ขอออกตัวก่อนเลยนะครับ ... ผมอายุ 21 ปี ผมเป็นคนนึงที่ทำการผ่าตัดเปลี่ยนไตออก 1 ข้าง เพื่อส่งให้กับคุณแม่ของผม เมื่อวันศุกร์ ที่ 27 มีนาคม 2558
ที่ผ่านมา... หลังจากนี้ผมจะเล่าในกรณีของผมให้ฟังนะครับ เผื่อใครที่อ่านกระทู้นี้ จะได้พิจารณาและช่วยเหลือญาติพี่น้องที่เป็นโรคไตวาย
เพราะไอโรคไตวายเนี่ย มันโรคคนรวยที่มักเกิดกับคนไม่รวย และคนส่วนใหญ่มักจะเป็น ซึ่งอาจจะมาจาก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง....
ซึ่งก่อนหน้านี้ ประมาณ 2 ปี ก่อน แม่ของผมป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย มีค่าไตที่ใช้ได้เพียงแค่ 14 % จึงรักษาตัวอยู๋ที่ รพ.ปทุมธานี
พอรักษาไปมา ก็ไม่สามารถรั้งไตให้ทำงานปกติได้ จึงต้องทำการฟอกเลือดทดแทนไตเรื่อยๆ ซึ่งการฟอกเลือดนั้น มี 2 แบบ คือ
"การล้างไตผ่านช่องท้อง" และ "การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม" ครั้งแรกผมตัดสินใจด้วยการล้างไตผ่านช่องท้อง (เพราะไม่เสียตังค์ 555) อีกอย่างนึง
คือผมอายุเพียงแค่ 19 ปีปลายๆ ไม่ใช่ข้าราชการ ไม่มีครอบครัวคนไหนเป็นข้าราชการ จึงต้องใช้วิธีนี้ ซึ่งวิธีนี้ เป็นการดึงของเสียออกจากช่องท้อง
ซึ่งการใช้วิธีนี้ได้ ผู้ป่วยต้องมีญาติขั้นต่ำ 2 คน และต้องมีเวลาให้การผู้ป่วย เพราะช่วยล้างไตทุกๆ 6 ชั่วโมง .... ผมเลยตัดสินใจโดยไม่รังเล
.....และเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เรียนวิธี่ล้างไตกับแม่ ผ่านช่องประมาณ 7 วัน จนชำนาญ ผมและแม่ผลัดกันล้างไตทุกๆ 6 ชั่วโมง จนผมต้องเสียเวลา
เรียนไปมากเพราะต้องใช้เวลาอยู่กับแม่บ่อยๆ เพราะเป็นห่วง ... และต่อมาไม่นาน แม่ของผมก็มีอาการผิดปกติ จนต้องเปลี่ยนเป็นการฟอกเลือดด้วย
เครื่องไตเทียมแทน ซึ่งการฟอกเลือดด้วยวิธีนี้ คือการเอาของเสียของจากเลือด และเติมเลือดใหม่เข้าไปในไต โดยมีเงื่อนไขคือ ผู้ป่วยจะต้องควบคุมน้ำ
ห้ามเกิน 2 ลิตร ต่อการฟอกเลือดที่ไต 1 ครั้ง แต่ค่าใช้จ่ายโคตรสูง ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่าย 2,000 บาท ต่อครั้ง ไม่สามารถเบิกที่ไหนได้ .... แต่
เพื่อชีวิตของแม่ ผมจึงต้องทำ ผมเลยขายกระบะ nissan ไปคันนึง และได้เงินมาจำนวน 90,000 บาท พร้อมกับทำงานพิเศษเพื่อหาเงินไปวันๆด้วย
เพื่อจ่ายค่าฟอกเลือดในแต่ละครั้ง และก็ทำการ
ฟอกเลือดที่ ศุนย์ไตของ รพ.แห่งหนึ่งใน จ. ปทุมธานี แต่สุดท้ายก็สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ทางโรงพยาบาลจึงช่วย และทำเรื่องส่ง สปสช เพื่อเบิกค่าฟอก
เลือดให้ จนผมไม่ต้องเสียตังค์อีกตลอด (อันนี้โชคดีจริงๆ) ....หลังจากนั้น ประมาณ 6 เดือน ผมจึงทำเรื่องกลับมา ที่จังหวัดนครปฐม (เพราะผม
เรียนที่นครปฐม และอยู่ที่นครปฐม) และเปลี่ยนที่ฟอกเลือดเป็น รพ.วิชัยเวช แถวหนองแขม และใช้ชีวิตตามปกติ ..... ยิ้ม
.....เอาล่ะครับ ต่อจากนี้ จะเข้าช่วงของการเปลี่ยนไตแล้วนะ!? . .... ขอ Intro ก่อนละกัน
การผ่าตัดเปลี่ยนไตมี 2 แบบ
1. การผ่าตัดเปลี่ยนไต จากผู้เสียชีวิต คือการนำไตจากผู้มีภาวะสมองตาย และเป็นอาจารย์ใหญ่ มาใส่กับผู้มีชีวิต ซึ่งเป็นไตบริจาค แต่วิธีนี้
ผ็ป่วยไตวายต้องใช้ดวงสุดๆ อัตราส่วนประมาณ 2: 1,000 ได้ (เพราะไตมนุษย์มี 2 ข้าง)...
2.การผ่าตัดเปลี่ยนไต จากผู้มีชีวิต คือการนำไตจากผู้มีชีวิตออกมา 1 ข้าง และนำใส่ให้ผู้รับไต แต่มีเงื่อนไขคือ
(กรณีสมีภรรยา จะต้องจดทะเบียนสมรสไม่น้อยกว่า 3 ปี) ..... (เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน จะญาติห่างๆก็ได้).... มิฉะนั้น จะต้องพิจารณนายาว เพราะ
อาจจะเข้าข่ายการซื้อขาย.....
เมื่อแม่ของผมได้ย้ายมาฟอกเลือดที่ นครปฐม ผมจึงติดต่อกับ รพ.รามาธิบดี กรุงเทพมหานคร บริเวณชั้น 7 ตึก สิริกิตเพื่อทำการผ่าตัดเปลี่ยนไต
ซึ่งตอนนั้นผมอายุเพียงแค่ 19 และตอนแรกพยาบาลก็กังวลมาก เพราะอายุของผมไม่ถึงเกณท์ 20 แต่สุดท้ายก็สามารถใช้สิทธิ์โอนมาที่โรงพยาบาลได้
(อันนี้ฟลุ๊ก) ช่วงนั้น เกือบปลายปี 2556 ..... ขั้นตอนแรกคือ ให้ทำเรื่องขอใบส่งตัว จากรพ. ต้นสังกัด ส่งมาที่ รพ.รามาธิบดี และโรงพยาบาลรามาธิบดี
จะทำหนังสือยืนยันสิทธิ์ให้ ซึ่ง 1 เดือนผ่านไป ก็ได้หนังสือส่งตัวเรียบร้อย และได้รับการอนุมัติให้ผ่าตัดเปลี่ยนไตได้..... แต่ก่อนหน้านั้น จะต้องตรวจ
ร่างกายของผู้ให้กับผู้รับก่อน ซ่งต้องผ่านขั้นตอน (โคตรเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆ โคตรนานๆๆๆๆๆๆ) โดนเริ่มจาก การเจาะเลือดตรวจหากรุ๊ปเลือด
(ถ้ากรุ๊บเลือดไม่ตรงกันก็จบ.....แต่ถ้าเอาจริงๆ ผมเคยเห็นการผ่าตัดไตข้ามหมู่เลือดที่ รพ. จุฬาอยู่ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครทำ) การเอ๊กซ์เรย์ร่างกาย
การเจาะหาเนื้อเยื่อ การตรวจกระเพาะปัสสะวะ การตรวจคลื่นหัวใจ วิ่งสายพราน สารพัด บลาๆ ซึ่งใช้เวลานานๆมากครับ ที่สำคัญ เมื่อเราตรวจอะไรก็ตาม
ถ้ามันยังไม่ถึงคิวเราผ่าตัด และผลตรวจนั้นเกิน 6 เดือนจะต้องตรวจใหม่ (อันนี้และเสียเวลาที่สุด) สำหรับผมกับแม่นี่ กว่าจะถึงจุดไคลแม๊กซ์ก็กินเวลาไป
ปีกว่า.... เมื่อเราตรวจร่างกายมาราธอนเสร็จแล้ว หมอก็จะนัดให้นอนโรงพยาบาลก่อนผ่าตัด 1 วันก่อนผ่าตัด โดยมีเงื่อนไขคือ ตัวผู้บริจาค จะต้องตรวจ
ร่างกายปิดท้าย และตัวผู้รับบริจาคจะต้องฟอกเลือดก่อนมานอนโรงพยาบาล ที่สำคัญคือ ทั้งผู้รับและผู้บริจาค จะต้องล้างปากให้สะอาด สะอาดที่สุด
ที่จะทำได้....... หลังจากนั้น หมอก็จะแจ้งวิธีการผ่าตัด การเตรียมตัวก่อน หลัง ผ่าตัด
....การผ่าตัดนั้น มีอยู่ 3 แบบ (ที่ผมพอรู้นะ)
1. การผ่าตัดแบบเปิด คือการผ่าตัดโดยใช้มีดกรีดที่ท้อง เหมือนผ่าคลอดอ่ะง่ายๆ ฟื้นตัวนานประมาณ 1 เดือน ค่าใช้จ่ายน้อย
2.การผ่าตัดแบบส่องกล้อง คือการผ่าตัดโดยใช้กล้องพิเศษ ซึ่งผลการผ่าตัดด้วยกล้องจะใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า ค่าใช้จ่าย ราวๆ 40,000 บาท
3.การผ่าตัดใช้หุ่นยนต์ คือการใช้หุ่นยนต์ผ่าตัด (อาจจะตกใจนะ ตอนแรกผมก็ตกใจที่ผมต้องฝากชีวิตกับหุ่นยนต์ กับ conntroller 5555)
อันนี้สุดยอดครับ รับประกัน แต่ค่าใช้จ่ายมหาโหดพอดูครับ
สำหรับผมนั้นเลือกการผ่าตัดแบบส่องกล้อง เพราะเนื่องจากว่า ผมต้องสอบ final ปลายเดือนเมษา (ในหัวสมองผมมีแค่นั้น)
ผมจึงอยากจะพักฟื้นร่างกาย ให้เร็วๆ ที่สำคัญ คนผ่าแบบเปิดนี่ ผมแค่เห็นแผลผ่าคลอด สภาพจิตใจผมก็ไม่ไหวแล้วครับ.... เสียเงินก็ยอม
แต่ดันมีปาฎิหารย์บางอย่าง จู่ๆ โครงการเปลี่ยนไต กลับส่งผมเป็นเคสพิเศษ ให้เปลี่ยนเป็นใช้ หุ่นยนต์ผ่าตัด ซะงั้น แถมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่
บาทเดียว (อันนี้ปาฎิหารย์จริงๆ)
จุด climax ของผม 27 มีนาคม 2558 หมอเรียกผมเข้าห้องผ่าตัด ตอน 8 โมงเช้า (ผมกับแม่นอนคนละห้อง ผ่าตัดคนละห้องนะครับ) ผมโดนวางยา
สลบจนหลับไปดื้อเลยครับ ตื่นมาประมาณ 5 โมงเย็น (ตอนแรกผมคิดว่า นรกด้วยซ้ำ เพราะผมนึกสิ่งดีๆที่สวรรค์ต้องการไม่ออก) พอตื่นมาผมก็เจ็บ
นะครับ ลุกไม่ได้เลย เพราะมีสายสวนปัสสะวะ กับ สายระบาย ติดตัว ผมพูดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะมาสายช่วยหายใจที่คอ.... ช่วงวันแรก ผมก็
ให้อาหารทางสายน้ำเกลือ พอวันต่อมา ก็ ถอดสายสวนปัสสาวะ เดินเองได้ พอไปได้เรื่อยๆ กินข้าวได้ จนกระทั่งผมนอนอยู๋ที่ รพ.รามาธิบดีจนถึง
วันอังคารที่ 31 มีนาคม 2558 ร่างกายผมก็พอที่จะไปพักฟื้นที่บ้านได้ ส่วนตัวแม่ของผมนั้นก็ฟื้นตัวเร็วเช่นกัน พอเดินไป ไปไหว แต่ต้องอยู๋ห้องปลอด
เชื้อตลอดเวลา จนกว่าร่างกายจะหายดี และตรวจค่าของไตว่ารับได้รึเปล่า ซึ่งผลสรุปคือ แม่ของผมไม่มีอาการ สลัดไต (อาการสลัดไต = ภาวะที่
ผู้ป่วยไม่สามารถรับไตจากผ็บริจาคได้) ซึ่งเป็นผลสรุปที่ดีเยี่ยมมาก แต่ยังไงก็ตาม แม่ของผมก็ต้องกินยากดภูมิตลอดชีวิต
ยากดภูมิ = ยาที่กดระดับภูมิกันเพื่อไม่ให้เกิดการสลัดอวัยวะได้ ข้อดี คือ ช่วยให้อวัยวะใหม่ทำงานได้..... ข้อเสีย คือ ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะอ่อนลง
ผมได้กลับบ้านวันที่ 31 มีนา ส่วนแม่ผมก็อยู่ รพ . ต่อไป ....... และตอนนี้ แม่ของผมก็ได้ชีวิตใหม่ จากการรับไตจากผู้มีชีวิตคนหนึ่ง
.......เอาล่ะ ..!? มีไตข้างเดียวใช้ชีวิตยังไง
สำหรับผมนะ..... ผมใช้ชีวิตปกติครับ ผมขับรถได้ ขี่มอเตอร์ไซด์ได้ แต่ผมต้องระวัง เอวนิดนึง เพราะอนาคตผมต้องใช้เอวเยอะครับ ^^ แต่เดินนานๆ อาจจะเหนื่อยบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับหอบ เล่นกีฬาเบาๆอย่างเช่น ปิงปอง ได้ครับ.... ส่วนอนาคตสิ่งที่ผมวางไว้คือ
การเป็นข้าราชการครูครับ เพราะสามารถใช้สิทธิ์ได้หลายอย่าง เบิกจ่ายได้สะดวก
สำหรับแม่ผม...... บ่นได้เลย (อันดับแรก) สามารถเดินได้ครับ ปัสสาวะได้ปกติ แต่มาเป็นเขื่อนเลย โอเครับได้ ไตทำงานดี แต่เวลาไปไหนต้อง
ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น เพราะกินยากดภูมิ ภูมิคุ้มกันต่ำ
***** อาหารที่ต้องควบคุม ง่ายๆ เลยคือ อาหารพวก หวาน เค็ม มัน ห้ามกินบ่อยๆ
***** ซึ่งโดยสรุปแล้วคือ การมีไตข้างเดียวนั้น ไม่ได้ทำให้อายุสั้น แน่นอนครับ ส่วนชาติหน้าตามความเชื่อโบราณ ถ้าผมจะเกิดมาไม่ครบ 32 ผมก็
ไม่รู้อ่ะ เพราะไม่เคยตายและผมก็มีแม่คนเดียว....... ฝากไว้นะครับ สำหรับคนที่มีปัญหา ไตวาย ไตปกติ มาสอบถามในกระทู้ได้นะครับ ยิ้ม
ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะครับ
การฟอกไต วิธีการเปลี่ยนไต ขั้นตอนการเปลี่ยนไต การผ่าตัดและการใช้ชีวิตโดยที่มีไตข้างเดียว .....
ที่ผ่านมา... หลังจากนี้ผมจะเล่าในกรณีของผมให้ฟังนะครับ เผื่อใครที่อ่านกระทู้นี้ จะได้พิจารณาและช่วยเหลือญาติพี่น้องที่เป็นโรคไตวาย
เพราะไอโรคไตวายเนี่ย มันโรคคนรวยที่มักเกิดกับคนไม่รวย และคนส่วนใหญ่มักจะเป็น ซึ่งอาจจะมาจาก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง....
ซึ่งก่อนหน้านี้ ประมาณ 2 ปี ก่อน แม่ของผมป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย มีค่าไตที่ใช้ได้เพียงแค่ 14 % จึงรักษาตัวอยู๋ที่ รพ.ปทุมธานี
พอรักษาไปมา ก็ไม่สามารถรั้งไตให้ทำงานปกติได้ จึงต้องทำการฟอกเลือดทดแทนไตเรื่อยๆ ซึ่งการฟอกเลือดนั้น มี 2 แบบ คือ
"การล้างไตผ่านช่องท้อง" และ "การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม" ครั้งแรกผมตัดสินใจด้วยการล้างไตผ่านช่องท้อง (เพราะไม่เสียตังค์ 555) อีกอย่างนึง
คือผมอายุเพียงแค่ 19 ปีปลายๆ ไม่ใช่ข้าราชการ ไม่มีครอบครัวคนไหนเป็นข้าราชการ จึงต้องใช้วิธีนี้ ซึ่งวิธีนี้ เป็นการดึงของเสียออกจากช่องท้อง
ซึ่งการใช้วิธีนี้ได้ ผู้ป่วยต้องมีญาติขั้นต่ำ 2 คน และต้องมีเวลาให้การผู้ป่วย เพราะช่วยล้างไตทุกๆ 6 ชั่วโมง .... ผมเลยตัดสินใจโดยไม่รังเล
.....และเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็เรียนวิธี่ล้างไตกับแม่ ผ่านช่องประมาณ 7 วัน จนชำนาญ ผมและแม่ผลัดกันล้างไตทุกๆ 6 ชั่วโมง จนผมต้องเสียเวลา
เรียนไปมากเพราะต้องใช้เวลาอยู่กับแม่บ่อยๆ เพราะเป็นห่วง ... และต่อมาไม่นาน แม่ของผมก็มีอาการผิดปกติ จนต้องเปลี่ยนเป็นการฟอกเลือดด้วย
เครื่องไตเทียมแทน ซึ่งการฟอกเลือดด้วยวิธีนี้ คือการเอาของเสียของจากเลือด และเติมเลือดใหม่เข้าไปในไต โดยมีเงื่อนไขคือ ผู้ป่วยจะต้องควบคุมน้ำ
ห้ามเกิน 2 ลิตร ต่อการฟอกเลือดที่ไต 1 ครั้ง แต่ค่าใช้จ่ายโคตรสูง ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่าย 2,000 บาท ต่อครั้ง ไม่สามารถเบิกที่ไหนได้ .... แต่
เพื่อชีวิตของแม่ ผมจึงต้องทำ ผมเลยขายกระบะ nissan ไปคันนึง และได้เงินมาจำนวน 90,000 บาท พร้อมกับทำงานพิเศษเพื่อหาเงินไปวันๆด้วย
เพื่อจ่ายค่าฟอกเลือดในแต่ละครั้ง และก็ทำการ
ฟอกเลือดที่ ศุนย์ไตของ รพ.แห่งหนึ่งใน จ. ปทุมธานี แต่สุดท้ายก็สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ทางโรงพยาบาลจึงช่วย และทำเรื่องส่ง สปสช เพื่อเบิกค่าฟอก
เลือดให้ จนผมไม่ต้องเสียตังค์อีกตลอด (อันนี้โชคดีจริงๆ) ....หลังจากนั้น ประมาณ 6 เดือน ผมจึงทำเรื่องกลับมา ที่จังหวัดนครปฐม (เพราะผม
เรียนที่นครปฐม และอยู่ที่นครปฐม) และเปลี่ยนที่ฟอกเลือดเป็น รพ.วิชัยเวช แถวหนองแขม และใช้ชีวิตตามปกติ ..... ยิ้ม
.....เอาล่ะครับ ต่อจากนี้ จะเข้าช่วงของการเปลี่ยนไตแล้วนะ!? . .... ขอ Intro ก่อนละกัน
การผ่าตัดเปลี่ยนไตมี 2 แบบ
1. การผ่าตัดเปลี่ยนไต จากผู้เสียชีวิต คือการนำไตจากผู้มีภาวะสมองตาย และเป็นอาจารย์ใหญ่ มาใส่กับผู้มีชีวิต ซึ่งเป็นไตบริจาค แต่วิธีนี้
ผ็ป่วยไตวายต้องใช้ดวงสุดๆ อัตราส่วนประมาณ 2: 1,000 ได้ (เพราะไตมนุษย์มี 2 ข้าง)...
2.การผ่าตัดเปลี่ยนไต จากผู้มีชีวิต คือการนำไตจากผู้มีชีวิตออกมา 1 ข้าง และนำใส่ให้ผู้รับไต แต่มีเงื่อนไขคือ
(กรณีสมีภรรยา จะต้องจดทะเบียนสมรสไม่น้อยกว่า 3 ปี) ..... (เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน จะญาติห่างๆก็ได้).... มิฉะนั้น จะต้องพิจารณนายาว เพราะ
อาจจะเข้าข่ายการซื้อขาย.....
เมื่อแม่ของผมได้ย้ายมาฟอกเลือดที่ นครปฐม ผมจึงติดต่อกับ รพ.รามาธิบดี กรุงเทพมหานคร บริเวณชั้น 7 ตึก สิริกิตเพื่อทำการผ่าตัดเปลี่ยนไต
ซึ่งตอนนั้นผมอายุเพียงแค่ 19 และตอนแรกพยาบาลก็กังวลมาก เพราะอายุของผมไม่ถึงเกณท์ 20 แต่สุดท้ายก็สามารถใช้สิทธิ์โอนมาที่โรงพยาบาลได้
(อันนี้ฟลุ๊ก) ช่วงนั้น เกือบปลายปี 2556 ..... ขั้นตอนแรกคือ ให้ทำเรื่องขอใบส่งตัว จากรพ. ต้นสังกัด ส่งมาที่ รพ.รามาธิบดี และโรงพยาบาลรามาธิบดี
จะทำหนังสือยืนยันสิทธิ์ให้ ซึ่ง 1 เดือนผ่านไป ก็ได้หนังสือส่งตัวเรียบร้อย และได้รับการอนุมัติให้ผ่าตัดเปลี่ยนไตได้..... แต่ก่อนหน้านั้น จะต้องตรวจ
ร่างกายของผู้ให้กับผู้รับก่อน ซ่งต้องผ่านขั้นตอน (โคตรเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆ โคตรนานๆๆๆๆๆๆ) โดนเริ่มจาก การเจาะเลือดตรวจหากรุ๊ปเลือด
(ถ้ากรุ๊บเลือดไม่ตรงกันก็จบ.....แต่ถ้าเอาจริงๆ ผมเคยเห็นการผ่าตัดไตข้ามหมู่เลือดที่ รพ. จุฬาอยู่ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครทำ) การเอ๊กซ์เรย์ร่างกาย
การเจาะหาเนื้อเยื่อ การตรวจกระเพาะปัสสะวะ การตรวจคลื่นหัวใจ วิ่งสายพราน สารพัด บลาๆ ซึ่งใช้เวลานานๆมากครับ ที่สำคัญ เมื่อเราตรวจอะไรก็ตาม
ถ้ามันยังไม่ถึงคิวเราผ่าตัด และผลตรวจนั้นเกิน 6 เดือนจะต้องตรวจใหม่ (อันนี้และเสียเวลาที่สุด) สำหรับผมกับแม่นี่ กว่าจะถึงจุดไคลแม๊กซ์ก็กินเวลาไป
ปีกว่า.... เมื่อเราตรวจร่างกายมาราธอนเสร็จแล้ว หมอก็จะนัดให้นอนโรงพยาบาลก่อนผ่าตัด 1 วันก่อนผ่าตัด โดยมีเงื่อนไขคือ ตัวผู้บริจาค จะต้องตรวจ
ร่างกายปิดท้าย และตัวผู้รับบริจาคจะต้องฟอกเลือดก่อนมานอนโรงพยาบาล ที่สำคัญคือ ทั้งผู้รับและผู้บริจาค จะต้องล้างปากให้สะอาด สะอาดที่สุด
ที่จะทำได้....... หลังจากนั้น หมอก็จะแจ้งวิธีการผ่าตัด การเตรียมตัวก่อน หลัง ผ่าตัด
....การผ่าตัดนั้น มีอยู่ 3 แบบ (ที่ผมพอรู้นะ)
1. การผ่าตัดแบบเปิด คือการผ่าตัดโดยใช้มีดกรีดที่ท้อง เหมือนผ่าคลอดอ่ะง่ายๆ ฟื้นตัวนานประมาณ 1 เดือน ค่าใช้จ่ายน้อย
2.การผ่าตัดแบบส่องกล้อง คือการผ่าตัดโดยใช้กล้องพิเศษ ซึ่งผลการผ่าตัดด้วยกล้องจะใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า ค่าใช้จ่าย ราวๆ 40,000 บาท
3.การผ่าตัดใช้หุ่นยนต์ คือการใช้หุ่นยนต์ผ่าตัด (อาจจะตกใจนะ ตอนแรกผมก็ตกใจที่ผมต้องฝากชีวิตกับหุ่นยนต์ กับ conntroller 5555)
อันนี้สุดยอดครับ รับประกัน แต่ค่าใช้จ่ายมหาโหดพอดูครับ
สำหรับผมนั้นเลือกการผ่าตัดแบบส่องกล้อง เพราะเนื่องจากว่า ผมต้องสอบ final ปลายเดือนเมษา (ในหัวสมองผมมีแค่นั้น)
ผมจึงอยากจะพักฟื้นร่างกาย ให้เร็วๆ ที่สำคัญ คนผ่าแบบเปิดนี่ ผมแค่เห็นแผลผ่าคลอด สภาพจิตใจผมก็ไม่ไหวแล้วครับ.... เสียเงินก็ยอม
แต่ดันมีปาฎิหารย์บางอย่าง จู่ๆ โครงการเปลี่ยนไต กลับส่งผมเป็นเคสพิเศษ ให้เปลี่ยนเป็นใช้ หุ่นยนต์ผ่าตัด ซะงั้น แถมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่
บาทเดียว (อันนี้ปาฎิหารย์จริงๆ)
จุด climax ของผม 27 มีนาคม 2558 หมอเรียกผมเข้าห้องผ่าตัด ตอน 8 โมงเช้า (ผมกับแม่นอนคนละห้อง ผ่าตัดคนละห้องนะครับ) ผมโดนวางยา
สลบจนหลับไปดื้อเลยครับ ตื่นมาประมาณ 5 โมงเย็น (ตอนแรกผมคิดว่า นรกด้วยซ้ำ เพราะผมนึกสิ่งดีๆที่สวรรค์ต้องการไม่ออก) พอตื่นมาผมก็เจ็บ
นะครับ ลุกไม่ได้เลย เพราะมีสายสวนปัสสะวะ กับ สายระบาย ติดตัว ผมพูดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะมาสายช่วยหายใจที่คอ.... ช่วงวันแรก ผมก็
ให้อาหารทางสายน้ำเกลือ พอวันต่อมา ก็ ถอดสายสวนปัสสาวะ เดินเองได้ พอไปได้เรื่อยๆ กินข้าวได้ จนกระทั่งผมนอนอยู๋ที่ รพ.รามาธิบดีจนถึง
วันอังคารที่ 31 มีนาคม 2558 ร่างกายผมก็พอที่จะไปพักฟื้นที่บ้านได้ ส่วนตัวแม่ของผมนั้นก็ฟื้นตัวเร็วเช่นกัน พอเดินไป ไปไหว แต่ต้องอยู๋ห้องปลอด
เชื้อตลอดเวลา จนกว่าร่างกายจะหายดี และตรวจค่าของไตว่ารับได้รึเปล่า ซึ่งผลสรุปคือ แม่ของผมไม่มีอาการ สลัดไต (อาการสลัดไต = ภาวะที่
ผู้ป่วยไม่สามารถรับไตจากผ็บริจาคได้) ซึ่งเป็นผลสรุปที่ดีเยี่ยมมาก แต่ยังไงก็ตาม แม่ของผมก็ต้องกินยากดภูมิตลอดชีวิต
ยากดภูมิ = ยาที่กดระดับภูมิกันเพื่อไม่ให้เกิดการสลัดอวัยวะได้ ข้อดี คือ ช่วยให้อวัยวะใหม่ทำงานได้..... ข้อเสีย คือ ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะอ่อนลง
ผมได้กลับบ้านวันที่ 31 มีนา ส่วนแม่ผมก็อยู่ รพ . ต่อไป ....... และตอนนี้ แม่ของผมก็ได้ชีวิตใหม่ จากการรับไตจากผู้มีชีวิตคนหนึ่ง
.......เอาล่ะ ..!? มีไตข้างเดียวใช้ชีวิตยังไง
สำหรับผมนะ..... ผมใช้ชีวิตปกติครับ ผมขับรถได้ ขี่มอเตอร์ไซด์ได้ แต่ผมต้องระวัง เอวนิดนึง เพราะอนาคตผมต้องใช้เอวเยอะครับ ^^ แต่เดินนานๆ อาจจะเหนื่อยบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับหอบ เล่นกีฬาเบาๆอย่างเช่น ปิงปอง ได้ครับ.... ส่วนอนาคตสิ่งที่ผมวางไว้คือ
การเป็นข้าราชการครูครับ เพราะสามารถใช้สิทธิ์ได้หลายอย่าง เบิกจ่ายได้สะดวก
สำหรับแม่ผม...... บ่นได้เลย (อันดับแรก) สามารถเดินได้ครับ ปัสสาวะได้ปกติ แต่มาเป็นเขื่อนเลย โอเครับได้ ไตทำงานดี แต่เวลาไปไหนต้อง
ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น เพราะกินยากดภูมิ ภูมิคุ้มกันต่ำ
***** อาหารที่ต้องควบคุม ง่ายๆ เลยคือ อาหารพวก หวาน เค็ม มัน ห้ามกินบ่อยๆ
***** ซึ่งโดยสรุปแล้วคือ การมีไตข้างเดียวนั้น ไม่ได้ทำให้อายุสั้น แน่นอนครับ ส่วนชาติหน้าตามความเชื่อโบราณ ถ้าผมจะเกิดมาไม่ครบ 32 ผมก็
ไม่รู้อ่ะ เพราะไม่เคยตายและผมก็มีแม่คนเดียว....... ฝากไว้นะครับ สำหรับคนที่มีปัญหา ไตวาย ไตปกติ มาสอบถามในกระทู้ได้นะครับ ยิ้ม
ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะครับ