วันนี้พามาลองเนื้อ Black Wagyu ที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่นกันครับ สำหรับคนรักเนื้อแล้ว เนื้อวากิว เป็นเนื้อที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นในเมืองไทยครับ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแทบจะไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ จริงๆเนื้อวากิวในเมืองไทยก็มีนำเข้ามาจากหลายประเทศครับ หลักๆก็จะเป็นออสเตรเลียและญี่ปุ่น แต่ของร้านนี้จะเป็นแบล็ควากิวจากเมืองกุมมะ ซึ่งเป็นเนื้อวัวพันธ์เดียวกันกับเนื้อโกเบ หรือเนื้อมัตสึซากะ เพียงแค่เลี้ยงต่างเมืองเลยทำให้ชื่อเรียกต่างกันแค่นั้นครับ



ร้านอิโต-คาโจ (Ito-Kacho) เป็นร้าน Fine Yakiniku Dining อยู่ที่ตึกNihonmura โครงการ2 ชั้น1 ซึงอยู่ในซอยทองหล่อ13 เป็นร้านสาขามาจากโตเกียวครับ และขยายมายังสิงคโปร์และประเทศไทย ตอนผมไปถึงผมพยายามหาร้านอยู่ว่าอยู่ตรงไหน เพราะเค้าบอกชั้น1 แต่จริงๆแล้วชั้นล่างสุดจะเป็นชั้นGครับ ต้องเดินขึ้นบันไดหรือลิฟท์ไปอีก1ชั้น (ซึ่งจริงแล้วก็คือชั้น2)555 ร้านจะอยู่หลบๆมุมด้านในนิดนึงครับ




บรรยากาศร้านจะค่อนข้างสบายๆ ตกแต่งด้วยไม้ ให้บรรยากาศอบอุ่นๆ มีที่รองรับประมาณ100ที่ครับ ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็มีห้องVIPให้บริการด้วย รองรับได้ประมาณ8-10ที่ครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ










ห้องVIPครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โทรมาจองได้เลย


ทุกโต๊ะจะมีปุ่มกดเรียกพนักงานครับ รวมถึงถ้าต้องการขอบิลก็กดปุ่มตรงนี้ได้เลย



อาวุธพร้อมแล้วคร้าบบบบบบบบบบบ





เริ่มจากเมนูลิ้นวัวครับ ขนาด80กรัม (280บาท) ซึ่งคนญี่ปุ่นมักจะทานส่วนนี้เป็นส่วนแรกก่อนเริ่มมื้ออาหารครับ ค่อยๆย่างทีละฝั่งให้สุก แล้วใช้ลิ้นห่อด้วยซอสเกลือ ที่จะมีต้นหอมญี่ปุ่นและกระเทียม สับซอยรวมกันมา จะออกเค็มๆนิดๆครับ ห่อเสร็จก็จับเข้าปากเลย เนื้อของลิ้นวัวจะกรุบๆเบาๆ ทานไปคำแรกแล้วจะมีกลิ่นนิดๆครับ ผมเลยลองอีกคำ ทำแบบเดิมเลย แต่บีบมะนาวก่อนครับ รสชาติกลมและดีขึ้นเยอะเลยครับ







ล้างปากเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็มาต่อที่ ทาราบะ  (680บาท) เป็น King Crab จากHokkaidoครับ เอามาย่างบนเตาอีกหน่อยครับ พอให้หอมครับ ข้อแนะนำสำหรับเมนูนี้ อย่าย่างเพลินนะครับ เพราะถ้าสุกมาก เนื้อมันจะติดและแกะทานยากครับ เนื้อขาปูออกจะหวานนิดๆเค็มหน่อยๆครับ ไม่ต้องจิ้มอะไรเลยครับ





ต่อด้วยสลัดมันบดจานใหญ่กำลังดี ไว้ทานตัดรสเนื้อได้ดีครับ สลัดมันบดก็จะเหมือนทั่วไปครับ ใส่แครอท ไข่ต้ม แตงและเบคอน บางร้านอาจจะใช้เบคอนหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าแล้วคลุกเคล้าผสมไปในมันบดเลย แต่ที่นี่จัดมาโดยเอาเบคอนมาเรียงตัวเป็นtowerให้ดูดีขึ้นไปอีกครับ
ส่วนรสชาติก็ไม่ต่างจากที่อื่นมาก คือจะจืดๆและมันๆหน่อย



มาต่อที่จานหลักจานพระเอกของเราครับ ชุดมัตสึ (3,580บาท) เป็นเนื้อแบล็ควากิว ซึ่งแยกมาเป็นเนื้อ6ส่วนด้วยกันครับ โดยในจานจะมี5ส่วน แล้วเป็นเนื้อแบล็ควากิวหมักในโหลเล็กๆอีกส่วนนึง รวมๆแล้วทั้งหมด 560กรัม


เริ่มจากส่วนที่1 แบล็ควากิวโรสึ (80กรัม) เป็นส่วนส่วนคอถึงไหล่ครับ (Chuck)ซึ่งเป็นส่วนที่ร้านส่วนใหญ่จะเสิร์ฟมาเป็นชิ้นสเต็กครับ และเป็นส่วนที่นุ่มมมมที่สุด และมีไขมันกระจายอยู่ทั่วทั้งชิ้นเนื้อ ย่างบนไฟพอให้สุกแบบmedium แล้วจิ้มกับเกลือนิดๆ ละลายเลยครับ  




ส่วนที่2 เนื้อแบล็ควากิว โทกุโจบาระ (80กรัม) ซึ่งเป็นส่วนที่พิเศษที่สุด มีเพียง 20 % ของตัววัว เนื้อจะมีความเบา และนุ่มมากกกกกๆๆ หรือเรียกส่วนนี้ว่า Short Ribครับ


ส่วนที่3 เนื้อแบล็ควากิว โทโมะบาระ (Karubi) (80กรัม)หรือเสือร้องไห้ที่คนไทยรู้จักดีครับ เป็นเนื้อบริเวณส่วนอกถึงท้อง มีความอ่อนนุ่มเพราะเป็นส่วนที่มีมันเยอะสุดครับ


ส่วนที่4 เนื้อแบล็ควากิว นากะบาระ (80กรัม)ส่วนนี้จะเป็นเนื้อแดง ไขมันแทรกจะน้อย ตัวนี้จะมีกลิ่นเนื้อบางๆเตะจมูกอยู่ด้วยครับ


ส่วนที่5 เนื้อแบล็ควากิว ไคโนมิ (80กรัม) เป็นเนื้อส่วนที่อยู่บริเวณซี่โครงด้านขวาของวัวครับ


ในเซ็ตนี้ยังมีแบล็ควากิวหมักในโหลเล็กๆ(160กรัม) ตัวนี้จะหมักด้วยโชยุ ทิ้งไว้24-48ชม. ก่อนนำมาเสิร์ฟครับ ส่วนนี้เป็นอีกส่วนที่นุ่มมาก หมักมาเค็มเข้าเนื้อกำลังดีครับ แต่ถ้าได้ข้าวสวยร้อนๆมาทานคู่กันแล้วน่าจะดีเลยครับ


ผมลองละเมียดทานทั้ง6ส่วนอย่างช้าๆในแต่ละส่วนแล้วจริงๆแล้วมันก็นุ่มมากๆทุกส่วนครับ แต่ถ้าให้ผมเรียงลำดับส่วนตัวผมเองผมจะเรียงนุ่มที่สุดจะเป็นส่วนที่1-เนื้อหมักในโหล-2--3-5และ4ครับ อาจจะเป็นที่ว่าส่วนที่4จะมีมันแทรกน้อยก็ได้

เนื้อแบล็ควากิวโรสึ ส่วนที่1ครับ นุ่มละลายยยยยในปากจริงๆ


เนื้อแบล็ควากิว โทกุโจบาระ ส่วนที่2ครับ





ส่วนใครไม่ทานเนื้อก็มีหมูให้เลือกทานด้วยนะครับ หมูเป็นหมูหมักซอสมิโสะครับ (160กรัม) ใช้เวลาหมักนานพอๆกันกับเนื้อหมักเลยคือ24-48ชม.ครับ ทานเนื้อนุ่มๆไปแล้วมาทานหมู เลยรู้สึกไม่อร่อยและแข็งไปเลยครับ ภรรยาผมไม่ทานเนื้อแต่ไม่ได้เพราะเรื่องของการนับถืออะไรนะครับ แค่ไม่ทานมานานมากๆแล้วก็เลยเลิกทานไปโดยปริยาย พอลองมาทานเนื้อดูก็ติดใจเลยถึงความนุ่มของแบล็ควากิวเลย



สุดท้ายของปิ้งย่างมื้อนี้ จะเป็นไส้วัว (80กรัม) 200บาท เป็นไส้หมักด้วยมิโสะครับ จะเค็มๆมันๆ เหมือนทานเอ็นเนื้อครับ ผมทานแล้วจะคล้ายๆกับส่วนเอ็นครับ แต่จะมีความมันกว่าและเหนียวกว่าหน่อยนึง เค็มๆมันๆครับ






ปิดท้ายด้วยไอศครีม Mixed Berry (190บาท) เมนูนี้จะเสิร์ฟมาบนชามหิน แช่เย็นมาให้เย็นจัดครับ แล้วจัดวางเรียงด้วยไอศครีมวนิลลาและ Rasberry Sherbet, Cheese cake, Frozen Strawberry, Frozen Rasberryและ Wripping Creamสดครับ วิธีทานก็ต้องนำมาคลุกเคล้าให้ทุกอย่างเข้ากันครับ รสชาติจะหวานๆเปรี้ยวๆ ทานแล้วจะมีเนื้อของผลไม้และชีสเค้กผสมผสานกัน เป็นรสใหม่ที่อร่อยลงตัวดีครับ เป็นการตัดรสจากมื้อหนักๆ ปิดท้ายได้ดีเลยครับ เมนูนี้สามารถเปลี่ยนรสชาติของไอศครีมได้นะครับ












อิ่มหนำสำราญกับแบล็ควากิวเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่หนำใจ ไม่จุใจก็รอโปรโมชั่นใหม่ของทางร้านได้นะครับ ซึ่งจะเริ่ม1เมษายนนี้แล้ว จะเป็น Buffetแบบพรีเมี่ยม ซึ่งจะมีเมนูให้เลือกร้อยกว่าเมนู โดยGold Course Buffet  จะอยู่ที่1,999บาท จะเป็นเนื้อวากิวUSชั้นเลิศอาทิ เนื้อคารูบิ เนื้อสันคอสุดนุ่ม ทานได้ไม่อั้นพร้อมเมนูอื่นๆอาทิปูทาราบะ กุ้งลายเสือ หอยเชลล์โฮตาเตะ หมูไก่ ซูชิ สลัด ตลอดจนของหวานเครื่องดื่มเบียร์ และสาเกที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น  และPlatinum Course Buffet จะอยู่ที่2,499บาทครับ เต็มอิ่มจุใจแบบราชาด้วยเนื้อแบล็ควากิวจากญี่ปุ่น ยกขบวนมาทั้งโทกุโจบาระ เนื้อที่มีชั้นลายไขมันสลับชั้นกำลังดี เนื้อนุ่มละลายในปาก หรือเนื้อแบล็ควากิวโรสึ เนื้อวากิวจากส่วนสันคอวัว หรือใครที่ชอบมันน้อยต้องไม่พลาด นากะบาระ เนื้อแดงจากส่วนท้องวัว พร้อมอาหารทะเล ปูทาราบะ กุ้งลายเสือ หอยเชลล์โฮตาเตะ หมูไก่ ซูชิ สลัด ของหวานอย่างมิกซ์เบอรี่ ไอศกรีม เสิร์ฟพร้อมราสเบอรี่ สตอเบอรี่ ชีสเค้ก และเครื่องดื่มเบียร์ สาเก ทานได้ไม่อั้นตลอด2ชั่วโมงเต็มครับ



ฝากติดตามรีวิวร้านอื่นๆของเราได้เพิ่มเติมอีกสองช่องทางนะครับ
1. ทางเฟส http://www.facebook.com/letseatthailand และ
2. ทางBlog http://www.LetsEatThailand.com ด้วยนะคร้าบบบบ ขอบคุณครับ