จาก 57 Kg เป็น 54 Kg ใน 3 เดือน ??? เทรนด์เฉพาะส่วน ตอนที่ 1 Abs Fit

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะแชร์ประสบการณ์ออกกำลังกายของตัวเอง หลังจากที่ได้เปลี่ยนเป้าหมายในออกกำลังกายมาเป็นเวลาประมาณ 3 เดือนกว่า กระทู้นี้ไม่ได้เป็นกระทู้การลดน้ำหนักแต่อย่างใด แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์สำหรับผู้ที่คิดจะออกกำลังกายอย่างจริงจัง (จริงจังในที่นี้หมายถึงออกกำลังกายเป็นกิจวัตร) รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มออกกำลังกายกันอยู่ค่ะ

รูป Before & After

     

จขกทสูง 164 ตอนนี้หนัก 54 ปกติไม่ค่อยชั่งน้ำหนักอยู่แล้วเพราะไม่ค่อยได้สนใจ ไม่เคยคิดว่าตัวเองอ้วน ถ้าจะสำเหนียกว่าตัวเองเริ่มอ้วนก็คือจะใส่กางเกงยีนส์แล้วคับหรือติดกระดุมไม่ได้ ก็จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการใส่กางเกงที่หลวมขึ้น แต่เวลาใส่กางเกงนอนขาสั้นแล้วเดินไปเดินมาในห้องจะรู้ได้เลยว่า เห้ย ขาเสียดสีกันแล้วแกร๊ ไปวิ่งป่ะ เนื่องจากจขกทหุ่นแอบลูกแพร์นิดๆ ฉะนั้นเวลาอ้วนจะอ้วนลงตูดและขาก่อน ถ้าเมื่อไหร่ที่ขึ้นมาถึงพุงแสดงว่าอาการหนักแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยสาวๆ สบายมาก ไม่กินข้าวเย็นซัก 3 วัน ก็จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ แต่ทุกวันนี้ต่อให้อดข้าวแล้ววิ่งไขมันมันยังไม่สะท้าน แถมยังแปลงร่างเป็นเซลลูไลท์เกาะแน่นไม่ยอมไม่ไหนอีกตะหาก ฝันร้ายชัดๆ  *แก่แล้วลดยากค่ะ สำคัญมาก*

จุดเริ่มต้นของการออกกำลังกาย
ถ้าย้อนกลับไปจริงๆก็คงจะเป็นเมื่อ 5 ปีที่แล้วนู่นนนน ที่เริ่มสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนส ซึ่งตอนนั้นเป้าหมายที่เล่นก็คือให้ได้ขยับแข้งขยับขาบ้างก็ยังดี สิ่งที่ทำเป็นประจำก็คือวิ่งสลับกับเครื่อง elliptical เตะกระสอบทรายบ้างเป็นบางครั้ง คิดเอาเองว่าเพื่อช่วยให้ขากระชับขึ้น ส่วนพวกเวทไม่แตะเลยเพราะคิดว่ามันเป็นเครื่องเล่นของผู้ชายเท่านั้น และช่วงนั้นก็กินคลีนด้วย สรุปก็คือผอมนะ เพราะทั้งเบิร์นทั้งคลีน แต่กระดูกไหปลาร้าขึ้นมาทักทายแถมหนมน๊มยังเล็กลงไปด้วยอีกต่างหาก ร้องไห้

หลังจากนั้นก็ยังออกกำลังกายมาเรื่อยๆ เป้าหมายคือเพื่อสุขภาพที่ดี หลับง่าย (เพราะเป็นคนหลับยากมาก) ไม่อ้วน ส่วนความถี่แล้วแต่ความยุ่งของแต่ละช่วง ได้ลองไปต่อยมวยบ้าง แต่เนื่องจากการต่อยมวยต้องนัดเวลากับโค้ช ทำให้ไม่ค่อยสะดวก (แต่ชอบชกมวยมาก วอร์มหนักมากกก กระโดดเชือกทีนี่ตายไปเลย สั่งให้โดดทีเป็นร้อยๆ) จุดเปลี่ยนมาเกิดตอนปีใหม่ที่ผ่านมา เนื่องจากสองสามเดือนก่อนปีใหม่ยุ่งมาก เลยได้ไปยิมแค่สัปดาห์ละ 2-3 วัน วิ่งครั้งละประมาณ 40 นาที แต่กินกระหน่ำซัมเมอร์เซลมาก แถมช่วงปีใหม่หมูกระทะทุกวัน ปิ้งกันเข้าไป บอกตัวเองว่ามันเป็นเนื้อสัตว์ไม่เป็นไรหรอกน่า เพราะกินแต่หมู โปรตีนทั้งนั้น แต่แหม่ เครื่องเคียงอีกเพียบ รู้ตัวอีกทีนอกจากขาจะเบียดเสียดสีกันแล้ว เวลากินข้าวเสร็จพุงป่องเหมือนคนท้องอีกต่างหาก แคร์มั้ย ยังไม่แคร์! จนเพื่อนเริ่มแซวๆว่า อ้วนนะช่วงนี้ หรือช่วงนี้ไม่ได้ออกกำลังกายใช่มั้ย จุดพีคคือเพื่อนมาลูบพุงตอนกินข้าวอิ่ม ประหนึ่งทักทายหลาน เหย แก ชั้นยังไม่ได้แต่งงานมีปั๋วนะเฟ้ย ลองชั่งน้ำหนักดูขำๆ 57! โหย อีกสามโลจะ 60! เตี้ย ขาสั้นขนาดนี้ ถ้า 60 จะตันขนาดไหน หลังปีใหม่เลยเข้ายิมหักโหมเลยค่ะ

เดือนแรก

หักโหม: ไปยิมทุกวันจริงๆนะ ช่วงแรกเน้นเข้าคลาส ทั้งโยคะ ทั้ง abs แล้วก็เน้นออกเฉพาะส่วนเช่น ก้น กับ ขา โดยการ squat กับ lunge สองอย่างนี่ เช็ตละ 12 ครั้ง 3 เซ็ตก็หรูแล้ว เพราะมันเจ็บปวดมากกก เกร็งไปทั้งสารร่าง โดยเฉพาะช่วงล่าง วิ่งบ้างเป็นบางวัน ยังชอบคิดว่าชั้นอ้วนเฉพาะส่วนย่ะ ออกกำลังกายเฉพาะส่วนก็พอ!

ผลลัพธ์: ช่วงอาทิตย์แรกหนักหนาสาหัสมากค่ะ เจ็บปวดไปทั้งตัว ตอนกลางคืนนอนก็แทบไม่ได้เพราะปวดตึงไปหมด หลับไม่สนิท เดินขึ้นลงบันไดลำบากมาก นั่งชักโครกนี่ลำบากโคตรๆ แต่ก็ยังฝืนสังขารสู้ต่อไป เล่น 6 วัน หยุด 1 วัน อาทิตย์ที่ 3-4 ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อยแต่เส้นที่ปวดตึงตรงขาและก้นก็ยังปวดต่อไป อาศัย streching กับโยคะช่วยยืดเส้น ส่วนรูปร่าง ไม่มีไรเปลี่ยนแปลง มีแต่ขาที่ดูใหญ่ขึ้น เข้าใจว่าเป็นเพราะกล้ามเนื้อถูกใช้งานเลยบวม ไม่ค่อยได้กังวลอะไรมากเพราะอ่านในกูเกิ้ลว่าเดี๋ยวพอหายบวมก็กลับเป็นปกติ แต่ก็แอบเซ็งที่ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง แล้วทำไมคนที่เค้ามารีวิวเค้าลดกันเดือนละตั้งหลายโล ชริ แต่ไม่ได้ดูเลยว่า อาหารการกินที่กินเข้าไป ไม่ได้สมดุลกับที่เอาออกเลย เพราะวิ่งแค่อาทิตย์ละไม่กี่วันแต่ยังกินเหมือนปอบอย่างเคย เพราะลั่นวาจาเอาไว้ว่า ชั้นจิต้องหุ่นดีด้วยการออกกำลังกาย ไม่ใช่เพราะอดอาหารย่ะ! แต่ก็ควรจะเลือกกินด้วยนะยะ (บอกตัวเองตอนหลัง)

มาดูอาหารการกินกันบ้าง เนื่องจากว่าความสุขของกะทิคือการได้กินสิ่งที่อยากกิน ไม่ว่าจะแพงหรืออยู่ไกลแค่ไหนก็ต้องบึ่งรถไปกิน if i feel like it!  กินสามมื้อไม่เคยอด บัฟเฟ่ท์ไม่เคยกลัว ตบด้วยของหวานหรือน้ำปั่น คือกินจนจุก มื้อดึกก็ไม่หวั่น แต่จะเห็นว่าถึงจะกินแบบนี้มาตลอดแต่ไหนแต่ไรน้ำหนักก็ไม่ได้ขึ้นพรวดพราดเพราะจขกทไส้ตรง ขับถ่ายทุกวันและไม่ดื่มน้ำอัดลมและแอลกอฮอล์  แต่ไขมันส่วนเกินมันก็ค่อยๆพอกพูนตามขาตามพุงอย่างที่บอก!

สรุปเดือนแรกผ่านไป ไม่มีไรเกิดขึ้น น้ำหนักไม่ชั่ง เพราะไม่แคร์ (เบ้ปาก) ขาบวมเป็นพักๆ ร่างกายรู้สึกจะทรุดโทรมนิดๆ เพราะนอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากปวดเนื้อปวดตัว

ดือนที่ 2 ช่วงเดือนที่สองอาการปวดเนื้อปวดตัวไม่ค่อยมีแล้ว แต่เส้นที่ขาหลัง ขาด้านใน กับสะโพกยังคงตึงและเจ็บอยู่มาก ถึงขนาดโทรไปหาเพื่อนที่เป็นเภสัชให้จัดยาให้หน่อย คือกังวลว่ากล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นอักเสบรึป่าว กลัวจะเป็นอะไรร้ายแรงเพราะเจ็บมาหลายอาทิตย์ก็ยังไม่หาย เพื่อนแนะนำยามาและกำชับว่าไปหาหมอ สรุปไม่กินยาค่ะ กลัวว่าถ้ากินยาระงับอาการเจ็บแล้วตัวเองจะคิดว่าหาย ถ้าไปออกกำลังกายหนักอีกอาจจะทำให้แย่กว่าเดิม ก็เลยเพิ่มวันพักมากขึ้นเป็นอาทิตย์ละสองวัน เป็นเล่นสามวันหยุดหนึ่ง ไม่ยิงยาวหกวัน หรือวันไหนรู้สึกร่างกายไม่ไหวก็จะพักต่อให้ยังไม่ถึงวันพัก และเว้นส่วนที่รู้สึกเจ็บ อย่างส่วนขานี่หยุดประมาณ 2 อาทิตย์และแล้วมันก็ดีขึ้น โล่งไป

เรื่องอาหารการกิน เดือนนี้จะระวังเรื่องการกินมากขึ้น จะพยายามเลือกกินมากขึ้น ถ้ามีโอกาสก็จะกินข้าวกล้องตลอด แต่ถ้ากินข้างนอกหาไม่ได้ได้ก็ไม่ซีเรียสมาก  ของมัน ของทอดปกติก็ไม่ค่อยกินเท่าไหร่ เค้ก ขนม ถ้าอยากก็กิน เพราะเป็นคนติดของหวาน แต่มื้อถัดไปก็จะเลือกกินสลัด พวกน้ำปั่น โกโก้ ก็ยังกินอยู่ประมาณอาทิตย์ละครั้ง

ผลลัพธ์: รู้สึกเลยว่าพุงเริ่มหายไป เวลาลูบท้องรู้สึกได้ว่ามันเป็นลอนแข็งๆ มันไม่ใช่เรียบแข็งแต่มันรู้สึกได้ถึงลอนที่ซ่อนอยู่ใต้ไขมัน 55 ส่วนขาเนื่องจากเจ็บจึงเล่นแค่เบาๆ แต่ยังวิ่งอยู่อาทิตย์ละ 2-3 วันเหมือนเดิม
เข้าคลาสโยคะอาทิตย์ละ 4-5 วัน Abs อาทิตย์ละ 2 วัน

เดือนที่ 3 เดือนนี้เริ่มสำเหนียกว่าต่อให้เทรนเฉพาะส่วนไปก็คงจะนานกว่าจะเห็นผล กว่าจะเห็นกล้ามเนื้อถ้ายังมีไขมันหนาเกาะอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย จึงเริ่มหันมาเน้นคาร์ดิโอมากขึ้น การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอก็มีทั้งการวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเครื่อง elliptical แต่การเบิร์นที่ชอบมากและคิดว่ามันเห็นผลเร็วสำหรับตัวเองก็คือการวิ่ง วิ่งไปดูหนังไป วิ่งได้จนหนังจบ 55  เวลาปั่นก็ตั้งโปรแกรม burn calories เลยค่ะ 40 นาทีขึ้นไป ส่วนปั่นจักรยานนานๆ ก็น่าเบื่อพอกับเครื่อง elliptical แถมช่วงล่างยังระบมเวลากระแทกกับเบาะเวลาปั่นอีก แต่ก็มีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างไรบ้างนานๆครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นวิ่งอย่างน้อยอาทิตย์ละ 5 วัน

อาหารการกินก็ยังเหมือนกับเดือนที่สอง เลือกกิน กินให้สมดุลมื้อไหนหนัก มื้อถัดไปก็เลือกกินเบาๆ

ผลลัพธ์: ไขมันที่หน้าท้องลดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเริ่มเห็นลอนที่ซ่อนอยู่ออกมาทักทายยย ก้นและขากระชับขึ้น

(มีต่อค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่