ก่อนอื่นขอบอกว่า กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะเสี้ยม สร้างความแตกแยก เกลียดชัง และดราม่าใดๆทั้งสิ้น(ไม่ชอบกินมาม่า ขอความกรุณา"อย่าเยอะ")
จุดประสงค์หลักของการนำเสนอคือ แชร์ประสบการณ์(กึ่งบ่น) แลกเปลี่ยนทัศนคติ และแสดงความคิดถึงสาเหตุที่มาของปัญหา ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า... ก่อนหน้านี้เคยเห็นและเคยได้อ่านกระทู้บ่นถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนต่างๆนานาหลายกระทู้มากๆ โดยตัวเองก็เคยเข้าไปแสดงความคิดเห็นบ้างเหมือนกัน แต่จะออกแนวโลกสวยสุด เพราะยังไม่เคยประสบพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวด้วยสองตา แต่พอมาเจอประสบการณ์ตรงแล้ว แทบจะเปลี่ยนความคิดทันทีทันใดในบัดดล
ช่วงแอร์เอเชียมีโปรฯ เลยสอยตั๋วราคาย่อมเยามาได้หลายเส้นทาง (เชียงใหม่-กระบี่-กรุงเทพ-โอซาก้า-กรุงเทพ) ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนบน ดังนั้นต้องมาขึ้นเครื่องที่เชียงใหม่ และถือโอกาสลัลล้าที่เชียงใหม่ก่อน 2 วัน
หลังจากเช็คอินเข้าโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็เจอฤทธิ์นักท่องเที่ยวจีนทันที ขนาดอยู่ในห้องน้ำปิดประตูตั้ง 2 บาน(ประตูห้องน้ำและประตูห้องพัก)แถมยังใส่หูฟัง(ฟังเพลง) ยังได้ยินเสียงอาเจ้ อาเจ็ก อาหมวย พูดคุยกันจากข้างนอก เล็ดลอดเข้ามาถึงโสตประสาทได้ (ความเข้มข้นของคลื่นเสียงคงจะหลายเดซิเบลมากๆ ถึงสามารถเดินทางทะลุประตูที่ความหนาตั้ง 2 บาน + หูฟังที่กำลังบรรเลงเพลงร็อคเฮฟวี่เมทัล)
ขอเล่าเป็นฉากๆแบบต่างสถานที่ จะได้ไม่งง
- ทุกครั้งที่เดินผ่านทางเดินไปยังลิฟท์จะได้กลิ่นบุหรี่แรงๆตลอดเวลา และเห็นประตูห้อง2 ห้อง เปิดอ้าซ่าโดยเห็นอาแป๊ะนั่งสูบบุหรี่พ่นควันผุยๆออกมาจากในห้อง ทั้งๆที่ห้องโซนนั้นเป็นโซน non-smoking!
- อาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ก็ยังอุตส่าห์แผลงฤทธิ์ไม่เลือกที่อีกจนได้ พวกอาม่า อาเจ้ อาซ้อ อาแป๊ะ อาโก อาเจ็ค อาตี๋ อาหมวย เวลากินข้าว นอกจากคุยกันเสียงดังโฉ่งเฉ่งแล้ว ยังไม่หนำใจ ยังเคี้ยวข้าวเสียงดัง "จับๆๆๆๆๆ" ประสานเสียงรับส่งกันเป็นจังหวะที่ไพเราะเพราะพริ้งอีกด้วย แถมบางคนยังส่งเสียงเวลาซดน้ำซุปได้ราวกับว่าเป็นน้ำซุปที่อร่อยเด็ดที่สุดในโลก ตรูกินข้าวยังไม่ถึงครึ่งจาน ต้องรีบเผ่นหนีออกมาทันที ความอยากอาหารหดหายไปโดยอัตโนมัติ
- ที่ลานฟู๊ดเซ็นเตอร์ในห้างแห่งหนึ่งใกล้สนามบินเชียงใหม่ ตรูกำลังนั่งโซ้ยข้าวซอยอย่างเอร็ดอร่อย ซักพักนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 3-4 คน มายืนค้ำหัวและก้มดูชามข้าวซอย (ร้านข้าวซอยเป็นร้านสไตล์นั่งยองๆ) แถมยังพูดส่งเสียงดังอย่างไม่เกรงใจกันเลย (ไม่รู้ว่าน้ำลายจะตกใส่ชามข้าวซอยตรูหรือเปล่า) ตรูละเบื่อ เลยส่งสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความเอือมระอาให้ไป
- ก่อนเครื่องบินจะ take off จะมีประกาศห้ามใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเลคโทรนิคต่างๆนานา อาตี๋คนหนึ่ง ฮีไม่ยอมปิดไอแพด แถมยังเปิดเพลงฟังโดยไม่ใส่หูฟังอีกด้วย คิดดูละกันว่าเพลงแร็บจีน มันจะเสียงดังน่ารำคาญแค่ไหน ขนาดแอร์โฮสเตสเตือนฮีตั้งหลายครั้งแล้ว ฮียังทำมึนไม่ยอมปฏิบัติตามใดๆทั้งสิ้น จนพี่ฝรั่งหุ่นแรมโบ้หัวสกินเฮดที่นั่งฝั่งตรงข้ามเหลือทน จึงออกมาด่าฮีเป็นภาษาอังกฤษ แถมยังแสดงท่าทางใช้มือข้างหนึ่งลูบมืออีกข้างที่กำหมัดอยู่ พอฮีเห็นพี่ฝรั่งแรมโบ้วีนใส่ ฮีรีบปิดไอแพดทันที สงสัยกลัวโดนกำปั้น
ยังไม่จบแค่นี้... พอตอนจะ landing ก็มีประกาศอีกครั้งให้ปิดโทรศัพท์มือถืออุปกรณ์อิเลคโทรนิคทุกชนิด อาตี๋คนเดิมก็ทำมึนไม่ยอมปฏิตามอีก เดือดร้อนแอร์โฮสเตสต้องคอยมาเตือน ฮีก็ทำหน้าทำตาวีนใส่แอร์ฯ จนพี่ฝรั่งแรมโบ้ หันมาส่งสายตาพิฆาตเตือน ฮีถึงยอมปิด
- ตัดฉากมาที่ลานนั่งกินอาหาร ณ ถนนคนเดินกระบี่ บรรดาผู้คนที่ซื้ออาหารภายในงานต่างมานั่งกินและชมการแสดงบนเวทีอย่างสนุกสนาน พอกลุ่มทัวร์จีนเข้ามาซัก 10 กว่าคน บรรยากาศเริ่มกร่อยอย่างเห็นได้ชัด ก็บรรดาอาเจ๊ อาแป๊ะ ทั้งหลายต่างลากโต๊ะ 3-4 ตัวมาต่อกัน แถมยังเดินลากเก้าอี้จากโต๊ะฝั่งนั้นฝั่งนี้จนได้ครบตามจำนวนคน ผ่านไปซักพักใหญ่ๆ ลองหันไปมองดูที่โต๊ะอาเจ๊และอาแป๊ะ ปรากฏว่ามีอาหารวางอยู่แค่ 2จาน + ช้อน 10 กว่าคัน และเบียร์ 2 ขวดใหญ่ + แก้ว 10 กว่าใบ (รู้ว่าเป็นสิทธิของพวกเขาที่จะสั่งหรือไม่สั่งอะไรเลยก็ได้ ควรจะเคารพกฏกติกาของสังคมส่วนใหญ่บ้าง บรรดาคนที่ซื้ออาหารมากิน ก็ยังต้องการโต๊ะและเก้าอี้นั่งอีกเยอะ สามัญสำนึกต่อส่วนรวม มีบ้างไหม)
- เปลี่ยนฉากมาที่บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตัวเรากำลังจะคีบแตงโมใส่จาน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอาเจ้คนหนึ่ง อายุน่าจะ 45 up อาเจ้ใส่กางเกงสกินนี่หรือกางเกงแล็คเกอร์(เรียกไม่ค่อยถูก) กำลังเดินตรงมาทางเรา อาเจ้เดินไปพร้อมกับทำท่า"คันหู"ชนิดที่ไม่แคร์เวิร์ล(คงจะคันมากจริงๆ) ท่าคันหูของอาเจ้ทำเอาน้องจ๊ะชิดซ้ายชนิดไม่เห็นฝุ่นเลย เรากำลังจะคีบแตงโมชิ้นงามใส่จาน ทันใดนั้น ก็มีมือมาคว้าแตงโมชิ้นนั้นตัดหน้าเราไป(วิทยายุทธท่านช่างล้ำเลิศดีแท้) แถมยังใช้มือจับๆพลิกๆแตงโมที่วางเรียงไว้ในถาดอีกต่างหาก เรารีบหันไปมองหน้าเจ้าของมือปริศนา กะจะด่าด้วยสายตาซะหน่อย ปรากฏว่าเป็นมือของอาเจ้ที่เพิ่งจะเต้นเพลงคันหูไปสดๆร้อน โอ้.. แม่เจ้า... ที่คีบมีก็ไม่ใช้ น่าจะรอให้ตรูคีบเสร็จซะก่อน สงสารคนที่มาคีบแตงโมต่อหลังจากอาเจ้จริงๆ
แต่ละวีรกรรมนี่ช่าง อึ้ง ทึ่ง เงิบ จริงๆ
บ่นจบแล้ว ทีนี้มาถึงแนวทางที่คิดว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาไม่มากก็น้อย เรื่องนี้ต้องโยนไปที่รัฐบาลจีนอย่างเต็ม เพราะมีหน้ารับผิดชอบพฤติกรรมของคนในชาติโดยตรง
ขอเสนอให้รัฐบาลจีนออกกฏหมายให้ มีการสอบความรู้และมารยาทในต่างแดน ก่อนที่จะออกพาสปอร์ตให้กับประชาชนในชาติ
ตัวอย่างข้อสอบ
1. เมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จเรียบร้อยแล้วควรจะทำอย่างไร?
A. ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น
B. กดหรือตักน้ำราด
C. เอามื้อจิ้ม หลังจากนั้นก็เอามาดม
2. เวลาเห็นผู้คนเข้าแถวต่อคิวแล้วควรจะทำอย่างไร?
A. เดินเข้าไปต่อคิวทันที
B. ไม่สนใจ ฉันอยากทำอะไร ฉันก็ทำ
C. แซงคิวทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก
แชร์ประสบการณ์ เข้ามาบ่น... วีรกรรมนักท่องเที่ยวจีน อึ้ง ทึ่ง เงิบ!
จุดประสงค์หลักของการนำเสนอคือ แชร์ประสบการณ์(กึ่งบ่น) แลกเปลี่ยนทัศนคติ และแสดงความคิดถึงสาเหตุที่มาของปัญหา ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า... ก่อนหน้านี้เคยเห็นและเคยได้อ่านกระทู้บ่นถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนต่างๆนานาหลายกระทู้มากๆ โดยตัวเองก็เคยเข้าไปแสดงความคิดเห็นบ้างเหมือนกัน แต่จะออกแนวโลกสวยสุด เพราะยังไม่เคยประสบพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวด้วยสองตา แต่พอมาเจอประสบการณ์ตรงแล้ว แทบจะเปลี่ยนความคิดทันทีทันใดในบัดดล
ช่วงแอร์เอเชียมีโปรฯ เลยสอยตั๋วราคาย่อมเยามาได้หลายเส้นทาง (เชียงใหม่-กระบี่-กรุงเทพ-โอซาก้า-กรุงเทพ) ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนบน ดังนั้นต้องมาขึ้นเครื่องที่เชียงใหม่ และถือโอกาสลัลล้าที่เชียงใหม่ก่อน 2 วัน
หลังจากเช็คอินเข้าโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็เจอฤทธิ์นักท่องเที่ยวจีนทันที ขนาดอยู่ในห้องน้ำปิดประตูตั้ง 2 บาน(ประตูห้องน้ำและประตูห้องพัก)แถมยังใส่หูฟัง(ฟังเพลง) ยังได้ยินเสียงอาเจ้ อาเจ็ก อาหมวย พูดคุยกันจากข้างนอก เล็ดลอดเข้ามาถึงโสตประสาทได้ (ความเข้มข้นของคลื่นเสียงคงจะหลายเดซิเบลมากๆ ถึงสามารถเดินทางทะลุประตูที่ความหนาตั้ง 2 บาน + หูฟังที่กำลังบรรเลงเพลงร็อคเฮฟวี่เมทัล)
ขอเล่าเป็นฉากๆแบบต่างสถานที่ จะได้ไม่งง
- ทุกครั้งที่เดินผ่านทางเดินไปยังลิฟท์จะได้กลิ่นบุหรี่แรงๆตลอดเวลา และเห็นประตูห้อง2 ห้อง เปิดอ้าซ่าโดยเห็นอาแป๊ะนั่งสูบบุหรี่พ่นควันผุยๆออกมาจากในห้อง ทั้งๆที่ห้องโซนนั้นเป็นโซน non-smoking!
- อาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ก็ยังอุตส่าห์แผลงฤทธิ์ไม่เลือกที่อีกจนได้ พวกอาม่า อาเจ้ อาซ้อ อาแป๊ะ อาโก อาเจ็ค อาตี๋ อาหมวย เวลากินข้าว นอกจากคุยกันเสียงดังโฉ่งเฉ่งแล้ว ยังไม่หนำใจ ยังเคี้ยวข้าวเสียงดัง "จับๆๆๆๆๆ" ประสานเสียงรับส่งกันเป็นจังหวะที่ไพเราะเพราะพริ้งอีกด้วย แถมบางคนยังส่งเสียงเวลาซดน้ำซุปได้ราวกับว่าเป็นน้ำซุปที่อร่อยเด็ดที่สุดในโลก ตรูกินข้าวยังไม่ถึงครึ่งจาน ต้องรีบเผ่นหนีออกมาทันที ความอยากอาหารหดหายไปโดยอัตโนมัติ
- ที่ลานฟู๊ดเซ็นเตอร์ในห้างแห่งหนึ่งใกล้สนามบินเชียงใหม่ ตรูกำลังนั่งโซ้ยข้าวซอยอย่างเอร็ดอร่อย ซักพักนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 3-4 คน มายืนค้ำหัวและก้มดูชามข้าวซอย (ร้านข้าวซอยเป็นร้านสไตล์นั่งยองๆ) แถมยังพูดส่งเสียงดังอย่างไม่เกรงใจกันเลย (ไม่รู้ว่าน้ำลายจะตกใส่ชามข้าวซอยตรูหรือเปล่า) ตรูละเบื่อ เลยส่งสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความเอือมระอาให้ไป
- ก่อนเครื่องบินจะ take off จะมีประกาศห้ามใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเลคโทรนิคต่างๆนานา อาตี๋คนหนึ่ง ฮีไม่ยอมปิดไอแพด แถมยังเปิดเพลงฟังโดยไม่ใส่หูฟังอีกด้วย คิดดูละกันว่าเพลงแร็บจีน มันจะเสียงดังน่ารำคาญแค่ไหน ขนาดแอร์โฮสเตสเตือนฮีตั้งหลายครั้งแล้ว ฮียังทำมึนไม่ยอมปฏิบัติตามใดๆทั้งสิ้น จนพี่ฝรั่งหุ่นแรมโบ้หัวสกินเฮดที่นั่งฝั่งตรงข้ามเหลือทน จึงออกมาด่าฮีเป็นภาษาอังกฤษ แถมยังแสดงท่าทางใช้มือข้างหนึ่งลูบมืออีกข้างที่กำหมัดอยู่ พอฮีเห็นพี่ฝรั่งแรมโบ้วีนใส่ ฮีรีบปิดไอแพดทันที สงสัยกลัวโดนกำปั้น
ยังไม่จบแค่นี้... พอตอนจะ landing ก็มีประกาศอีกครั้งให้ปิดโทรศัพท์มือถืออุปกรณ์อิเลคโทรนิคทุกชนิด อาตี๋คนเดิมก็ทำมึนไม่ยอมปฏิตามอีก เดือดร้อนแอร์โฮสเตสต้องคอยมาเตือน ฮีก็ทำหน้าทำตาวีนใส่แอร์ฯ จนพี่ฝรั่งแรมโบ้ หันมาส่งสายตาพิฆาตเตือน ฮีถึงยอมปิด
- ตัดฉากมาที่ลานนั่งกินอาหาร ณ ถนนคนเดินกระบี่ บรรดาผู้คนที่ซื้ออาหารภายในงานต่างมานั่งกินและชมการแสดงบนเวทีอย่างสนุกสนาน พอกลุ่มทัวร์จีนเข้ามาซัก 10 กว่าคน บรรยากาศเริ่มกร่อยอย่างเห็นได้ชัด ก็บรรดาอาเจ๊ อาแป๊ะ ทั้งหลายต่างลากโต๊ะ 3-4 ตัวมาต่อกัน แถมยังเดินลากเก้าอี้จากโต๊ะฝั่งนั้นฝั่งนี้จนได้ครบตามจำนวนคน ผ่านไปซักพักใหญ่ๆ ลองหันไปมองดูที่โต๊ะอาเจ๊และอาแป๊ะ ปรากฏว่ามีอาหารวางอยู่แค่ 2จาน + ช้อน 10 กว่าคัน และเบียร์ 2 ขวดใหญ่ + แก้ว 10 กว่าใบ (รู้ว่าเป็นสิทธิของพวกเขาที่จะสั่งหรือไม่สั่งอะไรเลยก็ได้ ควรจะเคารพกฏกติกาของสังคมส่วนใหญ่บ้าง บรรดาคนที่ซื้ออาหารมากิน ก็ยังต้องการโต๊ะและเก้าอี้นั่งอีกเยอะ สามัญสำนึกต่อส่วนรวม มีบ้างไหม)
- เปลี่ยนฉากมาที่บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตัวเรากำลังจะคีบแตงโมใส่จาน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอาเจ้คนหนึ่ง อายุน่าจะ 45 up อาเจ้ใส่กางเกงสกินนี่หรือกางเกงแล็คเกอร์(เรียกไม่ค่อยถูก) กำลังเดินตรงมาทางเรา อาเจ้เดินไปพร้อมกับทำท่า"คันหู"ชนิดที่ไม่แคร์เวิร์ล(คงจะคันมากจริงๆ) ท่าคันหูของอาเจ้ทำเอาน้องจ๊ะชิดซ้ายชนิดไม่เห็นฝุ่นเลย เรากำลังจะคีบแตงโมชิ้นงามใส่จาน ทันใดนั้น ก็มีมือมาคว้าแตงโมชิ้นนั้นตัดหน้าเราไป(วิทยายุทธท่านช่างล้ำเลิศดีแท้) แถมยังใช้มือจับๆพลิกๆแตงโมที่วางเรียงไว้ในถาดอีกต่างหาก เรารีบหันไปมองหน้าเจ้าของมือปริศนา กะจะด่าด้วยสายตาซะหน่อย ปรากฏว่าเป็นมือของอาเจ้ที่เพิ่งจะเต้นเพลงคันหูไปสดๆร้อน โอ้.. แม่เจ้า... ที่คีบมีก็ไม่ใช้ น่าจะรอให้ตรูคีบเสร็จซะก่อน สงสารคนที่มาคีบแตงโมต่อหลังจากอาเจ้จริงๆ
แต่ละวีรกรรมนี่ช่าง อึ้ง ทึ่ง เงิบ จริงๆ
บ่นจบแล้ว ทีนี้มาถึงแนวทางที่คิดว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาไม่มากก็น้อย เรื่องนี้ต้องโยนไปที่รัฐบาลจีนอย่างเต็ม เพราะมีหน้ารับผิดชอบพฤติกรรมของคนในชาติโดยตรง
ขอเสนอให้รัฐบาลจีนออกกฏหมายให้ มีการสอบความรู้และมารยาทในต่างแดน ก่อนที่จะออกพาสปอร์ตให้กับประชาชนในชาติ
ตัวอย่างข้อสอบ
1. เมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จเรียบร้อยแล้วควรจะทำอย่างไร?
A. ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น
B. กดหรือตักน้ำราด
C. เอามื้อจิ้ม หลังจากนั้นก็เอามาดม
2. เวลาเห็นผู้คนเข้าแถวต่อคิวแล้วควรจะทำอย่างไร?
A. เดินเข้าไปต่อคิวทันที
B. ไม่สนใจ ฉันอยากทำอะไร ฉันก็ทำ
C. แซงคิวทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก