****[Bayern Munich]***[22.04.2015] ****[ ภาพบรรยากาศหลังเกมส์ FC Bayern München 6 - 1 FC Porto]
อรุณสวัสดิ์..แฟนๆพี่เสือทุกคนนะค่ะ
วันนี้มาเปิดบ้านฉลองชัยชนะของพี่เสือแต่เช้าเลย
คือรู้สึกปลื้มปริ่มสุดๆ..ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมารู้สึกกดดันกับเกมนี้มาก แต่พอมาวันนี้พี่เสือก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง
ขอบคุณนักเตะทุกคน วันนี้เล่นได้ดีงามจริงๆค่ะ ขอบคุณแฟนๆที่อยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้พี่เสือ สำหรับวันนี้เราก็มีภาพบรรยากาศหลังเกมมาฝากเช่นเคย แต่น่าจะลงได้นิดเดียวนะเพราะต้องรีบไปทำงาน..(แค่อยากมาเปิดบ้านให้แฟนๆพี่เสือได้คุยกันก่อน..ก่อนเกมเครียดกันทุกคน..ตอนนี้อาจจะอยากปลดปล่อยความในใจ..เอ้ย!!!ความดีใจ ฮ่าฮ่าๆๆๆ ) เดียวจะกลับมาลงรูปเพิ่มตอนบ่ายนะค่ะ สำหรับตอนนี้ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาดูตามมาชมได้เลยค่ะ
FT Bayern München | 6 - 1 | FC Porto
14’ | 1 - 0 | T. Alcantara
21’ | 2 - 0 | J. Boateng
27’ | 3 - 0 | R. Lewandowski
36’ | 4 - 0 | T. Muller
40’ | 5 - 0 | R. Lewandowski
73’ | 5 - 1 | J. Martinez
88’ | 6 - 1 | X. Alonso
ยอดทีมแคว้นบาวาเรียชำระแค้นยักษ์ใหญ่แดนฝอยทองได้อย่างเด็ดขาดด้วยการถล่มไปแบบราบคาบ ประตูรวมสองนัด 7-4 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกแชมป์เปี้ยนส์ลีก 4 ฤดูกาลติดต่อกัน
ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่สนามอลิอันซ์ อารีนา ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค จ่าฝูงบุนเดสลีกา เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เอฟซี ปอร์โต้ อดีตแชมป์รายการนี้ 2 สมัย โดยนัดแรกเป็นปอร์โต้ที่เอาชนะมาได้ก่อน ด้วยสกอร์ 3-1
เป๊บ กวาร์ดิโอลา เทรนเนอร์เจ้าถิ่น ปรับทัพเพียงรายเดียวเท่านั้นจากเกมนัดแรกที่บุกพ่ายขาดลอย 3-1 โดยส่ง โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ ลงเล่นแทน ดานเต้ ที่มีส่วนทำพลาดเสียประตูที่สองจากเกมนัดก่อน นอกนั้นอยู่กันพร้อมหน้านำโดยสามประสานในแนวรุกอย่าง มาริโอ เกิทเซ, โธมัส มุลเลอร์ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ด้านทีมเยือนของกุนซือ ฆูเลน โลเปเตกุย หมดสิทธิ์ใช้งานสองฟูลแบ็คตัวเก่งอย่าง ดานิโล และ อเล็กซ์ ซานโดร ที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบโควต้า ทำให้ ดีเอโก้ อันโตนิโอ เรเยส กับ อิวาน มาร์คาโน ได้โอกาสลงสนามแทน โดยขยับ บรูโน มาร์ตินส์ อินดี้ ไปเล่นแบ็คขวาแทน ซานโดร นอกนั้นยังเป็นแข้งชุดเดิมจากเลกแรก นำโดย ยาซีน บราฮิมี, ริคาร์โด้ กวาเรสมา และ แจ็คสัน มาร์ติเนซ
เริ่มเกมมาเสือใต้ไม่พูดพร่ําทําเพลงดาหน้าบุกเข้าใส่ทีมเยือนอย่างหนัก และในนาทีที่ 8 พวกเขาก็เกือบได้ประตูขึ้นนำทันที จากจังหวะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แทงขึ้นหน้าไปทางฝั่งขวาให้ โธมัส มุลเลอร์ กระชากหลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนซัดด้วยขวาถูก ฟาเบียโน นายด่าน ปอร์โต้ ปัดออกมาเข้าทาง เลวานดอฟสกี้ ล้มตัวยิงซ้ำไปชนเสาไกลอย่างน่าเสียดาย
Goal!! นาทีที่ 14 เจ้าบ้านขึ้นนำจนได้ จากจังหวะที่ มาริโอ เกิทเซ ไหลย้อนคืนมาให้ ฆวน เบอร์นาต กระชากไปสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเข้ามาในเขตโทษให้ ติอาโก้ อัลคานทารา โฉบโหม่งยัดเสาแรกเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้บาเยิร์นฯออกนำ 1-0
นาทีที่ 22 เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาที่ ติอาโก้ อัลคานทารา ไหลสั้นให้ ชาบี อลอนโซ โยนโด่งเข้ามาในเขตโทษให้ โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ โหม่งชงขึ้นหน้าและเป็น เจโรม บัวเต็ง ขวิดเช็ดบางๆ ส่งบอลกระดอนพื้นเสียบมุมเข้าประตูไป ทำให้ประตูรวมตอนนี้กลับมาเท่ากันที่ 3-3
เท่านั้นไม่พอ 5 นาทีหลังจากนั้น อดีตแชมป์ 5 สมัยมาบวกสกอร์ที่สามเพิ่มได้อีก จากลูกที่ ติอาโก้ อัลคานทารา โยนโค้งจากกลางสนามออกไปทางฝั่งขวาให้ ฟิลิปป์ ลาห์ม ปล่อยบอลตกพื้นหนึ่งจังหวะ ก่อนตวัดเข้าไปในเขตโทษให้ โธมัส มุลเลอร์ แตะต่อแบบไม่ต้องจับให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ พุ่งโขกเน้นๆเต็มศรีษะเข้าไปไม่เหลือ บาเยิร์นฯทิ้งห่างเป็น 3-0
นาทีที่ 33 ฆูเลน โลเปเตกุย กุนซือปอร์โต้ตัดสินใจแก้เกมทันที ด้วยการส่ง ริคาร์โด้ เปเรย์รา ลงไปเล่นแทน ดีเอโก้ อันโตนิโอ เรเยส ที่วันนี้กลายเป็นบ่อน้ำมันให้ ฆวน เบอร์นาต แบ็คซ้ายเสือใต้เจาะอย่างเมามัน
จากนั้นยังเป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่พับสนามบุกอยู่ข้างเดียว กระทั่งนาทีที่ 36 พวกเขาก็มาได้ประตูที่สี่ จากจังหวะที่ ติอาโก้ อัลคานทารา ไหลขึ้นหน้าออกไปทางขวาให้ โธมัส มุลเลอร์ กดเลียดด้วยขวากว่า 30 หลา บอลแฉลบขา บรูโน มาร์ตินส์ อินดี้ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้บาเยิร์นทิ้งห่างเป็น 4-0
ท้ายเกมนาทีที่ 40 สกอร์บอร์ดขยับเพิ่มเป็น 5-0 เมื่อ โธมัส มุลเลอร์ ใช้ความแข็งแกร่งเบียดเอาชนะ คาเซมิโร ไปจนถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนตบย้อนกลับมาให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โยกแต่งเข้าขวาหนึ่งจังหวะ ก่อนยิงหักข้อเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างเฉียบคม จบ 45 นาทีแรกเจ้าบ้านนำห่างถึง 5-0
กลับมาเล่นในครึ่งหลัง แม้เจ้าถิ่นจะผ่อนเกมบุกลงบ้าง แต่พวกเขายังเป็นฝ่ายที่ได้โอกาสทักทายก่อน ในนาทีที่ 57 จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาเยื้องไปทางฝั่งซ้าย และเป็น ชาบี อลอนโซ รับหน้าที่ปั่นด้วยขวา บอลเหินเฉี่ยวคานออกหลังไปแบบได้ลุ้นเหมือนกัน
ถัดมา 3 นาที บาเยิร์นฯได้ลุ้นประตูเพิ่มอีกครั้ง จากจังหวะที่ ฆวน เบอร์นาต ลากจี้เข้าหาเขตโทษ ก่อนเลียดด้วยซ้ายข้างถนัด บอลแฉลบขา โอลิเวอร์ ตอร์เรส เปลี่ยนทางหลุดเสาแรกออกหลังไป
แต่แล้วนาทีที่ 73 ทีมเยือนมาได้ประตูจุดประกายความหวัง จากจังหวะที่กองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ไม่ขาดไปเข้าทาง ริคาร์โด้ เปเรย์รา แทงทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ เฮคเตอร์ เอร์เรรา เปิดยัดเข้ากลาง และเป็น แจ็คสัน มาร์ติเนซ ชาร์จโหม่งระยะเผาขนเข้าไปไม่พลาด ปอร์โต้ตีไล่มาห่างๆ 1-5
3 นาทีต่อมาทีมเยือนเกือบได้ประตูที่สองติดๆกัน จากจังหวะที่ แจ็คสัน มาร์ติเนซ โชว์เดี่ยวลากจากฝั่งซ้ายตัดเข้ากลาง ก่อนกดเลียดหักข้อด้วยขวา บอลพุ่งผ่านเสาไกลออกไปแบบได้ลุ้นทีเดียว
นาทีที่ 78 เจ้าบ้านตอบโต้คืนทันควัน จากลูกที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ลองซัดหักข้อด้วยขวานอกกรอบเช่นกัน และบอลก็พุ่งผ่านเสาไกลออกไปเหมือนกัน
จากนั้นความฝันของทีมเยือนแทบจะจบลงทันที เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน จากจังหวะที่ อิวาน มาร์คาโน ไปสไลค์เสียบขาคู่ใส่ ติอาโก้ อัลคานทารา อย่างน่าเกลียดบริเวณนอกกรอบเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินไม่รอช้าควักใบเหลืองให้กับ มาร์คาโน ทันทีและเป็นใบเหลืองแดงถูกไล่ออกจากสนามไป
จากลูกฟรีคิกนี้เองทำให้เจ้าบ้านทิ้งห่างเป็น 6-1 โดยเป็น ชาบี อลอนโซ เจ้าเก่าหน้าเดิมที่รับหน้าที่ปั่นด้วยขวา บอลข้ามกำแพงก่อนโค้งหนีมือ ฟาเบียโน เสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดสวย
จบเกม บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านถล่ม ปอร์โต้ ขาดลอย 6-1 รวมผลสองนัดชนะไปด้วยประตูรวม 7-4 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน
.
.
.
จบการรายงานข่าวจาก ยอดทีมแห่งแคว้นบาวาเรีย
ผู้สื่อข่าว กัปตันหน้าใสวัยละอ่อน..ฟิลิปป์ ลาห์ม รายงาน..
Photos and gifs aren’t mine, credit to the owners!
ขอบคุณข่าวจาก www.goal.com
****[Bayern Munich]***[22.04.2015] ****[ ทบต้นทบดอก!!! พี่เสือโกรธจัดไล่อัดปอร์โต้ยับ6-1(7-4)ฉลุยตัดเชือก 4 ปีติด]
อรุณสวัสดิ์..แฟนๆพี่เสือทุกคนนะค่ะ
วันนี้มาเปิดบ้านฉลองชัยชนะของพี่เสือแต่เช้าเลย
คือรู้สึกปลื้มปริ่มสุดๆ..ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมารู้สึกกดดันกับเกมนี้มาก แต่พอมาวันนี้พี่เสือก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง
ขอบคุณนักเตะทุกคน วันนี้เล่นได้ดีงามจริงๆค่ะ ขอบคุณแฟนๆที่อยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้พี่เสือ สำหรับวันนี้เราก็มีภาพบรรยากาศหลังเกมมาฝากเช่นเคย แต่น่าจะลงได้นิดเดียวนะเพราะต้องรีบไปทำงาน..(แค่อยากมาเปิดบ้านให้แฟนๆพี่เสือได้คุยกันก่อน..ก่อนเกมเครียดกันทุกคน..ตอนนี้อาจจะอยากปลดปล่อยความในใจ..เอ้ย!!!ความดีใจ ฮ่าฮ่าๆๆๆ ) เดียวจะกลับมาลงรูปเพิ่มตอนบ่ายนะค่ะ สำหรับตอนนี้ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาดูตามมาชมได้เลยค่ะ
FT Bayern München | 6 - 1 | FC Porto
14’ | 1 - 0 | T. Alcantara
21’ | 2 - 0 | J. Boateng
27’ | 3 - 0 | R. Lewandowski
36’ | 4 - 0 | T. Muller
40’ | 5 - 0 | R. Lewandowski
73’ | 5 - 1 | J. Martinez
88’ | 6 - 1 | X. Alonso
ยอดทีมแคว้นบาวาเรียชำระแค้นยักษ์ใหญ่แดนฝอยทองได้อย่างเด็ดขาดด้วยการถล่มไปแบบราบคาบ ประตูรวมสองนัด 7-4 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกแชมป์เปี้ยนส์ลีก 4 ฤดูกาลติดต่อกัน
ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่สนามอลิอันซ์ อารีนา ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค จ่าฝูงบุนเดสลีกา เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เอฟซี ปอร์โต้ อดีตแชมป์รายการนี้ 2 สมัย โดยนัดแรกเป็นปอร์โต้ที่เอาชนะมาได้ก่อน ด้วยสกอร์ 3-1
เป๊บ กวาร์ดิโอลา เทรนเนอร์เจ้าถิ่น ปรับทัพเพียงรายเดียวเท่านั้นจากเกมนัดแรกที่บุกพ่ายขาดลอย 3-1 โดยส่ง โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ ลงเล่นแทน ดานเต้ ที่มีส่วนทำพลาดเสียประตูที่สองจากเกมนัดก่อน นอกนั้นอยู่กันพร้อมหน้านำโดยสามประสานในแนวรุกอย่าง มาริโอ เกิทเซ, โธมัส มุลเลอร์ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ด้านทีมเยือนของกุนซือ ฆูเลน โลเปเตกุย หมดสิทธิ์ใช้งานสองฟูลแบ็คตัวเก่งอย่าง ดานิโล และ อเล็กซ์ ซานโดร ที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบโควต้า ทำให้ ดีเอโก้ อันโตนิโอ เรเยส กับ อิวาน มาร์คาโน ได้โอกาสลงสนามแทน โดยขยับ บรูโน มาร์ตินส์ อินดี้ ไปเล่นแบ็คขวาแทน ซานโดร นอกนั้นยังเป็นแข้งชุดเดิมจากเลกแรก นำโดย ยาซีน บราฮิมี, ริคาร์โด้ กวาเรสมา และ แจ็คสัน มาร์ติเนซ
เริ่มเกมมาเสือใต้ไม่พูดพร่ําทําเพลงดาหน้าบุกเข้าใส่ทีมเยือนอย่างหนัก และในนาทีที่ 8 พวกเขาก็เกือบได้ประตูขึ้นนำทันที จากจังหวะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แทงขึ้นหน้าไปทางฝั่งขวาให้ โธมัส มุลเลอร์ กระชากหลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนซัดด้วยขวาถูก ฟาเบียโน นายด่าน ปอร์โต้ ปัดออกมาเข้าทาง เลวานดอฟสกี้ ล้มตัวยิงซ้ำไปชนเสาไกลอย่างน่าเสียดาย
Goal!! นาทีที่ 14 เจ้าบ้านขึ้นนำจนได้ จากจังหวะที่ มาริโอ เกิทเซ ไหลย้อนคืนมาให้ ฆวน เบอร์นาต กระชากไปสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเข้ามาในเขตโทษให้ ติอาโก้ อัลคานทารา โฉบโหม่งยัดเสาแรกเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้บาเยิร์นฯออกนำ 1-0
นาทีที่ 22 เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาที่ ติอาโก้ อัลคานทารา ไหลสั้นให้ ชาบี อลอนโซ โยนโด่งเข้ามาในเขตโทษให้ โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ โหม่งชงขึ้นหน้าและเป็น เจโรม บัวเต็ง ขวิดเช็ดบางๆ ส่งบอลกระดอนพื้นเสียบมุมเข้าประตูไป ทำให้ประตูรวมตอนนี้กลับมาเท่ากันที่ 3-3
เท่านั้นไม่พอ 5 นาทีหลังจากนั้น อดีตแชมป์ 5 สมัยมาบวกสกอร์ที่สามเพิ่มได้อีก จากลูกที่ ติอาโก้ อัลคานทารา โยนโค้งจากกลางสนามออกไปทางฝั่งขวาให้ ฟิลิปป์ ลาห์ม ปล่อยบอลตกพื้นหนึ่งจังหวะ ก่อนตวัดเข้าไปในเขตโทษให้ โธมัส มุลเลอร์ แตะต่อแบบไม่ต้องจับให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ พุ่งโขกเน้นๆเต็มศรีษะเข้าไปไม่เหลือ บาเยิร์นฯทิ้งห่างเป็น 3-0
นาทีที่ 33 ฆูเลน โลเปเตกุย กุนซือปอร์โต้ตัดสินใจแก้เกมทันที ด้วยการส่ง ริคาร์โด้ เปเรย์รา ลงไปเล่นแทน ดีเอโก้ อันโตนิโอ เรเยส ที่วันนี้กลายเป็นบ่อน้ำมันให้ ฆวน เบอร์นาต แบ็คซ้ายเสือใต้เจาะอย่างเมามัน
จากนั้นยังเป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่พับสนามบุกอยู่ข้างเดียว กระทั่งนาทีที่ 36 พวกเขาก็มาได้ประตูที่สี่ จากจังหวะที่ ติอาโก้ อัลคานทารา ไหลขึ้นหน้าออกไปทางขวาให้ โธมัส มุลเลอร์ กดเลียดด้วยขวากว่า 30 หลา บอลแฉลบขา บรูโน มาร์ตินส์ อินดี้ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้บาเยิร์นทิ้งห่างเป็น 4-0
ท้ายเกมนาทีที่ 40 สกอร์บอร์ดขยับเพิ่มเป็น 5-0 เมื่อ โธมัส มุลเลอร์ ใช้ความแข็งแกร่งเบียดเอาชนะ คาเซมิโร ไปจนถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนตบย้อนกลับมาให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โยกแต่งเข้าขวาหนึ่งจังหวะ ก่อนยิงหักข้อเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างเฉียบคม จบ 45 นาทีแรกเจ้าบ้านนำห่างถึง 5-0
กลับมาเล่นในครึ่งหลัง แม้เจ้าถิ่นจะผ่อนเกมบุกลงบ้าง แต่พวกเขายังเป็นฝ่ายที่ได้โอกาสทักทายก่อน ในนาทีที่ 57 จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาเยื้องไปทางฝั่งซ้าย และเป็น ชาบี อลอนโซ รับหน้าที่ปั่นด้วยขวา บอลเหินเฉี่ยวคานออกหลังไปแบบได้ลุ้นเหมือนกัน
ถัดมา 3 นาที บาเยิร์นฯได้ลุ้นประตูเพิ่มอีกครั้ง จากจังหวะที่ ฆวน เบอร์นาต ลากจี้เข้าหาเขตโทษ ก่อนเลียดด้วยซ้ายข้างถนัด บอลแฉลบขา โอลิเวอร์ ตอร์เรส เปลี่ยนทางหลุดเสาแรกออกหลังไป
แต่แล้วนาทีที่ 73 ทีมเยือนมาได้ประตูจุดประกายความหวัง จากจังหวะที่กองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ไม่ขาดไปเข้าทาง ริคาร์โด้ เปเรย์รา แทงทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ เฮคเตอร์ เอร์เรรา เปิดยัดเข้ากลาง และเป็น แจ็คสัน มาร์ติเนซ ชาร์จโหม่งระยะเผาขนเข้าไปไม่พลาด ปอร์โต้ตีไล่มาห่างๆ 1-5
3 นาทีต่อมาทีมเยือนเกือบได้ประตูที่สองติดๆกัน จากจังหวะที่ แจ็คสัน มาร์ติเนซ โชว์เดี่ยวลากจากฝั่งซ้ายตัดเข้ากลาง ก่อนกดเลียดหักข้อด้วยขวา บอลพุ่งผ่านเสาไกลออกไปแบบได้ลุ้นทีเดียว
นาทีที่ 78 เจ้าบ้านตอบโต้คืนทันควัน จากลูกที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ลองซัดหักข้อด้วยขวานอกกรอบเช่นกัน และบอลก็พุ่งผ่านเสาไกลออกไปเหมือนกัน
จากนั้นความฝันของทีมเยือนแทบจะจบลงทันที เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน จากจังหวะที่ อิวาน มาร์คาโน ไปสไลค์เสียบขาคู่ใส่ ติอาโก้ อัลคานทารา อย่างน่าเกลียดบริเวณนอกกรอบเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินไม่รอช้าควักใบเหลืองให้กับ มาร์คาโน ทันทีและเป็นใบเหลืองแดงถูกไล่ออกจากสนามไป
จากลูกฟรีคิกนี้เองทำให้เจ้าบ้านทิ้งห่างเป็น 6-1 โดยเป็น ชาบี อลอนโซ เจ้าเก่าหน้าเดิมที่รับหน้าที่ปั่นด้วยขวา บอลข้ามกำแพงก่อนโค้งหนีมือ ฟาเบียโน เสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดสวย
จบเกม บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านถล่ม ปอร์โต้ ขาดลอย 6-1 รวมผลสองนัดชนะไปด้วยประตูรวม 7-4 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน
.
.
.
จบการรายงานข่าวจาก ยอดทีมแห่งแคว้นบาวาเรีย
ผู้สื่อข่าว กัปตันหน้าใสวัยละอ่อน..ฟิลิปป์ ลาห์ม รายงาน..
Photos and gifs aren’t mine, credit to the owners!
ขอบคุณข่าวจาก www.goal.com