ขอระบายหน่อยนะค่ะ เราทำงานจัดซื้อมามากกว่า 7ปีหละ แต่มาทำงานที่ใหม่มี หัวหน้าเป็นผู้หญิง เป้นบริษัทร่วมทุนไทยญี่ปุ่น โรงงานทำกระป๋อง อยู่ที่นิคม หนองแค เป็นบริษัทที่เรา อยากทำมากตอนยังไม่ได้เข้าไปทำงาน แต่ลองมาอ่านเรื่องที่เราเขียนนะว่าคุณคิดงัยบ้างกับเหตุการณ์แบบนี้
วันแรก ก็มีการอบรม ปกติเหมือนบริษัท ทั่วไปในช่วงเช้า และช่วงบ่ายเข้าแผนกตัวเอง เราก็ไปแนะนำตัวที่แผนก ตัวเองและแผนกอื่นด้วย และก็ เริ่ม เรียนรู้ ระบบงาน เพราะบริษัทนี้ ใช้ ระบบ b-plus หรือ P-plus เนี่ยหละ ซึ่งเราเคยใช้แต่ SAP,MRP system ก็เลยมาเรียนรู้ระบบโดยมีคนอธิบายนะ เพื่อจะได้ใช้เปิดเอกสาร แต่ทว่ามันมี cost center เยอะเหมือนกันเ เรากำลังเรียนงานอยู่ ผจ.เรากลับตำนิเราว่าคอเสื้อกว้างไป เธอจะโชว์ใครกัน งงมากค่ะ ตอนโดนตำนิเพราะไม่เกี่ยวไรกับงานเลยแม้แต่น้อย จบวันแรกไป
วันที่สอง ก็เริ่มทักทาย เพื่อนร่วมงานในแผนก ยิ้มให้เพื่อนร่วมงานแผนกอื่นบ้าง แค่ยิ้มนะค่ะเพราะยังไม่รู้จัก แล้วก็ก้มหน้าก้มตา ทำความเข้าใจกับ cost center เพื่อต้องการไม่ให้ผิดพลาดเวลาเปิดเอกสาร po. พอดีมีโทรศัพท์ดังในแผนก แต่ไม่ใช่โต๊ะทำงานเรานะ เราเลยไม่ได้สนใจ ก็นั่งทำความเข้าใจกับงานตัวเอง เพราะมันไม่ใช้โทรศัพท์เครื่องเรา เรากลัวว่าถ้าไปรับก็จะไปก้าวก่ายโทรศัพท์เพื่อนร่วมงาน ช่วงบ่ายผจ.ก็เลยตำนิ ว่าเธอไมไม่รับโทรศัพท์ เดี่ยวฉันก็สวดยับเลยนิ โอโห้ เกิดมาทำงานมา ก็หลายทีแล้ว ไม่เคยได้ยินหัวหน้างาน เขาพูดแบบนี้ เลย พอตอนเย็นเผจ.ก็บอกให้เราทักทายผู้ใหญ่ของบริษัท และคนญี่ปุ่นในบริษัท ร่วมทั้งแผนกอื่นด้วย เพื่อจะได้ประสานงานกันได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่สนใจใคร ต้องหัดทักทาย (ได้ยินแบบนี้เพลียค่ะ )และก็นั่งให้เต็มเก้าอี้หน่อยนั่งเหมือนยังกับนอน (มันอะไรกันนักหน่าเนี่ยเราคิดนะ) หมดวันที่ สองแบบอารมณ์แย่อะ
วันที่สาม ก็ทักทาย เพื่อนร่วมงาน และก็เริ่มขอใบเสนอราคา และเปิดเอกสารpo .เราก็พอทำได้แต่ก็จำได้ไม่ครบทุกขั้นตอน (เผอิญ เครื่องคอมเรามันเกิดเปลี่ยนkey อังกฤษ-ไทย ไม่ได้ เราเลยถามเพื่อนร่วมแผนก เพราะเราลืมจริงๆ มันไม่ค่อยเกิดปัญหาเลยไม่ค่อยได้สนใจ แต่กลับกลายเป็นว่า มันเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผจ. แถม 2วันที่ผ่านมา เราพิมพ์งาน ช้า มาก สงสัยเกรง และโต๊ะ ผจ.หันหน้ามาตรงที่เรานั่งทำงาน ห่างไม่ถึง1 เมตร ได้ ตอนเย็นเราก็โดนตำนิว่า “เธอใช้คอมไม่เป็นหรอไมแค่เปลี่ยนสลับอักษร ก็ทำไม่ได้ พิมพ์ก็ช้า อย่างนี่โอกาสผ่านคงจะไม่มี แล้วก็ มีผู้ใหญ่ตำนิว่าเธอไม่ค่อยทักทาย “ .ในใจกะจะสวนออกไปแล้วนะ แต่คิดว่าเรามีวุฒิภาวะทางอารมณ์แล้วนะ ไม่ควรแสดงออกไป เราก็เลยได้แต่กำมือแน่น คงพอกันที่กับบริษัทฯแบบนี้ ขอลาออก
วันที่ สี่เลย ตัดสินใจโทรไปลาออกเพื่อตัดปัญหา คงเป็นเพราะเราไม่เหมาะที่จะร่วมงานกับบริษัทนี่แล้วหละ ก็เลยโทรไปหาHRว่าเราเข้ากับองค์กรไม่ได้ โดยไม่ได้แจ้งนายตัวเองนะ นึกว่าจบแล้วนะ แต่ที่ไหนได้ มีรุ่นพี่ที่เราอ้างอิงในใบสมัครงาน โทรมาหาเราบอกว่า มีผู้หญิงแก่ น้ำเสีย ไร้มารยาทโทรมาถามเรื่องของเรา รุ่นพี่เราตอบแบบสุภาพมากๆ แต่ในใจลึกๆ รุ่นพี่เราอยากกดสายทิ้งเลย รุ่นพี่เราบอกว่าเขาโทรมาถามว่าเราเข้ากับคนอื่นเป็นงัยบ้าง และก็ใช้คอมพิวเตอร์เป็นหรือ รุ่นพี่เราตอบไปว่า”เราเข้ากับคนอื่นได้ดี ส่วนคอมพิวเตอร์ ถ้าใช้ไม่เป็นจะทำงานได้อย่างไร “ ได้อ่านแล้วเป็นงัยบ้างค่ะ เราก็เลยคุยให้รุ่นพี่ฟังเหมือนเหตุการณ์ที่เขียนระบายไว้บนด้านบนนี้หละค่ะ
ขอระบายหน่อยค่ะกับเรื่องหัวหน้างาน ที่เราต้องขอลาออก
วันแรก ก็มีการอบรม ปกติเหมือนบริษัท ทั่วไปในช่วงเช้า และช่วงบ่ายเข้าแผนกตัวเอง เราก็ไปแนะนำตัวที่แผนก ตัวเองและแผนกอื่นด้วย และก็ เริ่ม เรียนรู้ ระบบงาน เพราะบริษัทนี้ ใช้ ระบบ b-plus หรือ P-plus เนี่ยหละ ซึ่งเราเคยใช้แต่ SAP,MRP system ก็เลยมาเรียนรู้ระบบโดยมีคนอธิบายนะ เพื่อจะได้ใช้เปิดเอกสาร แต่ทว่ามันมี cost center เยอะเหมือนกันเ เรากำลังเรียนงานอยู่ ผจ.เรากลับตำนิเราว่าคอเสื้อกว้างไป เธอจะโชว์ใครกัน งงมากค่ะ ตอนโดนตำนิเพราะไม่เกี่ยวไรกับงานเลยแม้แต่น้อย จบวันแรกไป
วันที่สอง ก็เริ่มทักทาย เพื่อนร่วมงานในแผนก ยิ้มให้เพื่อนร่วมงานแผนกอื่นบ้าง แค่ยิ้มนะค่ะเพราะยังไม่รู้จัก แล้วก็ก้มหน้าก้มตา ทำความเข้าใจกับ cost center เพื่อต้องการไม่ให้ผิดพลาดเวลาเปิดเอกสาร po. พอดีมีโทรศัพท์ดังในแผนก แต่ไม่ใช่โต๊ะทำงานเรานะ เราเลยไม่ได้สนใจ ก็นั่งทำความเข้าใจกับงานตัวเอง เพราะมันไม่ใช้โทรศัพท์เครื่องเรา เรากลัวว่าถ้าไปรับก็จะไปก้าวก่ายโทรศัพท์เพื่อนร่วมงาน ช่วงบ่ายผจ.ก็เลยตำนิ ว่าเธอไมไม่รับโทรศัพท์ เดี่ยวฉันก็สวดยับเลยนิ โอโห้ เกิดมาทำงานมา ก็หลายทีแล้ว ไม่เคยได้ยินหัวหน้างาน เขาพูดแบบนี้ เลย พอตอนเย็นเผจ.ก็บอกให้เราทักทายผู้ใหญ่ของบริษัท และคนญี่ปุ่นในบริษัท ร่วมทั้งแผนกอื่นด้วย เพื่อจะได้ประสานงานกันได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่สนใจใคร ต้องหัดทักทาย (ได้ยินแบบนี้เพลียค่ะ )และก็นั่งให้เต็มเก้าอี้หน่อยนั่งเหมือนยังกับนอน (มันอะไรกันนักหน่าเนี่ยเราคิดนะ) หมดวันที่ สองแบบอารมณ์แย่อะ
วันที่สาม ก็ทักทาย เพื่อนร่วมงาน และก็เริ่มขอใบเสนอราคา และเปิดเอกสารpo .เราก็พอทำได้แต่ก็จำได้ไม่ครบทุกขั้นตอน (เผอิญ เครื่องคอมเรามันเกิดเปลี่ยนkey อังกฤษ-ไทย ไม่ได้ เราเลยถามเพื่อนร่วมแผนก เพราะเราลืมจริงๆ มันไม่ค่อยเกิดปัญหาเลยไม่ค่อยได้สนใจ แต่กลับกลายเป็นว่า มันเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผจ. แถม 2วันที่ผ่านมา เราพิมพ์งาน ช้า มาก สงสัยเกรง และโต๊ะ ผจ.หันหน้ามาตรงที่เรานั่งทำงาน ห่างไม่ถึง1 เมตร ได้ ตอนเย็นเราก็โดนตำนิว่า “เธอใช้คอมไม่เป็นหรอไมแค่เปลี่ยนสลับอักษร ก็ทำไม่ได้ พิมพ์ก็ช้า อย่างนี่โอกาสผ่านคงจะไม่มี แล้วก็ มีผู้ใหญ่ตำนิว่าเธอไม่ค่อยทักทาย “ .ในใจกะจะสวนออกไปแล้วนะ แต่คิดว่าเรามีวุฒิภาวะทางอารมณ์แล้วนะ ไม่ควรแสดงออกไป เราก็เลยได้แต่กำมือแน่น คงพอกันที่กับบริษัทฯแบบนี้ ขอลาออก
วันที่ สี่เลย ตัดสินใจโทรไปลาออกเพื่อตัดปัญหา คงเป็นเพราะเราไม่เหมาะที่จะร่วมงานกับบริษัทนี่แล้วหละ ก็เลยโทรไปหาHRว่าเราเข้ากับองค์กรไม่ได้ โดยไม่ได้แจ้งนายตัวเองนะ นึกว่าจบแล้วนะ แต่ที่ไหนได้ มีรุ่นพี่ที่เราอ้างอิงในใบสมัครงาน โทรมาหาเราบอกว่า มีผู้หญิงแก่ น้ำเสีย ไร้มารยาทโทรมาถามเรื่องของเรา รุ่นพี่เราตอบแบบสุภาพมากๆ แต่ในใจลึกๆ รุ่นพี่เราอยากกดสายทิ้งเลย รุ่นพี่เราบอกว่าเขาโทรมาถามว่าเราเข้ากับคนอื่นเป็นงัยบ้าง และก็ใช้คอมพิวเตอร์เป็นหรือ รุ่นพี่เราตอบไปว่า”เราเข้ากับคนอื่นได้ดี ส่วนคอมพิวเตอร์ ถ้าใช้ไม่เป็นจะทำงานได้อย่างไร “ ได้อ่านแล้วเป็นงัยบ้างค่ะ เราก็เลยคุยให้รุ่นพี่ฟังเหมือนเหตุการณ์ที่เขียนระบายไว้บนด้านบนนี้หละค่ะ