พิภพจอมนาง (ตุ๊ดทะลุมิติ) ตอนที่ ๒ สัตว์พันปี : บทที่ ๑๒ ธิดาลูกไม้แดง ๑

กระทู้สนทนา
พิภพจอมนาง (ตุ๊ดทะลุมิติ) ตอนที่ ๒ สัตว์พันปี : บทที่ ๑๒ ธิดาลูกไม้แดง ๑


ตอนที่ผ่านมา

บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/32585189
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/32602706
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/32624570
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/33134702
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/33193541
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/33210238
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/33227741
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/33244919
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/33262874
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/33324239
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/33496047

สัตว์พันปี : บทที่ ๑๒ ธิดาลูกไม้แดง ๑

หยางเจี้ยนถึงกับกุมขมับเมื่อไป๋หลินเอาตัวไปพัวพันกับบุคคลอันตราย ชายหนุ่มจำต้องบอกว่าเรื่องจวินถงให้หญิงสาวทราบว่าคนผู้นี้อันตราย นอกจากมีอิทธิพลแล้วหากหมายตาหญิงงามคนใดก็จะใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้มา แต่ก็ระมัดระวังไม่บอกว่าหลานเจ้าเมืองผู้นี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของบุตรชายเถ้าแก่หวัง หากนางรู้ต้องอาสาช่วยสืบหาความจริงให้ กลายเป็นยิ่งเอาตัวไปเสี่ยงมากกว่าเดิม

“คนพรรค์นั้นข้าไม่กลัวหรอก ถ้าเข้ามาวุ่นวายเกาะแกะก็แค่ซัดให้น่วมเท่านั้นเอง” โบ้เอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“เจ้าป้องกันตัวได้ แต่ห้ามรุนแรงเกินไป โลกภายนอกใช้กฎหมายไม่ใช่กฎพรรค คนเป็นใหญ่คือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกับชนชั้นปกครอง ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรผิดหากเจอขุนนางเลวเขาก็กลับขาวเป็นดำได้”

ชาวยุทธ์ใช้ชีวิตอิสระแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเลย ที่กิจการของพรรคเป็นไปได้โดยราบรื่นก็เพราะสายสัมพันธ์อันดีต่อทางการ

“ข้าจะระวัง ไม่ทำร้ายใครถ้าไม่จำเป็น” โบ้สัญญาอย่างแข็งขัน

เขาเป็นนักกีฬาอาชีพมาก่อน วงการนี้เพศที่สามอยู่ยาก ที่ผ่านมาทั้งโดนรังแกดูหมิ่นเหยียดหยาม แต่ก็อดทนผ่านมาได้จนประสบความสำเร็จ เทียบกับการรับมือผู้ชายบ้ากามคนหนึ่งถือเป็นเรื่องเล็กน้อย

“ข้ารู้ว่าเจ้าอ่อนโยนและเป็นคนระมัดระวัง” หยางเจี้ยนหยอดลูกชม ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นจริงจัง “หากจวินถงใช้กำลังซึ่งหน้าข้าคงไม่วิตกนัก จำไว้นะไป๋หลิน คนเรามากเล่ห์ร้อยกล ใครจะรู้ว่าเจ้าอาจถูกวางยาหรือล่อลวงด้วยวิธีต่ำช้า”

หยางเจี้ยนเอ่ยจบก็เงียบไปเพื่อให้เวลาหญิงสาวได้คิด อีกฝ่ายคิดตามสมดังตั้งใจ แต่คิดอยู่หน่อยเดียวเท่านั้นก็ยิ้มกว้าง

“ไม่เป็นไรหรอก ข้ามีพี่หยางคอยดูแลทั้งคนนี่นา”

สีหน้าแววตาของไป๋หลินบ่งบอกว่าเชื่อมั่นในตัวหยางเจี้ยนหมดใจ เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วชายหนุ่มก็พูดอะไรไม่ออก เขาทำได้แต่เงียบและปล่อยให้นางทำตามใจเหมือนอย่างที่แล้วมา


ความกดดันเรื่องความปลอดภัยของทุกคนมากองรวมกันอยู่บนบ่าของหยางเจี้ยน ชายหนุ่มจึงพูดเรื่องข่าวลือเกี่ยวกับจวินถงและโจรลักพาตัวกับองค์ชายหก ต่อหน้าพวกองครักษ์ เพื่อที่พวกเขาทั้งสองคนจะได้ระมัดระวังเรื่องการอารักขายิ่งขึ้น

องค์ชายหกไม่กังวลเรื่องหลานชายเจ้าเมืองนัก ด้วยฐานะของตน จวินถงเป็นได้อย่างมากแค่มดปลวก แต่เขาสังเกตว่าหยางเจี้ยนไม่สบายใจ จึงรับปากว่าจะช่วยเหลือหากเกิดเหตุสุดวิสัยมีเรื่องกับทางการ ส่วนเรื่องโจรลักพาตัวนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องช่วยกันหาทางป้องกัน

“พี่หวงมั่นใจแค่ไหนว่าพวกมันหมายตาพวกลี่จูอยู่”

ที่ถามย้ำไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่อยากได้ความมั่นใจจะได้วางแผนรับมือถูก

“ต่อให้ไม่ใช่กระหม่อมก็มั่นใจว่าหากพวกมันเห็นพวกองค์หญิงต้องคิดร้าย”

องค์ชายลี่หยางไม่โต้เถียง ก่อนออกเดินทางเขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าความงามของน้องสาวอาจดึงดูดอันตราย ไม่คิดว่าจะโชคร้ายบังเอิญมาเที่ยวเล่นในเมืองที่มีผู้ร้ายลักพาตัวดักซุ่มรอเหยื่ออยู่

“พวกมันมีกันอยู่เท่าไร”

“สี่ห้าคนได้พ่ะย่ะค่ะ” หยางเจี้ยนตอบ

คนที่ขายข่าวให้บอกว่าพวกมันมีกันน้อย ทำงานกันเงียบๆ ไม่โฉ่งฉ่าง ไม่ลงมือในพื้นที่ซ้ำกัน จึงรอดพ้นเงื้อมือของทางการมาได้

“องค์ชายจะเปลี่ยนกำหนดการเดินทางกลับเลยไหมพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ถามในเชิงแนะ

ขณะนี้พวกมันหลบอยู่ในเงามืด หน้าตาเป็นเช่นไร จะใช้วิธีการแบบไหนก็ยังไม่รู้ เร่งกลับไปสมทบกับฮ่องเต้จะปลอดภัยกว่า

“ไม่!” องค์ชายหกตอบกลับในทันที “ลี่จูกับกุ้ยฮวาอยากเที่ยวเทศกาลมาก ข้าไม่อยากให้พวกนางหมดสนุก เราจะระมัดระวังตัวให้มากขึ้นแทน การเที่ยวช่วงพระอาทิตย์ตกดินก็งดไปเสีย”

สององครักษ์ช่วยกันทัดทานตามหน้าที่ ทว่าเอ่ยได้แค่ไม่กี่ประโยคก็ต้องยอมให้ทำตามประสงค์ องค์ชายลี่หยางเป็นชายที่ห้าวหาญมีศักดิ์ศรี ในฐานะเชื้อพระวงศ์และนักรบ ลำพังแค่โจรกระจอกไม่กี่คนย่อมอยากจัดการเอง ไม่ให้คนปรามาสว่ากลัวหัวหดจนรีบกลับก่อนกำหนดมาพึ่งบารมีพระบิดา ลูกผู้ชายด้วยกันเองมีหรือจะไม่เข้าใจ

“ในเมื่อองค์ชายยืนกรานว่าจะไม่กลับ กระหม่อมจะไปสืบหาข้อมูลเพิ่มให้ พวกมันถนัดลอบกัดและใช้ยาสลบ อยู่ในโรงเตี๊ยมก็ใช่ว่าจะปลอดภัย พวกท่านต้องระวังเรื่องอาหารการกินให้ดี”

หยางเจี้ยนไม่ได้ระแวงแค่พวกโจร แต่ยังไม่ไว้ใจไข่ต๋าที่ประจบสอพลอจวินถงอย่างออกนอกหน้าด้วย


ในขณะที่พวกผู้ชายประชุมกันเคร่งเครียด สตรีทั้งสี่กลับกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครเอาเรื่องไม่ดีไปทำให้พวกนางกังวลใจ แม้โบ้จะมาเตือนเรื่องจวินถงแต่ก็ไม่มีใครใส่ใจมากนัก แต่ละคนจดจ่ออยู่กับเรื่องในวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่โบ้จะประกวดธิดาลูกไม้แดง เจ้าตัวตื่นเต้นมากเพราะการประกวดนางงามคือความฝันหนึ่งในล้านแปดอย่างของเจ้าหล่อน เพื่อนๆ เลยช่วยกันให้คำปรึกษา

“ธิดาลูกไม้แดงนี่เขาประกวดยังไง ใช้เกณฑ์อะไรตัดสิน” แว่นถาม

โบ้เอามือแตะปาก ทำท่าคิดนิดหนึ่งแล้วยิ้มหวาน

“ไม่รู้สิคะ เจ้รู้ไหม”

“อิบ้า! ฉันจะรู้ไหม ไม่ใช่กูเกิ้ลนะยะ”

“แหม...ก็เห็นว่าเจ้เชี่ยว ประกวดมาเป็นร้อยเวทีไม่ใช่เหรอคะ”

“แค่สามย่ะ แล้วมันก็ที่โลกเก่าไม่ใช่ที่นี่”

แว่นกับเจ้พร้อมใจกันทำหน้าเพลียจิตใส่ ในขณะที่โบ้ยังคงลอยหน้าลอยตายิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“จะประกวดอะไรก็ได้ค่ะ ขอให้ได้แต่งตัวสวยขึ้นเวทีเป็นฟิน”

“มีคนเตรียมชุดให้ใช่ไหม คงไม่โป๊นะ ธรรมเนียมที่นี่ไม่เหมือนกับโลกเรา ระวังหน่อยก็ดี” หน่อมว่า

สตรีที่เปิดเผยผิวเนื้อมากกว่าลำคอและข้อมือต่อหน้าธารกำนัลถือว่าไม่ใช่กุลสตรี เขาไม่อยากเห็นเพื่อนถูกมองไม่ดีเลยถาม

“ของจะถูกส่งมาตอนเช้ามืดค่ะ ถ้าโป๊มากก็ไม่ใส่ คนสวยใช้ชุดเก่งขึ้นเวทีแบบมั่นๆ ได้”

เจ้าชุดเก่งที่ว่าคือชุดสีขาวล้วนทั้งตัว ปกติผู้หญิงผิวขาวมากๆ ควรใส่ชุดสีสด แต่ชุดนี้เข้ากับโบ้อย่างประหลาด สีของผ้าไม่ขาวกลืนไปกับผิว ทั้งยังทนเปื้อนเกินคาด ใส่ตั้งหลายครั้งยังไม่มีร่องรอยความสกปรกให้เห็นเลย ที่จริงแล้วชุดนี้ทอจากเส้นใยพิเศษที่เหนียวมาก สามารถกันคมอาวุธได้เทียบเท่าเกราะอ่อน โบ้ได้มาจากท่านแม่ วัตถุประสงค์คนให้คือเอาไว้ใส่ต่อสู้ไม่ก็ป้องกันอันตราย แต่เจ้าตัวกลับเอามาใส่เล่นสวยๆ เสียอย่างนั้น

“แกแคร์ด้วย!” แว่นทำเสียงสูงอย่างประหลาดใจ “นุ่งกางเกงตัวเดียวต่อยมวยได้ ต่อให้นุ่งชุดว่ายน้ำก็ไม่เป็นไรมั้ง”

“แคร์สิคะใครว่าไม่แคร์ ตอนต่อยมวยมันเหตุสุดวิสัย” พูดไปก็ทำหน้าขมขื่นไป “โค้ชใจร้ายมากเลยค่ะ ขอแปะสติกเกอร์ปิดหัวนมขึ้นเวทีก็ไม่ยอมให้ อ๊ายอาย”

“แย่จังเนอะ แค่สติกเกอร์เอง” หน่อมพูดอย่างเห็นใจ

“ใช่ค่ะ ช่วงนั้นเลยต้องรีบชกรีบน็อก คนสวยเซ็งมาก ได้ออกทีวีแป๊บเดียว”

การชกแบบชนะขาดลอยมันดีในแง่ของชื่อเสียง แต่ถ้าพูดในแง่ของธุรกิจบันเทิงมันไม่ค่อยดีสักเท่าไร ผู้ชมก็ชอบให้ออกลวดลาย ชกกันอย่างถึงพริกถึงขิงนานๆ มากกว่า โบ้เลยถูกกดดันให้ยืดเวลาการชกหลายครั้ง

“ช่วงหลังแกชกครบยกออกบ่อย ฝีมือตกหรือไง” แว่นทัก

“เปล่าค่ะ แค่พบตัวช่วยให้ยืนสวยได้นานๆ อุทัยทิพย์รองพื้นแล้วตบด้วยคอนซีลเนอร์ สวยอมชมพูแถมยังเรียบเนียน”

ว่าแล้วก็เชิดหน้าอย่างภูมิใจในความคิดอย่างสรรค์ของตัวเอง พูดเลยนี่ถ้าไม่ใช่โบ้คิดไม่ได้นะ

“สรุปเราจะคุยเรื่องนี้กันอีกนานไหม ถ้ายังจะคุยต่อฉันไปนอนแล้ว” เจ้เปิดปากหาว

“อย่าเพิ่งง่วงสิคะ เจ๊ต้องช่วยหนูเตรียมตัวประกวดนางงามก่อนสิ แบบเก็งคำถามอะไรแบบนี้” โบ้ถลามาคว้าแขนไว้

“ไม่รู้ว่าประกวดอะไรจะช่วยยังไงยะ” เจ้แว้ด “ไปถามให้รู้เรื่องก่อนไป”

โบ้รีบไปตามที่บอก ทว่าก็มัวแต่คุยกับพวกสาวใช้เพลิน กว่าจะกลับมาเพื่อนๆ ก็หลับไปแล้ว โบ้ทำแก้มป่องอย่างเสียดาย แต่ก็ไม่ปลุกใครขึ้นมา เช็ดเนื้อเช็ดตัวเสร็จก็ผล็อยหลังไปอย่างรวดเร็ว สบโอกาสให้เจ้ลุกจากที่นอน แล้วย่องไปด้านนอกอย่างเงียบๆ

ฟางเซียนรับคำสั่งองค์ชายสามไม่ได้แค่มาช่วยคุ้มกัน แต่ยังมีงานในฐานะผีเสื้อโลหิตต้องทำด้วย ทั้งที่ถูกเตือนแท้ๆ ว่าไม่ควรอยู่ลำพัง แต่สองขามันก็ขยับพาตัวเองออกจากห้อง เร้นกายหายไปในความมืดจนได้


เทศกาลลูกไม้แดงในวันนี้เริ่มต้นตั้งแต่เช้ามืดด้วยเสียงประทัดดังสนั่นเมือง เป็นสัญญาณว่าวันนี้จะมีการประกวดธิดาลูกไม้แดงและงานลูกไม้ให้โชค ให้เร่งรีบเตรียมตัวเสียตั้งแต่เนิ่นๆ สี่สาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ กำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น สาวใช้ของทางโรงเตี๊ยมก็มาเคาะประตูปลุกโบ้ให้ลุกขึ้นมาแต่งตัว

“ตื่นแล้ว รอเดี๋ยวนะ” โบ้ที่นอนริมสุดงัวเงียเดินไปเปิดประตู

นอกจากสาวใช้ของทางโรงเตี๊ยมแล้ว หน้าห้องยังมีผู้หญิงวัยยี่สิบปลายๆ อีกสองคนถือถาดเสื้อผ้ากับเครื่องประดับมาด้วย พวกนางแต่งกายดูดีกว่าคนทั่วไป จึงเดาได้ว่าเป็นคนที่จวินถงส่งมา

“ถ้าคุณหนูพร้อมแล้ว พวกข้าขออนุญาตเข้าไปนะเจ้าคะ”คนทางซ้ายว่า

“ไปแต่งตัวที่อื่นได้ไหม พวกเพื่อนข้าพักผ่อนกันอยู่”โบ้ว่าเพราะเกรงใจเพื่อน

“ไม่เป็นไร เข้ามาเถอะ ไม่มีใครนอนต่อแล้ว” เจ้ร้องบอก

เมื่อคืนตอนโบ้ไม่อยู่องค์ชายหกบอกให้ตื่นแต่เช้าหน่อย ไม่อย่างนั้นตลาดผลไม้จะไม่เหลือของดี ทุกคนเลยลุกขึ้นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัว หวีผมแต่งหน้า เตรียมออกไปข้างนอก เรื่องอาบน้ำนั้นไม่ต้องถามถึง เดินทางรอนแรมเช่นนี้ ได้นอนเตียงนุ่มๆ อาบน้ำตอนเย็นวันละครั้งถือว่าดีมากแล้ว

พวกสาวใช้พากันเข้ามาพร้อมกับแจ้งว่าอีกเดี๋ยวจะยกถังน้ำสำหรับอาบและเครื่องหอมมาให้ หน่อมแอบสำรวจเสื้อผ้าที่สาวใช้ยกมา ชุดที่ต้องใช้ชุดสีเหลืองแต่งด้วยผ้าแพรสีทองปักลายไม้เถา แขนเสื้อสั้นไปหน่อยแต่โดยรวมดูมิดชิดเรียบร้อยดี เห็นแล้วก็เบาใจว่างานประกวดธิดาลูกไม้แดงคงเป็นงานทั่วไปไม่ได้แปลกประหลาด

จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้กติกาการประกวดเลยนอกจากโบ้ หน่อมนึกขึ้นได้เลยว่าจะถามแต่แว่นเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

“ไปหาท่านพี่หกกันเถอะ” แว่นชวน

องค์ชายหกบอกว่าเตรียมตัวเรียบร้อยเมื่อไรแล้วค่อยมาปลุก ไหนๆ ก็นอนต่อไม่ลงและไม่มีอะไรทำ ออกไปเที่ยวตลาดกันเลยก็ดีเหมือนกัน

“ไป๋หลินล่ะ” หน่อมพยักพเยิดไปทางฉากกั้นที่โบ้กำลังอาบน้ำ

น้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะถูกผสมด้วยน้ำมันหอมกลิ่นแรง หน่อมกับเจ้อดทนดมกันได้เพราะทั้งคณิกาและชนชั้นสูงต่างก็ประกวดประขันกันเรื่องเครื่องหอม มีเยอะไปที่ชโลมกันชนิดที่เรียกว่าเหมือนอาบ ก็เลยพอจะมีภูมิคุ้มกัน โบ้เองก็เหมือนจะชอบกลิ่นแบบนี้ คนเดียวที่เดือดร้อนคือแว่นซึ่งจมูกดีกว่าใคร เลยต้องลี้ภัยมาสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ริมหน้าต่าง

“ต้องแต่งตัวอีกนาน ยังออกไปไหนไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลาประกวด”

คนที่มาช่วยแต่งตัวบอกอย่างนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่หน่อมไม่ได้สนใจฟังเพราะมัวแต่ดูชุด

“ไปกันเถอะ”

แว่นผละจากหน้าต่างไปที่ประตู หน่อมเลยตามไป เหลือก็แต่เจ้ที่ไม่ขยับ  

“พวกเจ้าไปกันเถอะ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนไป๋หลินที่นี่” หญิงสาวเอ่ยก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะกลมกลางห้อง

“ทำไมไม่ไปด้วยกันเล่า ไปกันเยอะๆ สนุกดีออก” แว่นชวน

มาเที่ยวทั้งทีขาดโบ้คนหนึ่งก็กร่อยแล้ว นี่ยังขาดเจ้อีก

“ฟางเซียนจะอยู่เป็นพี่เลี้ยงให้ข้า” โบ้ที่ยังแช่น้ำอยู่ช่วยตอบแทน

อันที่จริงแล้วทั้งคู่ยังไม่ได้ตกลงกันเรื่องนี้เลย แต่คนที่ถูกยัดเยียดสถานะพี่เลี้ยงนางงามให้ไม่ว่าอะไร มีคนหาข้ออ้างแล้วก็รับสมอ้างไปตามเรื่อง

“เจอกันที่เวทีประกวดเลยก็แล้วกัน” เจ้ว่า

แว่นกับหน่อมเห็นเพื่อนไม่อยากไปก็ไม่เซ้าซี้อีก ทั้งสองออกไปกับองค์ชายหกและพวกองครักษ์ ส่วนหยางเจี้ยนอยู่เฝ้าที่นี่คอยดูแลโบ้กับเจ้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่