นี่เป็นความคิดของผมเอง เชิญใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ภาาาศาสตร์เชิงประวัติ (Historical Linguistics) สำหรับผมซึ่งเป็นนักวิจัยประวัติศาสตร์ซึ่งเน้นด้านหลักฐานทางโบราณคดี และ หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ผมมองว่า มันไม่มีคุณค่าอะไรทั้งสิ้นในเชิงประวัติศาสตร์ เพราะภาษาศาสตร์ประวัติศาสตร์ มันไม่สามารถพูดถึงจุดกำเนิดจริงๆของเหตุการณ์ หรือ ถิ่นกำเนิดของมนุษย์ในแต่ละเผ่าพันธ์ได้ สำหรับผม ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานใดๆทางโบราณคดี ผมไม่มีทางเชื่อสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่าง ภาษาศาสตร์เชิงประวัติเป็นแน่ เพราะผมมองว่า การที่ชนเผ่าหนึ่งจะใช้ภาษาเหมือนกันกับอีกชนเผ่าหนึ่ง ไม่จำเป็นที่พวกนี้ต้องอยู่สถานที่เดียวกันมาก่อน อาจจะมาจากการชนะสงคราม หรือ อื่นๆ ด้วย ซึ่งการใช้แค่การออกเสียง ออกคำ มาตัดสินว่า ใครควรจะอยู่กลุ่มเดียวกับใครนี่ มันมากไป เพราะมันไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีมาสนับสนุน แถมเมื่อฝ่ายคัดค้านเอาหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดค้นมาหักล้าง ฝ่ายภาษาศาสตร์จะอ้างเรื่องภาษาร่ำไป ทำให้การศึกษาประวัติศาสตร์ไม่ก้าวหน้าไปไหนครับ ความคิดของผม ควรใช้หลักฐานทางโบราณคดีมาตัดสินเรื่องจุดกำเนิดของเผ่าพันธ์ต่างๆจะดีกว่า
(บ่น) ภาษาศาสตร์ประวัติศาสตร์ สำหรับผมมันเป็นแค่สิ่งที่คุณค่าทางประวัติศาสตร์น้อยมาก ไม่อาจวัดสิ่งใดได้
ภาาาศาสตร์เชิงประวัติ (Historical Linguistics) สำหรับผมซึ่งเป็นนักวิจัยประวัติศาสตร์ซึ่งเน้นด้านหลักฐานทางโบราณคดี และ หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ผมมองว่า มันไม่มีคุณค่าอะไรทั้งสิ้นในเชิงประวัติศาสตร์ เพราะภาษาศาสตร์ประวัติศาสตร์ มันไม่สามารถพูดถึงจุดกำเนิดจริงๆของเหตุการณ์ หรือ ถิ่นกำเนิดของมนุษย์ในแต่ละเผ่าพันธ์ได้ สำหรับผม ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานใดๆทางโบราณคดี ผมไม่มีทางเชื่อสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่าง ภาษาศาสตร์เชิงประวัติเป็นแน่ เพราะผมมองว่า การที่ชนเผ่าหนึ่งจะใช้ภาษาเหมือนกันกับอีกชนเผ่าหนึ่ง ไม่จำเป็นที่พวกนี้ต้องอยู่สถานที่เดียวกันมาก่อน อาจจะมาจากการชนะสงคราม หรือ อื่นๆ ด้วย ซึ่งการใช้แค่การออกเสียง ออกคำ มาตัดสินว่า ใครควรจะอยู่กลุ่มเดียวกับใครนี่ มันมากไป เพราะมันไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีมาสนับสนุน แถมเมื่อฝ่ายคัดค้านเอาหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดค้นมาหักล้าง ฝ่ายภาษาศาสตร์จะอ้างเรื่องภาษาร่ำไป ทำให้การศึกษาประวัติศาสตร์ไม่ก้าวหน้าไปไหนครับ ความคิดของผม ควรใช้หลักฐานทางโบราณคดีมาตัดสินเรื่องจุดกำเนิดของเผ่าพันธ์ต่างๆจะดีกว่า