาติผู้ใหญ่ที่เค้าอวยพรให้รักกันจนแก่เฒ่า จัดงานกันใหญ่โต ผมเองก็ให้สัญญาว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด มาวันนี้ผมพึ่งรู้ตัวว่าอาจจะทำไม่ได้
ความจริงผมก็ยังรักเธอมาก อยากจะรักดูแลกันต่อไป แต่อีกใจก็รับไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่แค่ความผิดครั้งแรก ผมไม่อยากให้อภัยง่ายๆเหมือนครั้งก่อนๆ ลึกๆก็อยากจะเลิก แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะตัดสินใจคนเดียว และอีกความรู้สึกหนึ่งมันก็เถียงว่าเค้าแค่คุยยังไม่เกินเลยถึงขั้นมีอะไรกัน ตอนนี้ผมสับสนในตัวเอง ผมอยากขอคำปรึกษาว่า ถ้าเป็นคุณคุณจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและที่สละเวลาอ่านจนจบครับ.
พึ่งแต่งงาน แต่แอบจับได้ว่าแฟนแอบคุยกับผู้ชายคนอื่น ลักษณะเชิงชู้สาว ผมควรทำอย่างไรดีครับ?
ผมกับแฟนคบกันมาเกิน 4 ปี ปกติเราจะแอบเช็คข้อความมือถือ social กันบ้าง แต่ไม่บ่อย เราจะให้อีกฝ่ายสามารถแสกนนิ้วมือปลดล็อคได้
ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปีกว่า ตอนที่ผมพึ่งเริ่มคบกับเธอได้ไม่นาน เธอก็เคยแอบคุยกับคนอื่น คล้ายๆว่าเป็นเพื่อนคุย แต่ในถ้อยคำก็มีเกินความเป็นเพื่อน เราทะเลาะกันแต่สุดท้ายผมก็ให้อภัยเพราะเธอสัญญาว่าจะไม่ทำอีก และจากความผิดครั้งนั้น เธอได้ให้รหัสผ่านเฟสบุคผมไว้เพื่อให้เชื่อใจ
ก่อนหน้านี้ (ก่อนแต่งงาน) ผมเห็นเธอแอบคุยกับผู้ชายคนอื่นอีก เธอบอกว่าพึ่งเจอกันได้ไม่นาน (จากงานแต่งเพื่อน) และไม่ได้คิดอะไร แล้วก็บอกว่าจะไม่คุยอีก ถ้อยคำไม่ดูหวานมาก ผมจึงไม่เอะใจมากและก็ปล่อยผ่านไป หลายวันผ่านไป ล่าสุด หลังจากผมกับแฟนพึ่งแต่งงานไปเมื่อไม่นาน พักหลังนี้ผมเห็นเธอเล่นโทรศัพท์บ่อยๆ นานผิดปกติ ผมเลยแอบเอาโทรศัพท์เธอมาเล่นดู ปรากฎว่าเห็นข้อความที่เธอแอบคุยกับคนเดิมนี้(ที่คุยก่อนแต่งงาน) ซึ่งแอบคุยกันได้หลายวันแล้วหลังจากแต่งงาน ข้อความที่คุยกันมีลักษณะดังนี้
- มีการบอกคิดถึงกันและกัน
- มีการส่งรูปของกันและกันไปมาในแต่ละวัน หลายรูป ต่างคนต่างชมกันว่าน่ารัก
- มีการบอกว่าฝันดี จะฝันถึง และพอตื่นเช้าก็บอกว่าเมื่อคืนฝันถึงด้วย
- มีส่งลิงค์หนัง+เพลงให้กันและกัน และดูหนังเรื่องเดียวกัน เนื้อเรื่องเป็นความรักแบบมือที่ 3 แนวโรแมนติก (ขอไม่บอกชื่อเรื่อง) ผมอ่านก็เข้าใจว่า คงอยู่ในโมเม้นเดียวกัน คงคุยกันสนุก
- ฝ่ายชาย อายุอ่อนกว่าผมและแฟนผม ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด รู้อยู่แล้วว่าแฟนผมพึ่งแต่งงานกับผมได้ไม่นาน เพราะมีการอัพรูปลง social ตามปกติ และแฟนผมเองก็รู้อยู่แก่ใจ ผมเข้าใจว่า ณ ตอนที่เจอกัน ฝ่ายชายน่าจะไม่รู้ว่ามีแฟนแล้ว แล้วพอแอดเฟสบุคมาคุยสักพักนึงถึงจะรู้ (ก็เลยยังคุยต่อเพราะอาจจะชอบไปแล้ว)
- แฟนผมทำกับผมเหมือนปกติ เรากินข้าวไปเที่ยวด้วยกัน ก่อนไปทำงานเราบอกรักกันหอมกัน เรามีอะไรกันเหมือนปกติและวางแผนกันว่าจะจดทะเบียนสมรส และมีลูกด้วยกันในอีกไม่นาน
ผมไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เธอคุยคือเธอเหงาหรือต้องการอะไร ทั้งที่ปกติเราคบกันก็ไม่ค่อยได้ทะเลาะกันเลย แต่ผมค่อนข้างรับไม่ได้กับถ้อยคำและการคุยในเชิงชู้สาว ถึงแม้ว่าผมจะมั่นใจว่ายังไม่มีอะไรกันก็ตาม แต่ผมคิดว่าไม่ได้คุยกันแบบเพื่อน มันมีจริงหรอครับคุยแบบเพื่อนกันไม่คิดอะไรแต่หยอดคำหวานส่งรูปให้กัน ส่งเพลงให้กัน เพราะการคุยลักษณะนี้ผมก็เคยเห็นมาแล้ว และเคยคุยกันแล้วว่าจะไม่มีแบบนี้อีก
ผมเองก็เคยมีอารมณ์เจ้าชู้อยู่บ้าง ก่อนคบกับแฟนผมเองก็ค่อนข้างเจ้าชู้ แต่หลังจากคบกับแฟนผมก็ไม่ได้คุยกับใครอีก เพราะผมรู้ดีว่า "การคุยลักษณะนี้ นานวันเข้าถึงแม้เราอาจจะแอบคุยกันได้ แต่มันหาทางลงของความสัมพันธ์ไม่ได้ วันหนึ่งจะต้องลงเอยด้วยจุดจบของไม่ฝ่ายใดก็อีกฝ่ายหนึ่ง" ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ของเราจะจบลง เลยยับยั้งชั่งใจมาตลอด แต่แฟนผมคงไม่คิดแบบนั้น
ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าผมรู้แล้ว ผมพยายามนิ่ง แกล้งโง่ ทำตัวเหมือนปกติ ทั้งที่ในใจมันเจ็บปวด และสมเพชตัวเองมาก ที่วันแต่งงานดูมีความสุข ดูเหมือนคู่รักหวานชื่น
น่าเสียดายคำอวยพรของญาติผู้ใหญ่ที่เค้าอวยพรให้รักกันจนแก่เฒ่า จัดงานกันใหญ่โต ผมเองก็ให้สัญญาว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด มาวันนี้ผมพึ่งรู้ตัวว่าอาจจะทำไม่ได้
ความจริงผมก็ยังรักเธอมาก อยากจะรักดูแลกันต่อไป แต่อีกใจก็รับไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่แค่ความผิดครั้งแรก ผมไม่อยากให้อภัยง่ายๆเหมือนครั้งก่อนๆ ลึกๆก็อยากจะเลิก แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะตัดสินใจคนเดียว และอีกความรู้สึกหนึ่งมันก็เถียงว่าเค้าแค่คุยยังไม่เกินเลยถึงขั้นมีอะไรกัน ตอนนี้ผมสับสนในตัวเอง ผมอยากขอคำปรึกษาว่า ถ้าเป็นคุณคุณจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและที่สละเวลาอ่านจนจบครับ.