เปิดหลักฐานคุยกับทนาย "เสี่ยเจียง" สัญญาทาสจริงหรือ?

Q : เรื่องสัญญา ที่มีการต่ออายุ 10 ปีโดยอัตโนมัติ หลายคนมองว่าเป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
           A : คือในสัญญาฉบับแรกที่ทางเสี่ยกับจาเซ็นกันไปฉบับแรก เมื่อปี 2546 บอกไว้แบบนั้น คือถ้าถึงกำหนดที่สัญญาจะสิ้นสุด ทางบริษัทจะมีการบอกกล่าว ทำจดหมายแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 เดือน ถ้าทางบริษัทมีการแจ้งกล่าวกันแล้ว ก็ถือว่าเป็นการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่รับทราบกันดีทั้ง 2 ฝ่ายตั้งแต่เซ็นสัญญา
       
       Q : เซ็นสัญญาครั้งละ 10 ปี ยาวนานไปมั้ย
           A : 10 ปี เพราะว่าทางบริษัทลงทุนไปเยอะ ปั้นมาจากควาญช้าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะดังหรือเปล่า ถ้าปั้นดังแล้ว จู่ๆ คนอื่นมาเอาไป มันก็ไม่แฟร์ เมื่อเป็นการลงทุน จะมองว่าเป็น “สัญญาทาส” ไม่ได้ แต่เป็นความสมัครใจ ที่จะลงนามในสัญญานั้น ตอนเซ็นคุณอ่านแล้ว คุณรับได้ แต่พอดังแล้ว กลับมาบอกว่าสัญญาทาส คนเราต้องเคารพในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจแล้ว เราดังแล้ว เราก็ต้องแบ่งผลประโยชน์กลับบริษัท มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เสี่ยลงทุนกับจามากกว่าพ่ออีก พ่อจริงๆ ยังไม่ส่งเรียนภาษาแบบนี้
       
       Q : แล้วที่หลายคนมองว่าทางสหมงคลฟิล์ม “จงใจ” ส่งเอกสารไปที่บ้านที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งจาไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะมีเจตนาที่จะไม่ให้เห็นจดหมายฉบับนั้น
           A : ขออธิบายก่อนว่า ก่อนจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 24 ก.ค. 2556 ทางจาก็ไม่ได้ติดต่อกับทางบริษัท คือหายไปแบบติดต่อไม่ได้อย่างที่ทุกคนคงทราบจากข่าวอยู่แล้ว ในช่วงที่ทำองค์บาก 2 ก็มาบ้าง หายไปบ้าง เกเรบ้างอยู่แล้ว พอสัญญาจะสิ้นสุดจริงๆ ทางบริษัทก็มีการส่งจดหมายแจ้งไปล่วงหน้า (ลงวันที่ 14 พ.ค. 2556) โดยส่งไปที่ภูมิลำเนาที่จังหวัดสุรินทร์ .ซึ่งเป็นภูมิลำเนาตามบัตรประชาชนจริงๆ ว่าจะมีการต่อสัญญาโดยอัตโนมัตินะ ตรงนี้ต้องมาทำความเข้าใจกันว่าจาเป็นคนดื้อ แบบดื้อตาใส คือไม่ว่าจะส่งจดหมายไปที่ไหน ทั้งบ้านสุรินทร์ ทั้งบ้านที่ปทุมธานี ก็เจตนาไม่ยอมรับรู้อะไรเลย
       
           หลังจากนั้นจาก็ส่งจดหมายกลับมาที่บริษัทเรื่องที่ว่าจะไม่ต่อสัญญา (31 ก.ค.) ซึ่งว่ากันตามตรงก็คือเลยวันที่สัญญาฉบับแรกสิ้นสุด และทางบริษัทได้ต่อโดยอัตโนมัติไปแล้ว ทางบริษัทก็มีหนังสือชี้แจงตามไป (6 ส.ค. 2556) พร้อมกับแนบใบเซ็นรับ ที่พี่สาวของจาเป็นคนเซ็นรับเอกสารไว้    
       
           คนที่มองว่าสัญญาดูไม่เป็นธรรม คือยังมีข้อมูลบางอย่างที่หลายคนไม่รู้ ก่อนที่จาจะมาเซ็นสัญญากับสหมงคลฟิล์ม ทางเสี่ยเจียงได้มีการจ่ายเงินซื้อสัญญาของจาจากแกรมมี่ เป็นเงิน 4 แสนกว่าบาท ตั้งแต่สมัยที่จายังไม่โด่งดัง แต่แกรมมี่ก็ไม่ได้ทำอะไร สัญญาก็คาอยู่แบบนั้น หลังจากนั้นเสี่ยก็ต้องมาจ่ายเงินในส่วนของการปรับบุคลิกภาพ ค่าเรียนภาษาไปอีก 1 ล้าน 3 แสน 7 หมื่นกว่าบาท โดยไม่นำมาหักจากรายรับที่จาจะได้รับจากทางบริษัท ซึ่งถือว่าเสี่ยลงทุนกับจาไปเยอะ โดยที่ก็ไม่รู้ว่าทำหนังองค์บาก ต้มยำกุ้งแล้วจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า
       
       Q : ทางแม่ยายของจามีการเปิดเผยถึงผลประโยชน์ที่จาได้รับต่อเดือน คือ 50.000 บาท ถือว่าน้อยไปมั้ยสำหรับดาราระดับจา และถ้าต่อสัญญาโดยอัตโนมัติจะได้รับเงื่อนไขเหมือนเดิมหรือไม่
           A : คือเงินเดือนของจา 50.000 บาท แล้วยังมีของปรัชญา กับพันนาอีกคนละ 50.000 บาท รวมแล้วเสี่ยต้องจ่ายเดือนละ 150,000 บาท ซึ่งก็จ่ายแบบนี้มาตลอด ถามว่าเมื่อต่อสัญญาอัตโนมัติแล้วเงื่อนไขเหมือนเดิมมั้ย คือจาไม่ยอมเข้ามาคุย ถ้ามีการเข้ามาพูดคุยกัน ก็อาจจะมีการตกลงกันเรื่องเงื่อนไขใหม่ แต่ไม่มาคุยเอง

Q : เรียนถามตรงๆ ว่า ถ้าจาอยากเป็นไทจากสหมงคลฟิล์มต้องทำยังไง
           A : มาคุยกันซิ เข้ามาคุย มาเคลียร์เงินของกังนัม แล้วก็มาว่ากันเรื่องสัญญาว่าจะเอายังไง ที่ต่อสัญญาก็เพราะยังมีเรื่องเก่าคาราคาซังกันอยู่ จริงๆ เสี่ยก็เบื่อแล้ว เหมือนเมียไม่รักกันแล้ว เราก็ไม่อยากเอา แต่ต้องเคลียร์ เมื่อไม่อยากอยู่ ใครจะไปเอาปืนจี้หัวได้ที่ไหน ของแบบนี้มันต้องสมัครใจทั้ง 2 ฝ่าย ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก
       
       Q : ทางคุณปรัชญา ปิ่นแก้ว ที่ถือว่าร่วมกันปลุกปั้นจาขึ้นมา พูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง    
           A : ปรัชญาก็เข้าใจเสี่ย รู้ว่าเสี่ยไม่ได้ทำผิดอะไร ก็ด่าจาเหมือนกัน เพราะเขาเป็นคนลากจาเข้ามาหาเสี่ยเล่นเรื่ององค์บาก ก็ผิดหวังในตัวจา เพราะปรัชญาก็ถือว่าเป็นคนลงทุนกับจาคนหนึ่งเหมือนกัน คือคนไทยมีวัฒนธรรมในเรื่องการไปลามาไหว้ ถ้าไม่ลา ไม่ไหว้ ก็ไม่ใช่คนไทย ไม่อยากอยู่ ก็มาคุยกัน ไม่ใช่มาหลอกเอาเงินไปแบบนี้ ยังไงสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมอยู่แล้ว เรื่องนี้เขาเป็นคนทำเอง ไม่มีใครทำด้วย
       
       Q : เรื่องคดีทางนี้มีความมั่นใจขนาดไหน
           A : โดยรูปคดีมั่นใจว่าเราชนะแน่ เพราะเอกสารเราครบ ถ้าไม่มั่นใจคงไม่ฟ้อง ผมเองก็รู้สึกเหมือนเสี่ยถูกรังแก คนอื่นอาจจะมองว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก แต่ในเมื่อเด็กเกเร ถ้าลูกเราเกเกร เราก็ต้องตี ตอนนี้ก็เดินหน้าฟ้องอย่างเดียว ใช้สิทธิทางศาล เพราะการละเมิด มีอายุความแค่ปีเดียว ถ้าไม่ฟ้องตอนนี้ เดี๋ยวก็หมดอายุความ

Q : ทางยูนิเวอร์แซลกับยูไอพี ก็ไม่เข้ามาเจรจาเหมือนกัน
           A : ไม่มาเหมือนกัน เพราะเขาก็ถือว่าเขามีสัญญากับจา ยังไงจาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ ถ้าสัญญาซ้อน เขาเป็นบริษัทต่างประเทศ ที่ปรึกษากฎหมายต้องแน่นหนาอยู่แล้ว


http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9580000041056
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่