กระทู้นี้จะกล่าวถึง ญีฮาด การต่อสู้สงคราตามแนวทางของ พระเจ้า และ ความอดทนในการสู้รบเท่านั้น
وَالَّذِينَ إِذَا أَصَابَهُمُ الْبَغْيُ هُمْ يَنْتَصِرُونَ
And those who, when great wrong afflicts them, defend themselves.
และเมื่อมีอธรรมมาสู่พวกเขา,พวกเขาทั้งหลายก็ป้องกันตัวเอง
ไม่มีศาสนาใดหรือลัทธิใดที่ศรัทธาต่อพระเจ้าจะสอนให้ มนุษย์ที่พระเจ้าสร้างมา ทำสงครามเพื่อพระเจ้า, พระองค์จะต้องสอนแต่สิ่งที่เป็นคุณธรรม และมีศีลธรรม และที่สำคัญไปกว่านั้น พระเ้จ้าจะต้องทรงอยู่ในความยุติธรรม,มีความกรุณาปราณี ต่อมวลมนุษยชาตเพื่อที่รัศมีแห่งความมีคุณธรรมของพระองค์จะได้ซืมซาบอยู่ใน จิตใจของมวลมนุษยชาต,
ในศาสนาอิสลามก็เช่นกันไม่มีการทำสงคราม หรือ “การ ญีฮาด เพื่อ อัลลอฮ์”
อิสลามสอนให้มุสลิมทำสงครามกับผู้รุกราน
ตามแนวทางที่อัลลอฮ์ทรงบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน, ไม่ใช่ทำสงครามเพื่ออัลลอฮ์
จงทำสงครามตามแนวทางของอัลลอฮ์กับผู้ที่ทำสงครามกับเจ้า
وَقَاتِلُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ الَّذِينَ يُقَاتِلُونَكُمْ
กฏการสงครามสำหรับมุสลิม จะต้องมาจากอัลกุรอานเท่านั้น ซึ่งเป็นหลักการของการสงครามที่ อัลลอฮ์วางแนวทางไว้ให้มุสลิมปฏิบัติ ที่ต็มไปด้วยรายละเอียด ทุกๆกระเบียดนิ้ว ด้วยเหตุนี้, การสงครามในสังคมมุสลิมจึงไม่มีคำว่า, “การทำสงครามเพื่อพระเจ้า และ หรือ/สงครามศักสิทธิ์” ตามความเข้าใจที่ผิดของ มุสลิมและ ครูผู้สอนศาสนาอิสลามบางคน ซึ่งมุสลิมหัวรุนแรง และ มุสลิมISIS จะหลอกลวงมุสลิมว่า ญีฮาดหมายถึงการทำสงครามเพื่ออัลลอฮ์ ซึ่งต่างจากการทำสงครามตามแนวทางที่พระเจ้าบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน
ในอัลกุรอานมีบัญญัติ “ญีฮาด” โดยตรง ประมาณ 164 บัญญัติ ที่เกี่ยวกับ การสงคราม,ในอัลกุรอาน จึงใช้ สำนวนที่ว่า “การทำสงครามตามแนวทางของ อัลลอฮ์”,ภาษาอรับที่ใช้ในอัลกุรอานจึงมักจะใช้คำว่า “فِي سَبِيلِ اللَّهِ” ในแนวทาง(หนทาง)ของอัลลอฮ์เกือบ ทุกๆบัญญัติที่เกี่ยวกับ “การสงคราม” ของมุสลิม เช่น
وَقَاتِلُوا
فِي سَبِيلِ اللَّهِ الَّذِينَ يُقَاتِلُونَكُمْ وَلَا تَعْتَدُوا ۚ إِنَّ اللَّهَ لَا يُحِبُّ الْمُعْتَدِينَ
And fight
in the way of Allah with those who fight with you, and do not exceed the limits, surely Allah does not love those who exceed the limits. [2:190]
أَجَعَلْتُمْ سِقَايَةَ الْحَاجِّ وَعِمَارَةَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ كَمَنْ آمَنَ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ وَجَاهَدَ
فِي سَبِيلِ اللَّهِ ۚ لَا يَسْتَوُونَ عِنْدَ اللَّهِ ۗ وَاللَّهُ لَا يَهْدِي الْقَوْمَ الظَّالِمِينَ
What! do you make (one who undertakes) the giving of drink to the pilgrims and the guarding of the Sacred Mosque like him who believes in Allah and the latter day and strives hard
in Allah's way? They are not equal with Allah; and Allah does not guide the unjust people.[9:19]
الَّذِينَ آمَنُوا وَهَاجَرُوا وَجَاهَدُوا
فِي سَبِيلِ اللَّهِ بِأَمْوَالِهِمْ وَأَنْفُسِهِمْ أَعْظَمُ دَرَجَةً عِنْدَ اللَّهِ ۚ وَأُولَٰئِكَ هُمُ الْفَائِزُونَ
Those who believed and fled (their homes), and strove hard
in Allah's way with their property and their souls, are much higher in rank with Allah; and those are they who are the achievers (of their objects). [9:20]
การต่อสู้และทำสงครามของอิสลามถ้าจะเข้าใจให้ถูกต้องตามอัลกุรอานแล้ว คือการทำสงครามตามที่ อัลลอฮ์กำหนดในอัลกุรอานอย่างละเอียด, เป็นสงครามในการป้องกันการรุกรานของศัตรูผู้หวังทำลายสังคมมุสลิมและหลักการของศาสนาอิสลามเท่านั้น จะทำสงครามรุกรานไม่ได้
บัญญัติในการทำสงครามได้วางไว้อย่างละเอียด ตั้งแต่การใชจิตวิทยา, การเสนอข้อตกลง, การตั้งเงื่อนไขการสงบศึก ไปจนถึง การต่อสู้อย่างถวายชีวิตอย่างทรหดอดทน ในทุกๆทางจนกว่าข้าศึกจะยอมจำนน หรือไม่ก็ยอมตัวเข้ารับอิสลาม และถ้าไม่ยอมรับอิสลามเป็นมุสลิม เป็นพลเมืองของรัฐอิสลาม ก็จะต้องอยู่อย่างคนต่างด้าว ซึ่งมีกฏหมายและระเบียบของคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในรัฐอิสลาม ไม่ต่างจากการปกครองของ ประเทศต่างๆในสมัยนั้น ซึ่งจะนำมาเ้ปรียบเทียบกับ การปฏิบัติในปัจจุบันนี้ไม่ได้ เนื่องจากสภาพสังคมต่างกัน
แต่กฏสงครามที่กำหนดไว้ในอัลกุรอานนั้น มีสำหรับสงครามในการป้องกันตัวเท่านั้นตามที่กล่าวมาแล้ว ไม่มีการอนุมัติให้ทำสงคราม ในการรุกรานประเทศอื่น และหากข้าศึกยอมจำนนหรือมีการออมชอมกันได้ มุสลิมจะต้องหยุดการสงครามทันที จะทำเกินเลยกว่าที่ถูกกระทำไม่ได้
การดูแลเชลยศึกนี้ได้วางไว้อย่างละเอียด จะข่มขืนกระทำชำเราเชลย ศึกหญิง หรือ เอามาทำภรรยาโดยพละการไม่ได้ จะนำมาซื้อขายเป็นหญิงโสเภณีหรือนางบำเรอไม่ได้, เชลยหญิงจะถูกนำมาทำเป็นภรรยาโดยปราศจากเงื่อนไขหรือคำปฏิญาณไม่ได้ คือ จะต้องมีการแต่งงานกันเสียก่อนเป็นสามีภรรยา, ให้การเลี้ยงดูผู้ที่อ่อนแอและขาดผู้เลี้ยงดูและอุ้มชู อย่างยุติธรรม
وَيُطْعِمُونَ الطَّعَامَ عَلَىٰ حُبِّهِ مِسْكِينًا وَيَتِيمًا وَأَسِيرًا
And they give food out of love for Him to the poor and the orphan and the captive[76:8]
และพวกเขาทั้งหลายก็ให้อาหารเลี้ยงดู ผู้ยากจน,เด็กกำพร้าและเชลยศึกด้วยความรักที่มีต่ออัลลอฮ์
ไม่มีการทำสงคราม "ญีฮาด" เพื่ออัลลอฮ์ในศาสนาอิสลาม
And those who, when great wrong afflicts them, defend themselves.
และเมื่อมีอธรรมมาสู่พวกเขา,พวกเขาทั้งหลายก็ป้องกันตัวเอง
ไม่มีศาสนาใดหรือลัทธิใดที่ศรัทธาต่อพระเจ้าจะสอนให้ มนุษย์ที่พระเจ้าสร้างมา ทำสงครามเพื่อพระเจ้า, พระองค์จะต้องสอนแต่สิ่งที่เป็นคุณธรรม และมีศีลธรรม และที่สำคัญไปกว่านั้น พระเ้จ้าจะต้องทรงอยู่ในความยุติธรรม,มีความกรุณาปราณี ต่อมวลมนุษยชาตเพื่อที่รัศมีแห่งความมีคุณธรรมของพระองค์จะได้ซืมซาบอยู่ใน จิตใจของมวลมนุษยชาต, ในศาสนาอิสลามก็เช่นกันไม่มีการทำสงคราม หรือ “การ ญีฮาด เพื่อ อัลลอฮ์”
อิสลามสอนให้มุสลิมทำสงครามกับผู้รุกรานตามแนวทางที่อัลลอฮ์ทรงบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน, ไม่ใช่ทำสงครามเพื่ออัลลอฮ์
จงทำสงครามตามแนวทางของอัลลอฮ์กับผู้ที่ทำสงครามกับเจ้า
وَقَاتِلُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ الَّذِينَ يُقَاتِلُونَكُمْ
กฏการสงครามสำหรับมุสลิม จะต้องมาจากอัลกุรอานเท่านั้น ซึ่งเป็นหลักการของการสงครามที่ อัลลอฮ์วางแนวทางไว้ให้มุสลิมปฏิบัติ ที่ต็มไปด้วยรายละเอียด ทุกๆกระเบียดนิ้ว ด้วยเหตุนี้, การสงครามในสังคมมุสลิมจึงไม่มีคำว่า, “การทำสงครามเพื่อพระเจ้า และ หรือ/สงครามศักสิทธิ์” ตามความเข้าใจที่ผิดของ มุสลิมและ ครูผู้สอนศาสนาอิสลามบางคน ซึ่งมุสลิมหัวรุนแรง และ มุสลิมISIS จะหลอกลวงมุสลิมว่า ญีฮาดหมายถึงการทำสงครามเพื่ออัลลอฮ์ ซึ่งต่างจากการทำสงครามตามแนวทางที่พระเจ้าบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน
ในอัลกุรอานมีบัญญัติ “ญีฮาด” โดยตรง ประมาณ 164 บัญญัติ ที่เกี่ยวกับ การสงคราม,ในอัลกุรอาน จึงใช้ สำนวนที่ว่า “การทำสงครามตามแนวทางของ อัลลอฮ์”,ภาษาอรับที่ใช้ในอัลกุรอานจึงมักจะใช้คำว่า “فِي سَبِيلِ اللَّهِ” ในแนวทาง(หนทาง)ของอัลลอฮ์เกือบ ทุกๆบัญญัติที่เกี่ยวกับ “การสงคราม” ของมุสลิม เช่น
وَقَاتِلُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ الَّذِينَ يُقَاتِلُونَكُمْ وَلَا تَعْتَدُوا ۚ إِنَّ اللَّهَ لَا يُحِبُّ الْمُعْتَدِينَ
And fight in the way of Allah with those who fight with you, and do not exceed the limits, surely Allah does not love those who exceed the limits. [2:190]
أَجَعَلْتُمْ سِقَايَةَ الْحَاجِّ وَعِمَارَةَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ كَمَنْ آمَنَ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ وَجَاهَدَ فِي سَبِيلِ اللَّهِ ۚ لَا يَسْتَوُونَ عِنْدَ اللَّهِ ۗ وَاللَّهُ لَا يَهْدِي الْقَوْمَ الظَّالِمِينَ
What! do you make (one who undertakes) the giving of drink to the pilgrims and the guarding of the Sacred Mosque like him who believes in Allah and the latter day and strives hard in Allah's way? They are not equal with Allah; and Allah does not guide the unjust people.[9:19]
الَّذِينَ آمَنُوا وَهَاجَرُوا وَجَاهَدُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ بِأَمْوَالِهِمْ وَأَنْفُسِهِمْ أَعْظَمُ دَرَجَةً عِنْدَ اللَّهِ ۚ وَأُولَٰئِكَ هُمُ الْفَائِزُونَ
Those who believed and fled (their homes), and strove hard in Allah's way with their property and their souls, are much higher in rank with Allah; and those are they who are the achievers (of their objects). [9:20]
การต่อสู้และทำสงครามของอิสลามถ้าจะเข้าใจให้ถูกต้องตามอัลกุรอานแล้ว คือการทำสงครามตามที่ อัลลอฮ์กำหนดในอัลกุรอานอย่างละเอียด, เป็นสงครามในการป้องกันการรุกรานของศัตรูผู้หวังทำลายสังคมมุสลิมและหลักการของศาสนาอิสลามเท่านั้น จะทำสงครามรุกรานไม่ได้
บัญญัติในการทำสงครามได้วางไว้อย่างละเอียด ตั้งแต่การใชจิตวิทยา, การเสนอข้อตกลง, การตั้งเงื่อนไขการสงบศึก ไปจนถึง การต่อสู้อย่างถวายชีวิตอย่างทรหดอดทน ในทุกๆทางจนกว่าข้าศึกจะยอมจำนน หรือไม่ก็ยอมตัวเข้ารับอิสลาม และถ้าไม่ยอมรับอิสลามเป็นมุสลิม เป็นพลเมืองของรัฐอิสลาม ก็จะต้องอยู่อย่างคนต่างด้าว ซึ่งมีกฏหมายและระเบียบของคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในรัฐอิสลาม ไม่ต่างจากการปกครองของ ประเทศต่างๆในสมัยนั้น ซึ่งจะนำมาเ้ปรียบเทียบกับ การปฏิบัติในปัจจุบันนี้ไม่ได้ เนื่องจากสภาพสังคมต่างกัน
แต่กฏสงครามที่กำหนดไว้ในอัลกุรอานนั้น มีสำหรับสงครามในการป้องกันตัวเท่านั้นตามที่กล่าวมาแล้ว ไม่มีการอนุมัติให้ทำสงคราม ในการรุกรานประเทศอื่น และหากข้าศึกยอมจำนนหรือมีการออมชอมกันได้ มุสลิมจะต้องหยุดการสงครามทันที จะทำเกินเลยกว่าที่ถูกกระทำไม่ได้
การดูแลเชลยศึกนี้ได้วางไว้อย่างละเอียด จะข่มขืนกระทำชำเราเชลย ศึกหญิง หรือ เอามาทำภรรยาโดยพละการไม่ได้ จะนำมาซื้อขายเป็นหญิงโสเภณีหรือนางบำเรอไม่ได้, เชลยหญิงจะถูกนำมาทำเป็นภรรยาโดยปราศจากเงื่อนไขหรือคำปฏิญาณไม่ได้ คือ จะต้องมีการแต่งงานกันเสียก่อนเป็นสามีภรรยา, ให้การเลี้ยงดูผู้ที่อ่อนแอและขาดผู้เลี้ยงดูและอุ้มชู อย่างยุติธรรม
And they give food out of love for Him to the poor and the orphan and the captive[76:8]
และพวกเขาทั้งหลายก็ให้อาหารเลี้ยงดู ผู้ยากจน,เด็กกำพร้าและเชลยศึกด้วยความรักที่มีต่ออัลลอฮ์