เมื่อผมผลักประตูกลิ่นกาแฟจางๆเตะเข้าจมูกผม ผมยิ้มทักทายกับ เจด เจ้าของร้านอ่านหนังสือแห่งนี้ ใช่ครับมันร้านอ่านหนังสือไม่ใช่ร้านขายหนังสือ เจดเล่าให้ผมฟังว่า ด้วยที่ตัวเขานั้นอารมย์ร้อนและมักวิวาทกับคนอื่นบ่อยครั้ง จิตแพทย์เลยแนะนำให้เขาหากิจกรรมที่อยู่คนเดียวและสามารถทำให้จิตใจสงบได้ ซึ่งเขาได้ค้นพบว่าการอ่านหนังสือช่วยเขาได้แล้วเขาก็กลายเป็นคนรักหนังสือแต่นั้นมา โดยเฉพาะวรรณกรรมต่างประเทศและด้วยความที่เขาอยากมีที่อ่านหนังสือดีๆแต่ที่แบบนั้นค่อนข้างหายากเขาเลยสร้างขึ้นมาเสียเอง ส่วนค่าบริการจะเป็นแบบใดนั้นท่านต้องลองมาที่นี่เอง ส่วนตัวผมค่อนข้างสนิทกับเจ้าของร้านมาพักนึงแล้ว ก็อดทักไม่ได้เมื่อเห็นความเครียดที่ปรากฏบนหน้าของเจด เมื่อคะยั้นคะยอสักพักเจดก็ยอทเล่าว่า ตนกำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ตนไม่มีความกล้าที่จะเข้าตีสนิทพอ ผมได้แต่อือออตามเนื้อเรื่องเพราะ
ผมก็ไม่สันทัดในเรื่องนี้จึงได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจ ก่อนจะขอตัวขึ้นไปอ่านหนังสือบนชั้นสอง(ปกติผมจะนั่งอ่านริมหน้าต่างชั้นแรก)
ผมถือถ้วยชาพร้อมกับอ่านหนังสือขึ้นไปชั้นบน ผมเลือกที่นั่งที่คิดว่านั่งสบายที่สุดและยกหนังสือฆานดิต เขียนโดยวอลแตร์ขึ้นมาอ่านต่อ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าโต๊ะที่ผมเลือกนั่งนั้นมีคนนั่งอยู่แล้วเพียงแต่เราทั้งคู่ต่างตกอยู่ในภวังค์ของหนังสือ อ่านได้สักพักผมก็ยกถ้วยชาขึ้นก่อนจะจิบมันแล้วรู้สึกว่ารสชาติมันเปลี่ยนไป กาแฟ..สิ่งที่ควรอนู่ในถ้วยคือกาแฟ ไม่ใช่ชา เมื่อผมวางหนังสือลงแล้วก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่ามีคนนั่งตรงข้ามผม(เอาเข้าจริงเขานั่งก่อนผม) อีกฝ่ายมีหนังสือที่อ่านอยู่ในมือคือมาสเตอร์ แอนด์ มาร์การิต้าเขียนโดยมิคาอิล บุลกาคอฟ เป็นวรรณกรรมรัสเซียเนื้อหาค่อนข้างรุนแรงซึ่งไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักและยิ่งคนอ่านที่เป็นผู้หญิงด้วยแล้วแทบจะไม่ต้องพูดถึง.."คุณ คุณครับ"ผมทักเขาแล้วเขาก็เงยหน้าจากหนังสือ แล้วเราก็เริ่มคุยกัน..
..สองเดือนนับจากที่ผมรู้จักกับเธอ ทุกๆบ่ายวันพุธเธอมักจะอ่านหนังสือที่เก้าอี้ตัวเดิมที่ๆเรารู้จักกัน นับจากวันนั้นเราสนิทกันมากขึ้นทั้งที่เราทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันเลยเมื่อพบกันเราแค่ทักทายแล้วต่างคนต่างก็เข้าในโลกหนังสือของตน ข้างถ้วยชาของผมมีถ้วยกาแฟของเธอ..
..สายวันพุธวันหนึ่งขณะที่ผมรอเจดชงชาให้ผม(ร้านนี้ชงแก้วต่อแก้ว) เขาก็โพล่งปากบอกกับผมว่า"วันนี้แหละ ผมจะบอกรักเขาให้ได้เลย" เขาบอกอีกว่ามีของขวัญทีเด็ดเป็นล๊อกเก็ตเงิน มีจี้ที่เป็นรูปคาตานะซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสืบทราบว่าเธอคนนั้นชื่นชอบมาก ผมหัวเราะเบาๆก่อนให้กำลังใจเขาแล้วเราทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกันแต่ผมหัวเราะดังยิ่งขึ้นเมื่อเจดบอกผมว่าชาแก้วนี้ไม่ต้องจ่าย "ผมจะทำให้เขารับรักผมให้ได้"เจดตะโกนไล่หลังผมดังพอที่ทำให้ลูกค้าสองสามรายตาขวางใส่เจ้าของร้าน ก่อนจะยิ้มออกเมื่อเจ้าของร้านบอกว่าวันนี้กินฟรี ผมปิดประตูกันเสียงที่บรรไดและเดินตรงมานั่งที่เดิม มองนาฬิกาข้อมือมันบอกผมว่าอีกไม่นานเธอจะมา ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบกล่องสีนำ้เงินออกมา มันเป็นของขวัญที่ผมเตรียมมอบให้กับเจ้าของถ้วยกาแฟถ้วยนั้น ผมยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นเธอคนนั้นเเดินเข้าร้าน...
..ฝกกระหน่ำตกอย่างบ้าคลั่งราวกับรับรู้ถึงความรู้รู้สึกในใจของผม ที่ตอนนี้กำลังรำ่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ผมยืนอยู่หน้าหลุมศพของเธอ ใช่ เธอตายแล้วเธอถูกคนที่รักเธอรัดคอด้วยจี้รูปคาตานะเส้นนั้น ผมร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายฟ้าดิน ในหัวสมองเต็มไปด้วยความคลั่งและคลื่นพายุความรู้สึกโศกเศร้า ผมคุกเข่าลง วางของขวัญที่ผมตั้งใจจะให้เธอไว้หน้าหลุมศพ "ผมขอโทษ ตอนนี้เจดก็โดนดำเนินคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา คุณหลับให้สบายเถิดน่ะที่รักของผม.."
..ผมยืนอยู่หน้าร้านอ่านหนังสอของเจต ซึ่งปิดตัวลงหลังจากที่มีคดีฆาตกรรม ผมยืนมองด้วยความอาลัย ..ไม่น่าทำแบบนี้เลยเจด..ผมทราบข่าวการตายของเธอหลังจากที่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า"เจ้าของร้านโหดแทงสาวดับ หลังโดนปฏิเสธรัก ตร.เผยเคยมีประวัติทางจิต" แล้วผมก็เดินจากไปในใจพลางทบทวนเรื่องของวันนั้น บ่ายวันนั้นเธอขึ้นมานั่งที่เดิมของเธอเช่นเคยแต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมตรงที่เธอเป็นคนเริ่มสนทนา เธอบอกว่าเมื่อกี้ก่อนขึ้นมาเจ้าของร้านมาบอกรักเธอและมอบล๊อกเก็ตให้ เมื่อฟังถึงตรงนี้ผมอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ข่มใจถามให้เธอเล่าเรื่องต่อ เธอบอกว่าความจริงแล้วเธอก็แอบมีใจให้ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมาที่นี่บ่อยๆ แต่เมื่อกี้เธอยังไม่ให้คำตอบเพราะเธอพูดไม่เก่งและเขินอายลูกค้าคนอื่นในร้านเธอจึงรีบวิ่งขึ้วมาชั้นสองทำให้เจ้าของร้านเข้าใจว่าโดนปฏิเสธเลยโวยวายไปทั่วร้าน ผมพยายามฟังให้จบโดยไม่แสดงอาการใดๆทั้งที่กำมือจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ผมบอกเธอไปว่าให้ส่งล๊อกเก็ตนั่นมาผมจะใส่ให้เธอ แล้วให้เธอลงไปเมื่อเจดเห็นล๊อกเก็ตเขาก็จะเข้าใจเอง อีกอย่างเธอไม่ต้องอายลูกค้าคนอื่นเพราะตอนนี้ในร้านเหลือแค่เราสามคน ผมชี้ไปหน้าร้านลูกค้าสามคนลูกไล่ออกนอกร้าน เธอมองตามและยื่นมันมาวางข้างถ้วยชาของผมผม เธอยิ้มขอบคุณอย่างมีความสุข มันยิ่งทำให้ผมสมเพชตัวเองยิ่งขึ้นที่ตลอดมาไม่เคยเห็นเธอมีความสุขเท่านี้มาก่อน เพียงแค่นั้นสมองของผมก็ว่างเปล่ารู้ตัวอีกทีผมก็รัดคอเธอด้วยของขวัญที่ผมตั้งใจมอบให้เธอไปเสียแล้ว เมื่อได้สติ ผมรีบทำลายหลักฐานและวางล๊อกเก็ตของเจดแทนที่ล๊อกเก็ตของผมที่บังเอิญซื้อมาเหมือนกัน แล้วก็แอบออกจากร้านทางระเบียงและใช้โทรศัพท์สาธารณะแจ้งตำรวจ ทั้งหลักฐานรอยนิ้วมือบนล๊อกเก็ต แรงจูงใจ พยานแวดล้อม ทุกอย่างชี้ให้เจดเป็นฆาตกร และแน่นอนว่าผมเป็นหนึ่งในพยานนั้นด้วย ความจริงผมก็ไม่อยากทำกับเจดแบบนี้นักหรอกเพราะเขามีบุญคุณกับผมมากตอนที่เราเข้าบำบัดโรคทางจิตด้วยกัน แต่ก็นั่นแหละอย่างที่โบราณเขาว่า ..สตรีมักทำลายมิตรภาพ
[[ #หนังสือที่ผมไม่ได้เขียน
เรื่องสั้นรักหักมุม ลองอ่านกันดูน่ะครับ ติชมด้วยน่ะเออ ^^
ผมก็ไม่สันทัดในเรื่องนี้จึงได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจ ก่อนจะขอตัวขึ้นไปอ่านหนังสือบนชั้นสอง(ปกติผมจะนั่งอ่านริมหน้าต่างชั้นแรก)
ผมถือถ้วยชาพร้อมกับอ่านหนังสือขึ้นไปชั้นบน ผมเลือกที่นั่งที่คิดว่านั่งสบายที่สุดและยกหนังสือฆานดิต เขียนโดยวอลแตร์ขึ้นมาอ่านต่อ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าโต๊ะที่ผมเลือกนั่งนั้นมีคนนั่งอยู่แล้วเพียงแต่เราทั้งคู่ต่างตกอยู่ในภวังค์ของหนังสือ อ่านได้สักพักผมก็ยกถ้วยชาขึ้นก่อนจะจิบมันแล้วรู้สึกว่ารสชาติมันเปลี่ยนไป กาแฟ..สิ่งที่ควรอนู่ในถ้วยคือกาแฟ ไม่ใช่ชา เมื่อผมวางหนังสือลงแล้วก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่ามีคนนั่งตรงข้ามผม(เอาเข้าจริงเขานั่งก่อนผม) อีกฝ่ายมีหนังสือที่อ่านอยู่ในมือคือมาสเตอร์ แอนด์ มาร์การิต้าเขียนโดยมิคาอิล บุลกาคอฟ เป็นวรรณกรรมรัสเซียเนื้อหาค่อนข้างรุนแรงซึ่งไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักและยิ่งคนอ่านที่เป็นผู้หญิงด้วยแล้วแทบจะไม่ต้องพูดถึง.."คุณ คุณครับ"ผมทักเขาแล้วเขาก็เงยหน้าจากหนังสือ แล้วเราก็เริ่มคุยกัน..
..สองเดือนนับจากที่ผมรู้จักกับเธอ ทุกๆบ่ายวันพุธเธอมักจะอ่านหนังสือที่เก้าอี้ตัวเดิมที่ๆเรารู้จักกัน นับจากวันนั้นเราสนิทกันมากขึ้นทั้งที่เราทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันเลยเมื่อพบกันเราแค่ทักทายแล้วต่างคนต่างก็เข้าในโลกหนังสือของตน ข้างถ้วยชาของผมมีถ้วยกาแฟของเธอ..
..สายวันพุธวันหนึ่งขณะที่ผมรอเจดชงชาให้ผม(ร้านนี้ชงแก้วต่อแก้ว) เขาก็โพล่งปากบอกกับผมว่า"วันนี้แหละ ผมจะบอกรักเขาให้ได้เลย" เขาบอกอีกว่ามีของขวัญทีเด็ดเป็นล๊อกเก็ตเงิน มีจี้ที่เป็นรูปคาตานะซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสืบทราบว่าเธอคนนั้นชื่นชอบมาก ผมหัวเราะเบาๆก่อนให้กำลังใจเขาแล้วเราทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกันแต่ผมหัวเราะดังยิ่งขึ้นเมื่อเจดบอกผมว่าชาแก้วนี้ไม่ต้องจ่าย "ผมจะทำให้เขารับรักผมให้ได้"เจดตะโกนไล่หลังผมดังพอที่ทำให้ลูกค้าสองสามรายตาขวางใส่เจ้าของร้าน ก่อนจะยิ้มออกเมื่อเจ้าของร้านบอกว่าวันนี้กินฟรี ผมปิดประตูกันเสียงที่บรรไดและเดินตรงมานั่งที่เดิม มองนาฬิกาข้อมือมันบอกผมว่าอีกไม่นานเธอจะมา ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบกล่องสีนำ้เงินออกมา มันเป็นของขวัญที่ผมเตรียมมอบให้กับเจ้าของถ้วยกาแฟถ้วยนั้น ผมยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นเธอคนนั้นเเดินเข้าร้าน...
..ฝกกระหน่ำตกอย่างบ้าคลั่งราวกับรับรู้ถึงความรู้รู้สึกในใจของผม ที่ตอนนี้กำลังรำ่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ผมยืนอยู่หน้าหลุมศพของเธอ ใช่ เธอตายแล้วเธอถูกคนที่รักเธอรัดคอด้วยจี้รูปคาตานะเส้นนั้น ผมร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายฟ้าดิน ในหัวสมองเต็มไปด้วยความคลั่งและคลื่นพายุความรู้สึกโศกเศร้า ผมคุกเข่าลง วางของขวัญที่ผมตั้งใจจะให้เธอไว้หน้าหลุมศพ "ผมขอโทษ ตอนนี้เจดก็โดนดำเนินคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา คุณหลับให้สบายเถิดน่ะที่รักของผม.."
..ผมยืนอยู่หน้าร้านอ่านหนังสอของเจต ซึ่งปิดตัวลงหลังจากที่มีคดีฆาตกรรม ผมยืนมองด้วยความอาลัย ..ไม่น่าทำแบบนี้เลยเจด..ผมทราบข่าวการตายของเธอหลังจากที่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า"เจ้าของร้านโหดแทงสาวดับ หลังโดนปฏิเสธรัก ตร.เผยเคยมีประวัติทางจิต" แล้วผมก็เดินจากไปในใจพลางทบทวนเรื่องของวันนั้น บ่ายวันนั้นเธอขึ้นมานั่งที่เดิมของเธอเช่นเคยแต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมตรงที่เธอเป็นคนเริ่มสนทนา เธอบอกว่าเมื่อกี้ก่อนขึ้นมาเจ้าของร้านมาบอกรักเธอและมอบล๊อกเก็ตให้ เมื่อฟังถึงตรงนี้ผมอึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ข่มใจถามให้เธอเล่าเรื่องต่อ เธอบอกว่าความจริงแล้วเธอก็แอบมีใจให้ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมาที่นี่บ่อยๆ แต่เมื่อกี้เธอยังไม่ให้คำตอบเพราะเธอพูดไม่เก่งและเขินอายลูกค้าคนอื่นในร้านเธอจึงรีบวิ่งขึ้วมาชั้นสองทำให้เจ้าของร้านเข้าใจว่าโดนปฏิเสธเลยโวยวายไปทั่วร้าน ผมพยายามฟังให้จบโดยไม่แสดงอาการใดๆทั้งที่กำมือจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ผมบอกเธอไปว่าให้ส่งล๊อกเก็ตนั่นมาผมจะใส่ให้เธอ แล้วให้เธอลงไปเมื่อเจดเห็นล๊อกเก็ตเขาก็จะเข้าใจเอง อีกอย่างเธอไม่ต้องอายลูกค้าคนอื่นเพราะตอนนี้ในร้านเหลือแค่เราสามคน ผมชี้ไปหน้าร้านลูกค้าสามคนลูกไล่ออกนอกร้าน เธอมองตามและยื่นมันมาวางข้างถ้วยชาของผมผม เธอยิ้มขอบคุณอย่างมีความสุข มันยิ่งทำให้ผมสมเพชตัวเองยิ่งขึ้นที่ตลอดมาไม่เคยเห็นเธอมีความสุขเท่านี้มาก่อน เพียงแค่นั้นสมองของผมก็ว่างเปล่ารู้ตัวอีกทีผมก็รัดคอเธอด้วยของขวัญที่ผมตั้งใจมอบให้เธอไปเสียแล้ว เมื่อได้สติ ผมรีบทำลายหลักฐานและวางล๊อกเก็ตของเจดแทนที่ล๊อกเก็ตของผมที่บังเอิญซื้อมาเหมือนกัน แล้วก็แอบออกจากร้านทางระเบียงและใช้โทรศัพท์สาธารณะแจ้งตำรวจ ทั้งหลักฐานรอยนิ้วมือบนล๊อกเก็ต แรงจูงใจ พยานแวดล้อม ทุกอย่างชี้ให้เจดเป็นฆาตกร และแน่นอนว่าผมเป็นหนึ่งในพยานนั้นด้วย ความจริงผมก็ไม่อยากทำกับเจดแบบนี้นักหรอกเพราะเขามีบุญคุณกับผมมากตอนที่เราเข้าบำบัดโรคทางจิตด้วยกัน แต่ก็นั่นแหละอย่างที่โบราณเขาว่า ..สตรีมักทำลายมิตรภาพ
[[ #หนังสือที่ผมไม่ได้เขียน