สวัสดีค่าเพื่อนๆ ชาวพันทิป วันนี้เราขอมาแชร์ทริปสังขละบุรี เที่ยวครั้งนี้ไม่มีการวางแผนใดใดเลย ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ของขึ้นชื่อ การเดินทาง มีเพียงจุดมุ่งหมายเท่านั้นคือสะพานมอญ ทริปนี้ออกตัวเลยว่าเที่ยวไม่ทั่วแต่จะมาเล่าความประทับใจในหลายๆ อย่างนะคะ ^^
เริ่มต้นด้วยเราและเพื่อนรู้สึกเปลี่ยวช่วงสงกรานต์ 555
อยากออกเดินทางไปที่ไหนก็ได้ในที่ที่ไม่เคยไป จนสรุปว่าจะไปสังขละบุรีกันในวันที่ 13-14 เม.ย. 2 วัน 1 คืน ทริปครั้งนี้เราออกเดินทางจากสายใต้ใหม่ประมาณ 8.30 น. ค่าตั๋วรถตู้ 100 บาทถึง บขส กาญจนบุรีเลย
มาถึง บขส. กาญ เวลาประมาณ 10.30-11.00 น. พอลงรถตู้ก็จะมีท่ารถเมล์สีส้มๆ หวานเย็น ฉิ่งฉับทัวร์ สายทองผาภูมิ-สังขละ
ในใจตอนนั้นคิดว่าดีใจจังเลยได้นั่งรถหวานเย็น (เราสองคนเป็นสายลุยที่แบบไปไหนก็ได้ใครชวนไปไหนก็ไป ร้อน ลำบากก็ไป 555) ค่ารถอยู่ที่ 130 บาท เรียกว่าสุดสาย ถามพี่กระเป๋าว่าถึงสังขละกี่โมง พอได้คำตอบเท่านั้นแหละ ห๊ะ!!!! สี่โมงเย็น เพื่อนบอกว่า "การที่นั่งรถส้มแล้วราคาตัว 130 เนี่ย มันต้องไม่ธรรมดา" ขำคิกคักกันสองคน เพิ่งมารู้ตอนนี้นี่เองว่าจากกาญ-สังขละ 200 กว่าโล คิดว่าใกล้ๆ ที่ไหนได้ ยิ่งกว่านั่งรถข้ามจังหวัดอีก
ระหว่างทางที่นั่งถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็ได้ยินเสียง ปัง!! ในใจคิดเอาแล้ววว วันนี้จะถึงสังขละมั้ยเนี่ย...กลิ่นไ้หม้นี่ขึ้นมาบนรถเลย ตอนแรกคิดว่ายางแตกแน่!!! แต่จริงๆ แล้วคือฝาเครื่องกรองอะไรสักอย่างร่วงลงมา แต่รถก็ยังไปต่อได้ นั่งไปถึงทองผาภูมิก็เปลี่ยนไปรถอีกคันที่ไปสังขละ
ระหว่างทางไปสังขละนี่ทางคดเคี้ยวขึ้นเขาลงห้วย มองหลักกิโลอีก 90 กว่าโล ใกล้เข้ามาล้าวววว สังขละที่รัก
ในที่สุดเวลา 16.00 กว่าๆ รถก็เทียบเข้าบขส.
เราสองคนลงมานั่งโทรหาที่พักกันอยู่หน้าเซเว่น โทรราวครึ่งชั่วโมง 20 กว่าที่ก็ยังไม่ได้ที่พัก เกือบถอดใจแล้ว...
จนได้ที่พักอยู่ที่นึงชื่อกรีนโฮมเกสต์เฮ้าส์ ห้องพัดลมคืนละ 400 เก๋อะแกรรร ราคาไม่แพงแถมน้องคนที่รับโทรศัพท์ดูอัธยาศัยดีเป็นกันเองอีกต่างหาก ที่พักไม่ใหญ่มากตั้งอยู่หลังเทศบาล ติดภูเขาสีสันน่ารัก แถมน้องผู้หญิงก็ยังใจดีให้มอเตอไซค์เรามาใช้ฟรีๆ เพราะบอกว่ากว่าพี่จะมาถึงก็เย็นแล้ว จะคิดตังก็ยังไงอยู่ น้องเขาบอกให้เราเติมน้ำมันให้ก็พอ ใจดีม๊ากกกกก สารภาพว่าก่อนกลับเราไม่ได้เติมน้ำมันให้น้อง ขอโทษด้วยนะคะ T T
ประมาณห้าโมงหน่อยๆ เราสองคนขี่มอไซค์ออกมาแว้นกันที่สะพานมอญ คนเยอะมากกกกค่ะ แต่เราก็มองข้ามตรงนั้นไป ให้มองที่สะพานก็พอ 555 ดูพระอาทิตย์ตกดิน เดินข้ามสะพานไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ตอนนั้นในใจคิดว่าอยากให้เวลาที่อยู่ตรงนี้มันเดินไปอย่างช้าๆ ยังไม่อยากจะไปไหนเลย ข้ามมาฝั่งมอญก็เลยสอยผ้าซิ่นมาคนละตัวไว้ใส่ตักบาตรพรุ่งนี้
ตกค่ำเราสองคนมาเดินกันที่ถนนคนเดินสังขละ กินอาหารพื้นเมืองจิ้มจุ่มพม่า ไม้ละ1 บาท จะมีหมูแดง หมูติดมัน ปอด จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มสีส้มๆ กินเพลินมากหันมาดูอีกที 40 ไม้เข้าไปละ จากนั้นก็มานั่งกินยำกะเหรี่ยง ทำมาจากใบบัวบกซอยและใส่เครื่องยำเข้าไป ข้าวซอย และตะป้องโจ้เป็นเหมือนฟักชุบแป้งทอดแล้วมาตัดเป็นชิ้นๆ จิ้มกับน้ำจิ้มผสมถั่วเหมือนน้ำจิ้มเต้าหู้ทอด ขอบอกว่าอิ่มมากกกกกก หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เดินในตลาดเรื่อยๆ มีเวทีมวย ของพื้นเมืองตั้งขายตามทาง ชุดมอญ แป้งพม่า หิน เครื่องเงิน
มีวงดนตรีให้ยืนฟังชิลๆ เราก้อนั่งฟังกันริมฟุตบาทนี่ล่ะ..เพลินดี
ด้วยที่บรรยากาศมันพาไปก็ขอกันคนละกระป๋องก่อนกลับไปนอนก็แล้วกันนะ ^^
เช้าวันที่ 2 เราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ไปใส่บาตรที่สะพานมอญตอนหกโมงเช้า ใส่ผ้าซิ่นปะแป้งพม่าเป็นสาวมอญใจงามขี่มอไซค์ออกมากันแต่เช้า พอถึงที่สะพานปุ๊ป เอ๊ะ!! ทำไมคนมองเรา ดูไปดูมามีแค่เราสองคนที่ใส่ แต่คนอาจจะมองที่ศิลเปอะการปะแป้งบนใบหน้าของเราสองคนก็เป็นได้
อากาศยามเช้าที่นี่ค่อนข้างเย็น และมีหมอกลง ถ้ามาในช่วงคนน้อยนี่คงฟินสุดๆ
ด้านหน้าก่อนจะเดินมาสะพานมอญจะมีพ่อค้าแม่เค้าขายของใส่บาตรชุดละ 50 บาท แต่ถ้าเดินเข้ามาตรงตีนสะพานฝั่งไทยอีกนิดก็จะเจอ 3 ชุด 100 พร้อมที่กรวดน้ำด้วยจ้า พูดเลยว่าพลาดมากกกก แอบเสียดายเล็กๆ แต่ก็ไม่เป็นไร ระหว่างเดินข้ามสะพานมอญก็ถ่ายรูปไปเรื่อย ก็มีคนมาทักประมาณว่าขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ ตอนแรกเราคิดว่าจะให้เราถ่ายรูปให้แต่คือเขาขอถ่ายรูปกับเราสองคน ทำหน้างงอ่อนแต่ก็ให้เขาถ่ายแต่โดยดี 555 หลังจากที่เราใส่บาตรกันเสร็จก็แว้นมอไซค์มาที่ตลาดตอนช้ามาหาอะไรกินกัน ร้านที่เราเลือกเป็นร้านกาแฟในตลาด ที่ีโรตีโอ่งขายด้วย มีไข่ลวก ชาพม่า และโรตีโอ่ง โรตีจะมาเป็นแผ่นๆ พร้อมนมข้นให้เราจิ้มกิน
นั่งไปสักพักประมาณ 8.30 เราก็ขี่มอไซค์มาที่ร้าน
Kafkafe เป็นร้านกาแฟติดกับไฮกุเกสต์เฮ้าส์ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ น่ารัก บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง คือเข้ามาแล้วออร่าของความอบอุ่นมันชัดเจนมากขนาดนั้นเลยแหละ มีเมนูอาหารเช้า กาแฟ และสมู๊ทตี้ มีหนังสือให้อ่าน พี่ที่ชงกาแฟจะติสท์เป็นพิเศษ ช้าหน่อยเพราะเขาชงให้เหมือนกับคนรักดื่ม เพราะฉะนั้น ใจร่มๆ กันไว้นะค้า
ช่วงเวลาประมาณ 9.30 เราก็เตรียมตัวออกจากร้านมาเก็บของเช็ครอบรถตู้กลับกาญ กลับเข้าที่พักไปเช็คเอาท์ ออกมาก็ 10 โมงนิดๆ ค่ารถกลับกาญอยู่ที่ 175 บาท ออกทุก 20 นาที ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่งถึงตัวเมืองกาญ แต่ถ้าใครเมารถแนะนำให้กินยาแก้เมารถด้วยนะคะ เราไม่ได้กินไรเลยเวียนหัวภาวนาให้ถึงเมืองกาญไวไว พอเดินทางถึงกาญแล้วเราสองคนเลยปิดทริปแวะเดินเล่นที่สุสานฝรั่งนิดหน่อย อากาศดีเย็นมาก นั่งในนั้นอยู่นานพอควรเลยแหละ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ 2 วัน 1 คืน ที่พักอาหาร ทุกอย่างแล้วคนละ 1,500 บาท เก๋อะแกร...
ความประทับใจของทริปนี้พูดได้เต็มปากเลยว่าไม่ใช่แค่สังขละเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนร่วมทางที่เราตัดสินใจมาด้วยกัน ลำบาก หิว ร้อน เมื่อยแค่ไหนเราก็จะไปด้วยกัน อาจจะไม่ใช่ทริปเที่ยวครบทุกที่ อาจจะเก็บบรรยากาศไม่ครบ แต่เราว่าเรื่องราวระหว่างทางและคนที่มาด้วยต่างหากที่ทำให้ที่ที่เราไปนั้นมันพิเศษมากขึ้น
[CR] สังขละจ๋าฉันมาแล้ว...
เริ่มต้นด้วยเราและเพื่อนรู้สึกเปลี่ยวช่วงสงกรานต์ 555 อยากออกเดินทางไปที่ไหนก็ได้ในที่ที่ไม่เคยไป จนสรุปว่าจะไปสังขละบุรีกันในวันที่ 13-14 เม.ย. 2 วัน 1 คืน ทริปครั้งนี้เราออกเดินทางจากสายใต้ใหม่ประมาณ 8.30 น. ค่าตั๋วรถตู้ 100 บาทถึง บขส กาญจนบุรีเลย
มาถึง บขส. กาญ เวลาประมาณ 10.30-11.00 น. พอลงรถตู้ก็จะมีท่ารถเมล์สีส้มๆ หวานเย็น ฉิ่งฉับทัวร์ สายทองผาภูมิ-สังขละ ในใจตอนนั้นคิดว่าดีใจจังเลยได้นั่งรถหวานเย็น (เราสองคนเป็นสายลุยที่แบบไปไหนก็ได้ใครชวนไปไหนก็ไป ร้อน ลำบากก็ไป 555) ค่ารถอยู่ที่ 130 บาท เรียกว่าสุดสาย ถามพี่กระเป๋าว่าถึงสังขละกี่โมง พอได้คำตอบเท่านั้นแหละ ห๊ะ!!!! สี่โมงเย็น เพื่อนบอกว่า "การที่นั่งรถส้มแล้วราคาตัว 130 เนี่ย มันต้องไม่ธรรมดา" ขำคิกคักกันสองคน เพิ่งมารู้ตอนนี้นี่เองว่าจากกาญ-สังขละ 200 กว่าโล คิดว่าใกล้ๆ ที่ไหนได้ ยิ่งกว่านั่งรถข้ามจังหวัดอีก
ระหว่างทางที่นั่งถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็ได้ยินเสียง ปัง!! ในใจคิดเอาแล้ววว วันนี้จะถึงสังขละมั้ยเนี่ย...กลิ่นไ้หม้นี่ขึ้นมาบนรถเลย ตอนแรกคิดว่ายางแตกแน่!!! แต่จริงๆ แล้วคือฝาเครื่องกรองอะไรสักอย่างร่วงลงมา แต่รถก็ยังไปต่อได้ นั่งไปถึงทองผาภูมิก็เปลี่ยนไปรถอีกคันที่ไปสังขละ
ระหว่างทางไปสังขละนี่ทางคดเคี้ยวขึ้นเขาลงห้วย มองหลักกิโลอีก 90 กว่าโล ใกล้เข้ามาล้าวววว สังขละที่รัก
ในที่สุดเวลา 16.00 กว่าๆ รถก็เทียบเข้าบขส. เราสองคนลงมานั่งโทรหาที่พักกันอยู่หน้าเซเว่น โทรราวครึ่งชั่วโมง 20 กว่าที่ก็ยังไม่ได้ที่พัก เกือบถอดใจแล้ว... จนได้ที่พักอยู่ที่นึงชื่อกรีนโฮมเกสต์เฮ้าส์ ห้องพัดลมคืนละ 400 เก๋อะแกรรร ราคาไม่แพงแถมน้องคนที่รับโทรศัพท์ดูอัธยาศัยดีเป็นกันเองอีกต่างหาก ที่พักไม่ใหญ่มากตั้งอยู่หลังเทศบาล ติดภูเขาสีสันน่ารัก แถมน้องผู้หญิงก็ยังใจดีให้มอเตอไซค์เรามาใช้ฟรีๆ เพราะบอกว่ากว่าพี่จะมาถึงก็เย็นแล้ว จะคิดตังก็ยังไงอยู่ น้องเขาบอกให้เราเติมน้ำมันให้ก็พอ ใจดีม๊ากกกกก สารภาพว่าก่อนกลับเราไม่ได้เติมน้ำมันให้น้อง ขอโทษด้วยนะคะ T T
ประมาณห้าโมงหน่อยๆ เราสองคนขี่มอไซค์ออกมาแว้นกันที่สะพานมอญ คนเยอะมากกกกค่ะ แต่เราก็มองข้ามตรงนั้นไป ให้มองที่สะพานก็พอ 555 ดูพระอาทิตย์ตกดิน เดินข้ามสะพานไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ตอนนั้นในใจคิดว่าอยากให้เวลาที่อยู่ตรงนี้มันเดินไปอย่างช้าๆ ยังไม่อยากจะไปไหนเลย ข้ามมาฝั่งมอญก็เลยสอยผ้าซิ่นมาคนละตัวไว้ใส่ตักบาตรพรุ่งนี้
ตกค่ำเราสองคนมาเดินกันที่ถนนคนเดินสังขละ กินอาหารพื้นเมืองจิ้มจุ่มพม่า ไม้ละ1 บาท จะมีหมูแดง หมูติดมัน ปอด จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มสีส้มๆ กินเพลินมากหันมาดูอีกที 40 ไม้เข้าไปละ จากนั้นก็มานั่งกินยำกะเหรี่ยง ทำมาจากใบบัวบกซอยและใส่เครื่องยำเข้าไป ข้าวซอย และตะป้องโจ้เป็นเหมือนฟักชุบแป้งทอดแล้วมาตัดเป็นชิ้นๆ จิ้มกับน้ำจิ้มผสมถั่วเหมือนน้ำจิ้มเต้าหู้ทอด ขอบอกว่าอิ่มมากกกกกก หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เดินในตลาดเรื่อยๆ มีเวทีมวย ของพื้นเมืองตั้งขายตามทาง ชุดมอญ แป้งพม่า หิน เครื่องเงิน
เช้าวันที่ 2 เราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ไปใส่บาตรที่สะพานมอญตอนหกโมงเช้า ใส่ผ้าซิ่นปะแป้งพม่าเป็นสาวมอญใจงามขี่มอไซค์ออกมากันแต่เช้า พอถึงที่สะพานปุ๊ป เอ๊ะ!! ทำไมคนมองเรา ดูไปดูมามีแค่เราสองคนที่ใส่ แต่คนอาจจะมองที่ศิลเปอะการปะแป้งบนใบหน้าของเราสองคนก็เป็นได้
ด้านหน้าก่อนจะเดินมาสะพานมอญจะมีพ่อค้าแม่เค้าขายของใส่บาตรชุดละ 50 บาท แต่ถ้าเดินเข้ามาตรงตีนสะพานฝั่งไทยอีกนิดก็จะเจอ 3 ชุด 100 พร้อมที่กรวดน้ำด้วยจ้า พูดเลยว่าพลาดมากกกก แอบเสียดายเล็กๆ แต่ก็ไม่เป็นไร ระหว่างเดินข้ามสะพานมอญก็ถ่ายรูปไปเรื่อย ก็มีคนมาทักประมาณว่าขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ ตอนแรกเราคิดว่าจะให้เราถ่ายรูปให้แต่คือเขาขอถ่ายรูปกับเราสองคน ทำหน้างงอ่อนแต่ก็ให้เขาถ่ายแต่โดยดี 555 หลังจากที่เราใส่บาตรกันเสร็จก็แว้นมอไซค์มาที่ตลาดตอนช้ามาหาอะไรกินกัน ร้านที่เราเลือกเป็นร้านกาแฟในตลาด ที่ีโรตีโอ่งขายด้วย มีไข่ลวก ชาพม่า และโรตีโอ่ง โรตีจะมาเป็นแผ่นๆ พร้อมนมข้นให้เราจิ้มกิน
นั่งไปสักพักประมาณ 8.30 เราก็ขี่มอไซค์มาที่ร้าน Kafkafe เป็นร้านกาแฟติดกับไฮกุเกสต์เฮ้าส์ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ น่ารัก บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง คือเข้ามาแล้วออร่าของความอบอุ่นมันชัดเจนมากขนาดนั้นเลยแหละ มีเมนูอาหารเช้า กาแฟ และสมู๊ทตี้ มีหนังสือให้อ่าน พี่ที่ชงกาแฟจะติสท์เป็นพิเศษ ช้าหน่อยเพราะเขาชงให้เหมือนกับคนรักดื่ม เพราะฉะนั้น ใจร่มๆ กันไว้นะค้า
ช่วงเวลาประมาณ 9.30 เราก็เตรียมตัวออกจากร้านมาเก็บของเช็ครอบรถตู้กลับกาญ กลับเข้าที่พักไปเช็คเอาท์ ออกมาก็ 10 โมงนิดๆ ค่ารถกลับกาญอยู่ที่ 175 บาท ออกทุก 20 นาที ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่งถึงตัวเมืองกาญ แต่ถ้าใครเมารถแนะนำให้กินยาแก้เมารถด้วยนะคะ เราไม่ได้กินไรเลยเวียนหัวภาวนาให้ถึงเมืองกาญไวไว พอเดินทางถึงกาญแล้วเราสองคนเลยปิดทริปแวะเดินเล่นที่สุสานฝรั่งนิดหน่อย อากาศดีเย็นมาก นั่งในนั้นอยู่นานพอควรเลยแหละ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ 2 วัน 1 คืน ที่พักอาหาร ทุกอย่างแล้วคนละ 1,500 บาท เก๋อะแกร...
ความประทับใจของทริปนี้พูดได้เต็มปากเลยว่าไม่ใช่แค่สังขละเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนร่วมทางที่เราตัดสินใจมาด้วยกัน ลำบาก หิว ร้อน เมื่อยแค่ไหนเราก็จะไปด้วยกัน อาจจะไม่ใช่ทริปเที่ยวครบทุกที่ อาจจะเก็บบรรยากาศไม่ครบ แต่เราว่าเรื่องราวระหว่างทางและคนที่มาด้วยต่างหากที่ทำให้ที่ที่เราไปนั้นมันพิเศษมากขึ้น
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น