ก่อนอื่นผมขอยอมรับว่า ในทางวิทยาศาสตร์ เรื่องกรรมเก่า เรื่องราวของ การเวียนวายตายเกิด มันยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่สามารถฟันธงได้ 100% ว่ามันไม่มี หรือเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ... แต่ถ้าใครในเวปบอร์ดนี้ คือว่ามันไม่มีร้อยเปอร์เซนต์ และในอนาคตก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็ช่วยหาหลักฐานมายืนยัน หรืออ้างซื่อนักวิทยาศาสตร์ และผลการพิศูจน์ของเขา มายืนยันในกระทู้นี้หน่อย...
เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด มันเป็นหลักความเชื่อที่มีมานาน ก่อนพระพุทธศาสนาจะเกิดเสียอีก แต่ถามว่าทำไมทุกวันนี้ความเชื่อเหล่านี้มันยังทุก ท่ามกลางสังคมที่กำลังก้าวหน้าไปด้วยวิทยาศาสตร์ ถามว่าความเชื่อเหล่านั้น มันเหลวไหลไร้สาระ โดยไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลเลยใช่หรือไม่
แต่ในความเป็นจริงมันเป็นเพราะ ชุดความคิดในเรื่องการเวียนวายตายเกิด ซึ่งผูกโยงไปถึงเรื่องกรรม มันตอบสนองและเติมเต็มต่อความอย่ารู้อยากเห็นของมนุษย์ กับคำถามเหล่านี้ที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาทำไม... ทำไม่คนเราถึงแตกต่างกัน และมันมีสาเหตุเกิดจากปัจจัยใดๆ บ้าง เช่น
ความแตกต่างด้านร่างกาย ทำไมคนเราเกิดมาหน้าตาไม่เหมือนกัน บ้างเกิดมาหน้าตาดี บ้างเกิดมาหน้าตาไม่ดี หรือบางคนเกิดมาสมบูรณ์ครบสามสิบสอง แต่บางคนกลับเกิดมาพิการ ไม่สมประกอบ ฯลฯ
ความแตกต่างทางด้านสถานะทางสังคม บางคนเกิดมาจนมีชีวิตที่ลำบาก บางคนเกิดมารวยมีชีวิตที่สุขสบาย หรือบางคนก็เคยประสพกับสภาวะทั้งสองแบบในทั้งช่วงชีวิตคนคนหนึ่ง
ความแตกต่างในด้านนามธรรม เช่น บางคนเกิดมาชีวิตมีแต่ทุกข์เป็นส่วนใหญ่ ผิดกลับบางคนที่ชีวิตเกิดมามีแต่สุขเป็นใหญ่
ทั้งหมดที่กล่าว เราจะใช้อะไรในหาคำตอบ ถามว่าวิทยาศาสตร์ตอบคำถามได้หมดไหม... ผมว่าไม่หมด และบางอย่างก็ไม่เคลียร์ ที่สำคัญมันวิทยาศาสตร์ตอบคำถามได้แค่ว่า มันเกิดอย่างนี้ได้อย่างไร อะไรเป็นสาเหตุ ซึ่งมันได้คำตาบมาจากการตั้งคำถาม สังเกตุ และทดลอง จนได้คำตอบ
แต่ถ้าถามต่อไปว่า ทำไมมันถึงเกิดมาเป็นอย่างนี้... วิทยาศาสตร์กลับตอบไม่ได้อย่าเต็มปากเต็มคำ นอกจากโยนไปให้เป็นความหลากหลายของธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับนามธรรม เช่นเรื่องความรู้สึกของมนุษย์อย่าง ความรัก วิทยาศาสตร์สามารถหาเหตุผลได้ไหมว่า ทำไมผู้ชายคนหนึ่งถึงรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ จนเขียนเป็นตำราระบุได้เลยว่า ผู้ชายแบบนี้ต้องชอบผู้หญิงแบบนี้ ผู้หญิงแบบนี้ต้องชอบผู้ชายแบบนี้ แม้แต่วิธีการจีบควรทำอย่างไร
มันคือเรื่องนามธรรม ที่วิทยาศาสตร์ทำนายไม่ได้ มิเช่นนั้นโลกเราใบนี้คงไม่มีคำว่า พรมขิลิต บัญญัติเป็นคำหนึ่งที่อธิบายแทนความรู้เกี่ยวกับความรัก
กลับมาในกรณีการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในกระทู้นี้ ผมขอยกตัวอย่างในบางกรณีเช่น
1.เด็กสองคน คนหนึ่งเกิดมาในครอบครัวร่ำรวย แต่เด็กอีกกลับเกิดครอบคัวที่ยากจน ผมอยากถามว่าอะไรกำหนดให้เป็นเช่นนั้น ถ้าให้ตอบในหลักของวิทยาศาสตร์ ผมคงตอบไม่ได้ในประเด็นนี้ แต่ให้ตอบในมุมของศาสนา น่าจะเป็นเพราะ เด็กทั้งสองคนทำกรรมมาต่างกัน เด็กคนแรกชาติที่แล้วอาจทำบุญมาเยอะชาตินี้เลยเกิดมาในครัวที่ร่ำรวย ในขณะที่เด็กอีกคนหนึ่งชาติที่แล้วก็อาจทำบุญ หรือกรรมดีมาน้อยก็เลย ทำให้เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ใช้ชีวิตปากกัดตีนถืบ มันคำตอบในเบื้องต้นที่สามารถตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของคนได้มากกว่า คำตอบของวิทยาศาสตร์ที่สุดท้ายในกรณีนี้ อาจจะโยนไปในเรื่องความหลากหลาย และความไม่เท่าเทียวกันของธรรมชาติ ที่ให้คนเกิดมาแตกต่างกัน
2.เด็กคนหนึ่งเกิดมาพิการตั้งแต่กำเนิด แต่อีกคนกับเกิดมาสมบูรณ์ครบสามสิบสอง
- ถ้าตอบในแง่วิทยาศาสตร์ สาเหตุเกิดเพราะ ความผิดปกติของยีน หรือเกิดจากภาวะผิดปกติของการตั้งครรภ์จากคนเป็นเป็นแม่ ในขณะที่เด็กอีกคนเกิดมาไม่พิการ เพราะไม่มีความผิดปกติของยีน หรือเกิดสภาวะผิดปกติขณะตั้งครรภ์ของคนเป็นแม่เหมือนในกรณีแรก คำตอบแค่นี้ก็น่าเป็นที่หน้าพอใจ ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าถามต่อไปว่า แล้วทำไมมันเป็นอย่างนี้ล่ะ มีใครกำหนดให้เป็นไป ในทางวิทยาศาสตร์อาจจะบอกมาเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ถ้าถามตามหลักของศาสนามันก็คือ เป็นเพราะกรรมดีกรรมชั่วที่เราเคยทำมา จึงส่งผลให้เป้นเช่นนี้
ใครคิดย่างไรลองมาแลกเปลี่ยนคนเห็นกันดู... ผมเลยขอจบไว้แค่นี้ก่อน
คำถาม สำหรับคนทึ่ไม่เชื่อเรื่อง กรรมเก่า หรือ การเวียนวายตายเกิด
เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด มันเป็นหลักความเชื่อที่มีมานาน ก่อนพระพุทธศาสนาจะเกิดเสียอีก แต่ถามว่าทำไมทุกวันนี้ความเชื่อเหล่านี้มันยังทุก ท่ามกลางสังคมที่กำลังก้าวหน้าไปด้วยวิทยาศาสตร์ ถามว่าความเชื่อเหล่านั้น มันเหลวไหลไร้สาระ โดยไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลเลยใช่หรือไม่
แต่ในความเป็นจริงมันเป็นเพราะ ชุดความคิดในเรื่องการเวียนวายตายเกิด ซึ่งผูกโยงไปถึงเรื่องกรรม มันตอบสนองและเติมเต็มต่อความอย่ารู้อยากเห็นของมนุษย์ กับคำถามเหล่านี้ที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาทำไม... ทำไม่คนเราถึงแตกต่างกัน และมันมีสาเหตุเกิดจากปัจจัยใดๆ บ้าง เช่น
ความแตกต่างด้านร่างกาย ทำไมคนเราเกิดมาหน้าตาไม่เหมือนกัน บ้างเกิดมาหน้าตาดี บ้างเกิดมาหน้าตาไม่ดี หรือบางคนเกิดมาสมบูรณ์ครบสามสิบสอง แต่บางคนกลับเกิดมาพิการ ไม่สมประกอบ ฯลฯ
ความแตกต่างทางด้านสถานะทางสังคม บางคนเกิดมาจนมีชีวิตที่ลำบาก บางคนเกิดมารวยมีชีวิตที่สุขสบาย หรือบางคนก็เคยประสพกับสภาวะทั้งสองแบบในทั้งช่วงชีวิตคนคนหนึ่ง
ความแตกต่างในด้านนามธรรม เช่น บางคนเกิดมาชีวิตมีแต่ทุกข์เป็นส่วนใหญ่ ผิดกลับบางคนที่ชีวิตเกิดมามีแต่สุขเป็นใหญ่
ทั้งหมดที่กล่าว เราจะใช้อะไรในหาคำตอบ ถามว่าวิทยาศาสตร์ตอบคำถามได้หมดไหม... ผมว่าไม่หมด และบางอย่างก็ไม่เคลียร์ ที่สำคัญมันวิทยาศาสตร์ตอบคำถามได้แค่ว่า มันเกิดอย่างนี้ได้อย่างไร อะไรเป็นสาเหตุ ซึ่งมันได้คำตาบมาจากการตั้งคำถาม สังเกตุ และทดลอง จนได้คำตอบ
แต่ถ้าถามต่อไปว่า ทำไมมันถึงเกิดมาเป็นอย่างนี้... วิทยาศาสตร์กลับตอบไม่ได้อย่าเต็มปากเต็มคำ นอกจากโยนไปให้เป็นความหลากหลายของธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับนามธรรม เช่นเรื่องความรู้สึกของมนุษย์อย่าง ความรัก วิทยาศาสตร์สามารถหาเหตุผลได้ไหมว่า ทำไมผู้ชายคนหนึ่งถึงรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ จนเขียนเป็นตำราระบุได้เลยว่า ผู้ชายแบบนี้ต้องชอบผู้หญิงแบบนี้ ผู้หญิงแบบนี้ต้องชอบผู้ชายแบบนี้ แม้แต่วิธีการจีบควรทำอย่างไร
มันคือเรื่องนามธรรม ที่วิทยาศาสตร์ทำนายไม่ได้ มิเช่นนั้นโลกเราใบนี้คงไม่มีคำว่า พรมขิลิต บัญญัติเป็นคำหนึ่งที่อธิบายแทนความรู้เกี่ยวกับความรัก
กลับมาในกรณีการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในกระทู้นี้ ผมขอยกตัวอย่างในบางกรณีเช่น
1.เด็กสองคน คนหนึ่งเกิดมาในครอบครัวร่ำรวย แต่เด็กอีกกลับเกิดครอบคัวที่ยากจน ผมอยากถามว่าอะไรกำหนดให้เป็นเช่นนั้น ถ้าให้ตอบในหลักของวิทยาศาสตร์ ผมคงตอบไม่ได้ในประเด็นนี้ แต่ให้ตอบในมุมของศาสนา น่าจะเป็นเพราะ เด็กทั้งสองคนทำกรรมมาต่างกัน เด็กคนแรกชาติที่แล้วอาจทำบุญมาเยอะชาตินี้เลยเกิดมาในครัวที่ร่ำรวย ในขณะที่เด็กอีกคนหนึ่งชาติที่แล้วก็อาจทำบุญ หรือกรรมดีมาน้อยก็เลย ทำให้เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ใช้ชีวิตปากกัดตีนถืบ มันคำตอบในเบื้องต้นที่สามารถตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของคนได้มากกว่า คำตอบของวิทยาศาสตร์ที่สุดท้ายในกรณีนี้ อาจจะโยนไปในเรื่องความหลากหลาย และความไม่เท่าเทียวกันของธรรมชาติ ที่ให้คนเกิดมาแตกต่างกัน
2.เด็กคนหนึ่งเกิดมาพิการตั้งแต่กำเนิด แต่อีกคนกับเกิดมาสมบูรณ์ครบสามสิบสอง
- ถ้าตอบในแง่วิทยาศาสตร์ สาเหตุเกิดเพราะ ความผิดปกติของยีน หรือเกิดจากภาวะผิดปกติของการตั้งครรภ์จากคนเป็นเป็นแม่ ในขณะที่เด็กอีกคนเกิดมาไม่พิการ เพราะไม่มีความผิดปกติของยีน หรือเกิดสภาวะผิดปกติขณะตั้งครรภ์ของคนเป็นแม่เหมือนในกรณีแรก คำตอบแค่นี้ก็น่าเป็นที่หน้าพอใจ ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าถามต่อไปว่า แล้วทำไมมันเป็นอย่างนี้ล่ะ มีใครกำหนดให้เป็นไป ในทางวิทยาศาสตร์อาจจะบอกมาเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ถ้าถามตามหลักของศาสนามันก็คือ เป็นเพราะกรรมดีกรรมชั่วที่เราเคยทำมา จึงส่งผลให้เป้นเช่นนี้
ใครคิดย่างไรลองมาแลกเปลี่ยนคนเห็นกันดู... ผมเลยขอจบไว้แค่นี้ก่อน