นักรบหนุ่มรู้สึกโกรธแค้นชิงชัง เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน การเสียรู้ทำให้เขาเกิดวิตกจริต การมองคนผิดเหมือนเป็นบาปติดตัวไปจนชั่วลูกชั่วหลาน มันคือความกระอักกระอ่วนรวนเร ไม่มีอะไรแน่นอน ตอนนั้นจูล่งรู้สึกว่าเขาถูกหลอก มันเลยทำให้เขาคับแค้นใจ เขาขี่ม้ามุ่งไปย้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ถึงชีวิตจะหาไม่ แต่เขาก็คิดว่ามันคุ้มที่ได้แสดงออกถึงอะไรบางอย่าง ม้าวิ่งเร็วจนฝุ่นตลบไปทั่ว จนทั้งคนทั้งม้ามองไม่เห็นทางและอุบัติเหตุบางอย่างก็เกิดขึ้น
โรมิโอชวนเพื่อนรัก วิลเลียม มาเดินเที่ยวตรงทุ่งหญ้าที่เขาชื่นชอบ เวลาคิดอะไรไม่ตก โรมิโอมักจะมาที่นี่เสมอ
“เจ้าหนุ่มช่างฝัน”
วิลเลียมชอบแซวเขา ไม่นานนัก โรมิโอก็แซวกลับ
“นายน่าจะเป็นหนุ่มช่างฝันมากกว่าเรานะ เห็นนายเขียนนิยายไว้หลายเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนจบเลย “
วิลเลียมหัวร่อ
“การทำอย่างนั้นเขาไม่เรียกว่าเป็นคนช่างฝันหรอก เขาเรียกว่าเพ้อมากกว่า”
ท่ามกลางเพื่อนทั้งหมดของโรมิโอ วิลเลียมเป็นคนที่ไม่บู๊และไม่เอาอะไรทั้งนั้นนอกจากการเขียนเรื่องเพ้อฝัน
“ทำไมนายถึงชอบเขียนเรื่องเพ้อฝันพวกนั้น” โรมิโอถามด้วยความสงสัย
“เรื่องต่างๆก็เขียนแบบเพ้อของจริง แต่คนในสังคมก็ชอบทำอะไรแบบเพ้อฝันมากมาย ค่านิยมแปลกๆ”
วิลเลียมลุกขึ้นมาวิจารณ์สังคมบ้าง
“เช่น” โรมิโอสงสัย
วิลเลียมตอบ “ก็กะโปรงสุ่มแบรนเนมของมิสซิสลิลลี่ ใส่กันเข้าไปได้ยังไง แพงขนาดนั้น”
“ฮ่าๆๆๆ” โรมิโอหัวเราะแก้มแทบฉีก แต่ทันใดนั้นดันมีพายุหมุนเล็กๆมาจากไหนก็ไม่รู้ ถึงจะเล็กแต่ก็ทำให้เกิดฝุ่นตลบไปหมด จนพายุหมุนฝุ่นตลบหายไป โรมิโอสังเกตเห็นว่ามีใครมานอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
ถึงโรมิโอจะเห็นก่อน แต่วิลเลียมได้ทักก่อน
“ใครกันอ่ะ ใส่ชุดเหมือนกับนักรบ รูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนพวกเรา ผิวขาวผมดำ”
“เราว่ารีบพาเขาไปที่เรือนหลังบ้านก่อนจะมีใครมาเห็น” โรมิโอแนะนำ
ทั้งโรมิโอและวิลเลียมช่วยกันแบกหนุ่มปริศนาผู้นั้นไปยังเรือนหลังบ้านที่ไกลผู้ไกลคน
โรมิโอนั่งลงมองดูชายหนุ่มคนนั้น วิลเลียมร้องทักขึ้น
“ได้เวลาแล้วนะ งานราตรีของตระกูลวาเลอรี่ใกล้จะมาถึงแล้ว นายต้องรีบหน่อยนะเพื่อน”
“แล้วเราจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ตามลำพังเหรอ” โรมิโอกล่าวขึ้น วิลเลียมเริ่มเดือดดาล
“ไหนจะคุณหนูจูเลียตของพวกวาเลอรี่อีกล่ะ นายอยากยลโฉมเธอไม่ใช่เหรอ”
โรมิโอนิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจ
“คืนนี้ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะรอให้เขาฟื้น ข้าไม่จำเป็นต้องไปเจอจูเลียตก็ได้
โปรดติดตามตอนต่อไป
โรมิโอกับจูล่ง ตอนที่ 1
โรมิโอชวนเพื่อนรัก วิลเลียม มาเดินเที่ยวตรงทุ่งหญ้าที่เขาชื่นชอบ เวลาคิดอะไรไม่ตก โรมิโอมักจะมาที่นี่เสมอ
“เจ้าหนุ่มช่างฝัน”
วิลเลียมชอบแซวเขา ไม่นานนัก โรมิโอก็แซวกลับ
“นายน่าจะเป็นหนุ่มช่างฝันมากกว่าเรานะ เห็นนายเขียนนิยายไว้หลายเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนจบเลย “
วิลเลียมหัวร่อ
“การทำอย่างนั้นเขาไม่เรียกว่าเป็นคนช่างฝันหรอก เขาเรียกว่าเพ้อมากกว่า”
ท่ามกลางเพื่อนทั้งหมดของโรมิโอ วิลเลียมเป็นคนที่ไม่บู๊และไม่เอาอะไรทั้งนั้นนอกจากการเขียนเรื่องเพ้อฝัน
“ทำไมนายถึงชอบเขียนเรื่องเพ้อฝันพวกนั้น” โรมิโอถามด้วยความสงสัย
“เรื่องต่างๆก็เขียนแบบเพ้อของจริง แต่คนในสังคมก็ชอบทำอะไรแบบเพ้อฝันมากมาย ค่านิยมแปลกๆ”
วิลเลียมลุกขึ้นมาวิจารณ์สังคมบ้าง
“เช่น” โรมิโอสงสัย
วิลเลียมตอบ “ก็กะโปรงสุ่มแบรนเนมของมิสซิสลิลลี่ ใส่กันเข้าไปได้ยังไง แพงขนาดนั้น”
“ฮ่าๆๆๆ” โรมิโอหัวเราะแก้มแทบฉีก แต่ทันใดนั้นดันมีพายุหมุนเล็กๆมาจากไหนก็ไม่รู้ ถึงจะเล็กแต่ก็ทำให้เกิดฝุ่นตลบไปหมด จนพายุหมุนฝุ่นตลบหายไป โรมิโอสังเกตเห็นว่ามีใครมานอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
ถึงโรมิโอจะเห็นก่อน แต่วิลเลียมได้ทักก่อน
“ใครกันอ่ะ ใส่ชุดเหมือนกับนักรบ รูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนพวกเรา ผิวขาวผมดำ”
“เราว่ารีบพาเขาไปที่เรือนหลังบ้านก่อนจะมีใครมาเห็น” โรมิโอแนะนำ
ทั้งโรมิโอและวิลเลียมช่วยกันแบกหนุ่มปริศนาผู้นั้นไปยังเรือนหลังบ้านที่ไกลผู้ไกลคน
โรมิโอนั่งลงมองดูชายหนุ่มคนนั้น วิลเลียมร้องทักขึ้น
“ได้เวลาแล้วนะ งานราตรีของตระกูลวาเลอรี่ใกล้จะมาถึงแล้ว นายต้องรีบหน่อยนะเพื่อน”
“แล้วเราจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ตามลำพังเหรอ” โรมิโอกล่าวขึ้น วิลเลียมเริ่มเดือดดาล
“ไหนจะคุณหนูจูเลียตของพวกวาเลอรี่อีกล่ะ นายอยากยลโฉมเธอไม่ใช่เหรอ”
โรมิโอนิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจ
“คืนนี้ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะรอให้เขาฟื้น ข้าไม่จำเป็นต้องไปเจอจูเลียตก็ได้
โปรดติดตามตอนต่อไป