ผมเป็นพวก Atheist พวกที่ต่อต้านสิ่งที่เป็นของงมงายต่างๆ
เช่น สักยันต์(ถ้าเชื่อว่าสักแล้วยิงไม่เข้า มีของ ฯลฯ) ห้อยพระแล้วยิงไม่เข้า หายตัว เหาะเหินเดินอากาศได้ ห้อยขุนแผนแล้วมีเมียเยอะ
ผีสาง ศาลพระภูมิ กุมาร ต้นไม้ตะเคียน(ที่เขาบอกว่าเฮี้ยนแต่ไม่มีปัญญาขึ้นมาจากน้ำ) แล้วก็สิ่งต่างๆที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้....
แต่ผมเชื่อเรื่องกรรมเพราะ Action = Reaction ถ้าเป็นในทางวิทยาศาสตร์เป๊ะๆ ตามที่คิดไว้แต่ต้นแล้วแปลได้ว่า แรงที่วัตถุที่หนึ่งกระทำต่อวัตถุที่สอง ย่อมเท่ากับ แรงที่วัตถุที่สองกระทำต่อวัตถุที่หนึ่ง แต่ทิศทางตรงข้ามกัน (วิชาการไปไหนจ๊า) ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราปาลูกบอลใส่กำแพงด้วยความแรง ยิ่งแรงเท่าไรลูกบอลก็จะกระดอนกลับมาด้วยความแรงเท่านั้นเช่นกัน
Action = Reaction ถ้าเป็นในทางพุทธศาสนา อาจจะแปลได้ว่าก่อกรรมทำชั่วอะไรไว้ กรรมก็จะตามสนองเท่ากับความชั่วร้ายที่ได้ทำไว้เท่านั้น หรือในทางกลับกันถ้าเราทำดีเราก็จะได้สิ่งดีๆ กลับมาเช่นกัน ตามสำนวนที่ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั่นเอง cr.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(https://th-th.facebook.com/notes/thailandexhibition/action-reaction/144474402250758)
นับถือในเชิงวิทยาศาสตร์ นับถือพุทธ
พุทธแท้ๆมิใช่พุทธพราหมณ์หรือ
พุทธแบบที่คนเข้าใจกัน
ไว้ต้นไม้ ก้อนหินก้อนดิน รูปเหมือน ศาลพระภูมิ เจ้าแม่หลอกเด็ก(ผู้ใหญโดนหลอกมากกว่าด้วย) แต่ถ้าคุณบอกว่านับถือพราหมณ์ผมจะไม่เถียง
แต่อาจบอกว่ามันไม่มีจริงนะอะไรทำนองนี้
แล้วก็จะมีตรรกะไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ! ที่เชื่อไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอย่ามายุ่ง ! ความเชื่อผิดๆของคนงมงาย
แต่สำหรับพวกผมเปลี่ยนเป็น ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ ไม่เดือดร้อนใคร ? จริงเหรอเดือดร้อนมากๆพวกงมงายมักจะเข้าใจผิดอย่างแรง
เดือดร้อนชาวพุทธมากๆ อ้างศาสนาพุทธ ทำให้พุทธนั้นเสียหายวิบัติ เข้าใจกันผิดมาตลอด โครตจะเดือดร้อนเลยครับ เพราะฉะนั้นเข้าใจซะใหม่
ส่วนหลายคนที่ยังเชื่อในพระเจ้าว่าสร้างโลกขึ้นมา
ผมไม่เชื่อครับ ขอหลักฐานหน่อยว่าสร้างขึ้นมามีแต่คำบอกเล่า
เช่น
มันไม่มีหลักการวิชาการอะไรเลยครับ
แค่บอกมาก็เชื่อกันโดยไม่พิสูจน์เลยหรอ แต่หลักจากบรรทัดนั้นมาทัศนะคติของเขาดีนะครับ แต่บรรทัดที่ขีดเส้นไว้นี่มันแบบ......
โลกเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมชอบทฤษฎีนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับการเกิดของโลก แต่ทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับที่สุด เชื่อว่า โลกเกิดขึ้นพร้อมกับระบบสุริยะจักรวาล เมื่อราว ๆ 4,560 ล้านปีที่แล้ว
ระบบสุริยะจักรวาล เกิดจากกลุ่มก๊าซและธุลีที่เรียกว่าเนบิวลา (nebula) ภายในเนบิวลานั้น ๆ กลุ่มสสารได้จับกลุ่มกันตรงกลาง จากแรงโน้มถ่วง เกิดเป็น protostar หรือดาวดวงแรก ความร้อนจากกระบวนการดังกล่าว ทำให้เนบิวลาเปลี่ยนสภาพเป็นแผ่นแบน ๆ ที่หมุนได้เหมือนแผ่นเสียง สสารจำนวนมากไปกระจุกตัวอยู่ตรงกลางของแผ่นแบน ๆ นั้น ต่อมาเกิดระเบิดอย่างรุนแรง ดวงอาทิตย์ถือกำเนิดขี้นตรงใจกลางนั้น พร้อมกับปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวส์ชั่น (nuclear fusion) ที่ปลดปล่อยพลังงานมหาศาล ก๊าซและอนุภาคของฝุ่นธุลีต่าง ๆ หมุนเป็นวงรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ และเกิดเป็นดาวเคราะห์ต่าง ๆ ส่วนที่ล้อมรอบอยู่ด้านนอก ของระบบสุริยะจักรวาล ประกอบไปด้วยกลุ่มของก้อนหินและก้อนน้ำแข็ง ซึ่งเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนเป็นดาวหาง (comets) โดยที่ดาวหางจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในองศาที่ต่างกันไป ในระหว่างวงโคจรระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี มีวงของแนวกลุ่มหิน ที่เรียกว่า กลุ่มดาวเคราะห์น้อย (asteroids) โคจรอยู่ ซึ่งบางครั้งชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยหลุดจากวงโคจร พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ของโลกเหมือนลูกไฟตกลงมาจากท้องฟ้า ดังที่เรียกกันว่าดาวตกหรือผีพุ่งไต้ ส่วนที่เหลือจากการเผาไหม้ใน ชั้นบรรยากาศที่ตกลงมาถึงเปลือกโลกจะเรียกว่า อุกกาบาต หรือ อุกาบาต (meteorites)
เมื่อโลกเกิดขึ้นมาใหม่ ๆ นั้น โลกมีขนาดเล็กกว่าปัจจุบันมาก แต่ด้วยชิ้นส่วนของดาวเคราะห์และดาวหางจำนวนมหาศาลที่ตกลงสู่โลก ในช่วง 2-3 ล้านปีแรก ทำให้โลกมีขนาดเท่ากับปัจจุบัน
หลังจากนั้นประมาณ 100 ล้านปี โลกได้มีการแบ่งเป็นชั้น ๆ เนื่องจากแรงโน้มถ่วง โดยที่ส่วนที่หนักที่สุด (เหล็ก-นิเกิล) เป็นแกนกลาง (core) ส่วนที่เบากว่าเช่นเหล็ก แมกนีเซียม ซิลิเกต อลูมิเนียม และแคลเซียมเป็นผิวโลกในชั้นแมนเทิล (mantle) และเปลือกโลก (crust) ส่วนที่เบาที่สุดได้แก่พวกก๊าซต่าง ๆ ห่อหุ้มโลกไว้
เมื่อโลกค่อย ๆ เย็นตัวลง ไอน้ำเริ่มจับตัวกันเกิดเป็นเมฆ และฝนตกลงมาสู่พื้นโลก เกิดเป็นทะเล แม่น้ำ และ มหาสมุทร
โลกเมื่อ 4,000 ล้านปีที่ผ่านมา มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซเด่น มีก๊าซออกซิเจนเพียงเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตในยุคแรกมีองค์ประกอบทางเคมีที่หลากหลาย แต่องค์ประกอบที่สำคัญคือ น้ำ คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และ ไนโตรเจน
ซากดึกดำบรรพ์ขนาดเล็กที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้มีการค้นพบ มีอายุประมาณ 3,500 ล้านปี เป็นซากของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ที่เกาะติดกันเป็นสายเหมือนเส้นเชือกหรือลูกปัด โดยโครงสร้างมีลักษณะเหมือนสิ่งมีชีวิตพวกสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (cyanobacteria) ซึ่งสามารถสังเคราะห์แสงได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิตออกซิเจนให้กับโลกในอดีต cr.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.houseofgems.info/knowledge1_th.php
ผมเบื่อคนที่นับถือพราหมณ์แต่ชอบบอกว่าพุทธ พุทธ พุทธ เฮ้อ !!! ไหว้สิ่งที่ไม่มีตัวตน เชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันไม่มี
ต้องการคำตอบว่ามันมีแล้วมียังไงครับ ? เป็นยังไงครับ ?
ไม่ใช่มาถามผมกลับว่าถ้าไม่มีจริงก็พิสูจน์ซิว่าไม่มีจริง ก็ในเมื่อมันไม่มีพิสูจน์ยังไงมันก็ไม่มี ตรรกะป่วยนะครับคนพวกนี้
การที่จะเกิดคำถามแย้งกับคนที่เชื่อๆเนี่ยมันก็ต้องเชื่อมาก่อนแต่อยู่ไปอยู่มาแล้วมันไม่ใช่ ผมก็เคยเชื่อมาก่อนพึ่งตาสว่าง
คำถามเลยเกิดขึ้นมาว่ามันมีจริงหรอ ? มันเป็นยังไง ? คนที่ยังเชื่อก็ลองบอกมาซิเป็นยังไง
ไม่ว่าจะโค้งอันตรายเส้นทางอันตรายที่เขาลือกันนั่นอะ ที่ตายผมว่าเกิดจากการประมาทมากกว่า
ไม่ต้องมากกว่าเลยครับประมาทนั่นแหละถ้าชนกันก็ต้องเกิดจากความประมาทจากคนใดคนนึง ไม่เกี่ยวกับผีเผลออะไรเลย
ส่วนเรื่องเครื่องลางของขลังพระเครื่องอันนี้นี่หนักเลยคนไปเชื่อกันผิด
ไม่มีใครกล้าให้ลองยิง แต่ถึงเวลาคุยโม้โอ้อวดพอไม่เชื่อก็หาว่าลบหลู่
แค่เศษดินเศษหินเศษเหล็กมันจะมาช่วยอะไรจากกระสุนครับจากมีดดาบจากการเกิดอุบัติเหตุ
อุดมการณ์ผมต่อต้านพวกพราหมณ์แต่ปากบอกพุทธ
สิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ สิ่งที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง สิ่งงมงาย
เข้าใจตัวเองแล้วครับสรุปผมไม่นับถือสิ่งที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ไม่ได้ที่ขัดกับความเป็นจริง
เช่น สักยันต์(ถ้าเชื่อว่าสักแล้วยิงไม่เข้า มีของ ฯลฯ) ห้อยพระแล้วยิงไม่เข้า หายตัว เหาะเหินเดินอากาศได้ ห้อยขุนแผนแล้วมีเมียเยอะ
ผีสาง ศาลพระภูมิ กุมาร ต้นไม้ตะเคียน(ที่เขาบอกว่าเฮี้ยนแต่ไม่มีปัญญาขึ้นมาจากน้ำ) แล้วก็สิ่งต่างๆที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้....
แต่ผมเชื่อเรื่องกรรมเพราะ Action = Reaction ถ้าเป็นในทางวิทยาศาสตร์เป๊ะๆ ตามที่คิดไว้แต่ต้นแล้วแปลได้ว่า แรงที่วัตถุที่หนึ่งกระทำต่อวัตถุที่สอง ย่อมเท่ากับ แรงที่วัตถุที่สองกระทำต่อวัตถุที่หนึ่ง แต่ทิศทางตรงข้ามกัน (วิชาการไปไหนจ๊า) ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราปาลูกบอลใส่กำแพงด้วยความแรง ยิ่งแรงเท่าไรลูกบอลก็จะกระดอนกลับมาด้วยความแรงเท่านั้นเช่นกัน
Action = Reaction ถ้าเป็นในทางพุทธศาสนา อาจจะแปลได้ว่าก่อกรรมทำชั่วอะไรไว้ กรรมก็จะตามสนองเท่ากับความชั่วร้ายที่ได้ทำไว้เท่านั้น หรือในทางกลับกันถ้าเราทำดีเราก็จะได้สิ่งดีๆ กลับมาเช่นกัน ตามสำนวนที่ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั่นเอง cr.[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นับถือในเชิงวิทยาศาสตร์ นับถือพุทธ พุทธแท้ๆมิใช่พุทธพราหมณ์หรือพุทธแบบที่คนเข้าใจกัน
ไว้ต้นไม้ ก้อนหินก้อนดิน รูปเหมือน ศาลพระภูมิ เจ้าแม่หลอกเด็ก(ผู้ใหญโดนหลอกมากกว่าด้วย) แต่ถ้าคุณบอกว่านับถือพราหมณ์ผมจะไม่เถียง
แต่อาจบอกว่ามันไม่มีจริงนะอะไรทำนองนี้
แล้วก็จะมีตรรกะไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ! ที่เชื่อไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอย่ามายุ่ง ! ความเชื่อผิดๆของคนงมงาย
แต่สำหรับพวกผมเปลี่ยนเป็น ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ ไม่เดือดร้อนใคร ? จริงเหรอเดือดร้อนมากๆพวกงมงายมักจะเข้าใจผิดอย่างแรง
เดือดร้อนชาวพุทธมากๆ อ้างศาสนาพุทธ ทำให้พุทธนั้นเสียหายวิบัติ เข้าใจกันผิดมาตลอด โครตจะเดือดร้อนเลยครับ เพราะฉะนั้นเข้าใจซะใหม่
ส่วนหลายคนที่ยังเชื่อในพระเจ้าว่าสร้างโลกขึ้นมา ผมไม่เชื่อครับ ขอหลักฐานหน่อยว่าสร้างขึ้นมามีแต่คำบอกเล่า
เช่น มันไม่มีหลักการวิชาการอะไรเลยครับ
แค่บอกมาก็เชื่อกันโดยไม่พิสูจน์เลยหรอ แต่หลักจากบรรทัดนั้นมาทัศนะคติของเขาดีนะครับ แต่บรรทัดที่ขีดเส้นไว้นี่มันแบบ......
โลกเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมชอบทฤษฎีนี้ครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ cr.[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมเบื่อคนที่นับถือพราหมณ์แต่ชอบบอกว่าพุทธ พุทธ พุทธ เฮ้อ !!! ไหว้สิ่งที่ไม่มีตัวตน เชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันไม่มี
ต้องการคำตอบว่ามันมีแล้วมียังไงครับ ? เป็นยังไงครับ ?
ไม่ใช่มาถามผมกลับว่าถ้าไม่มีจริงก็พิสูจน์ซิว่าไม่มีจริง ก็ในเมื่อมันไม่มีพิสูจน์ยังไงมันก็ไม่มี ตรรกะป่วยนะครับคนพวกนี้
การที่จะเกิดคำถามแย้งกับคนที่เชื่อๆเนี่ยมันก็ต้องเชื่อมาก่อนแต่อยู่ไปอยู่มาแล้วมันไม่ใช่ ผมก็เคยเชื่อมาก่อนพึ่งตาสว่าง
คำถามเลยเกิดขึ้นมาว่ามันมีจริงหรอ ? มันเป็นยังไง ? คนที่ยังเชื่อก็ลองบอกมาซิเป็นยังไง
ไม่ต้องมากกว่าเลยครับประมาทนั่นแหละถ้าชนกันก็ต้องเกิดจากความประมาทจากคนใดคนนึง ไม่เกี่ยวกับผีเผลออะไรเลย
ส่วนเรื่องเครื่องลางของขลังพระเครื่องอันนี้นี่หนักเลยคนไปเชื่อกันผิด
ไม่มีใครกล้าให้ลองยิง แต่ถึงเวลาคุยโม้โอ้อวดพอไม่เชื่อก็หาว่าลบหลู่
แค่เศษดินเศษหินเศษเหล็กมันจะมาช่วยอะไรจากกระสุนครับจากมีดดาบจากการเกิดอุบัติเหตุ
สิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ สิ่งที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง สิ่งงมงาย