เปิดสมุดเฟรนด์ชิพของคุณดู
พอดีคิดถึงตอนที่ตัวเองวัยรุ่น ก็เลยอยากจะโพสแบ่งปันให้ทุกๆคนอ่านครับ เผื่อใครจะคิดถึง ช่วงเวลานั้นด้วย
วันหนึ่ง หลังเลิกงาน ผมได้รับคำตำหนิจากเจ้านายที่บริษัท เรื่องการทำงานความผิดพลาดของผม โดยเฉพาะถูกตำหนิเรื่องการมาทำงานสาย แทบทุกวัน หลังจากตำหนิอยู่นาน จบลงท้ายด้วย
‘’ สิ้นเดือน นี้นายต้องโดนตัดเงินเดือนนะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตัดเพียงแค่บางส่วนเอง ’’
ไม่น่าเชื่อว่า คำพูดแบบนี้ทำให้ผมเหนื่อยจากการทำงานวันนั้นเพิ่ม 2 เท่า ผมรู้สึกเศร้าจริงๆ เพราะว่า ปกติผมจะเอาเงินเดือนไปเสพสุขกับเพื่อน ซื้อซีดีหนัง จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ทางบ้าน โชคดีที่ผมยังอาศัยอยู่บ้านพ่อแม่ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าบ้าน แบบนี้เดือนนี้คงเก็บเงินไม่ได้แน่เลย
หลังเลิกงาน ผมเดินคอตกกลับบ้าน พอมาถึงบ้าน ผมทิ้งร่างตัวเองลงบนเตียงอันนุ่ม ในหัวขณะนั้นบ่นไม่หยุดเรื่องโดนตัดเงินเดือน พลางมองรูปสมัยเรียนมัธยมปลายข้างเตียงไปด้วย ทันใดนั้นผมคิดอะไรเล่นๆในหัว
‘’เมื่อช่วงเวลาวัยรุ่นผ่านพ้นไป จะเหลือไว้พียงความทรงจำ ทั้งดีและไม่ดี ทิ้งไว้ในใจและวีรกรรมที่แสบตามภาษาวัยรุ่น
เวลาผ่านไป ก็เรียนจบ เมื่อพ้นรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่ทันไรไม่ช้าไม่เร็วก็ได้งานทำ แล้วมาถึงช่วงโดนตัดเงินเดือน’’
เมื่อความคิดเรื่องวัยเรียนขึ้นมา ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผมวางสมุดสมุดเฟรนด์ชิพไว้ใต้เตียง อยากจะลองหยินมาอ่านดูเพราะไม่มีอะไรทำ เมื่อหยิบมาดู ฝุ่นเยอะมากๆ มันแน่อยู่แล้ว ไม่ได้หยิบมาดูเลยหลังจากเรียนจบมัธยม เปิดดูออกมา ซึ่งตอนนั้นความกังวลเรื่อง โดนตัดเงินเดือน หายไป หน้าแรกจะเห็นประวัติของตัวเองที่เขียนขึ้นมาเองหน้าถัดมาเพื่อนสนิทที่สุดสมัยนั้นเขียนไว้สั้นๆFrontใหญ่ๆว่า
‘’ จบแล้วอย่าลืมติดต่อกูมานะ ‘’
หน้าถัดมา เป็นเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันนี้แหละ เขียนด้วยลายมือใหญ่ๆว่า
‘’ อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งนาน อย่าลืมติดต่อมาบ้างล่ะ แบ่งสาวๆบ้าง ตอนเอนท์ติด ‘’ (โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชายล้วน)
หน้าถัดๆไป ก็จะเป็นเพื่อนในห้อง หน้าหลังๆของสมุดจะเป็นเพื่อนต่างห้องบ้าง อาริเก่าบ้าง เยอะจนลืมว่า คนนี้คือคนไหน
ในขณะที่ผมอ่านสมุดเฟรนชิพ ผมได้ค้นพบตัวตนของผมในขณะนั้น งานอดิเรกที่ไม่ได้ทำมานาหลังเรียนจบ รวมถึงวีรกรรมที่ไม่น่าเชื่อว่า เราทำไปได้อย่างไร มาดูตัวอย่างกัน
‘’ แด่ เพื่อนเลิฟ ขอบคุณที่ให้ลอกการบ้านวิชาภาษาอังกฤษ’’
‘’ ไง ไอเพื่อนเลิฟ เรียนจบแล้วจะเป็นนักเต้นมืออาชีพหรือเปล่า สอนกูเต้นบ้างนะ
ดด ’’(ผมเต้นเป็นงานอดิเรก แต่พอมาทำงานผมแทบไม่ได้เต้นเลย)
‘’ ไง เรียนจบแล้วอย่าลืมติดต่อมาล่ะ เอาไว้ไปซ่อนกระเป๋าของอาจารย์อีกน่ะ หุหุหุ’’ ( เราทำไปได้ยังไงตอนนั้น - - )
“ จบแล้วนะ นี้เป็นสีสันของห้องเลย ‘’ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นสีสันตอนไหน เอาเป็นว่าเป็นข้อความที่ทำให้ยิ้มได้ทุกทีที่อ่าน
เมื่ออ่านข้อความเหล่านี้ ผมก็ค่อยๆเห็นร่างเยาว์วัยของผม ในความทรงจำของผม รู้สึกว่า ตอนนั้นตัวเองเป็นคนร่าเริง ไม่ค่อยเครียดกับชีวิตมาก แต่มักจะโดนเพื่อนในห้องแกล้งเสมอ ด้วยความที่ผมไม่ค่อยจะสู้คนเท่าไร เวลามีใครมาแกล้งผมไม่ค่อยจะโต้กลับเท่าไร นึกย้อนกลับไป เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเองตอนนั้นกับตอนนี้ รู้สึกผมเข้มแข็งกว่าตอนนั้นมาก
เมื่อมองย้อนกลับไป ผมเคยสัญญากับเองไว้ว่า เมื่อเรียนจบ มัธยมเมื่อไรจะไปเที่ยวต่างประเทศหาประสบการณ์ชีวิต มีแฟนสวยๆสักคน เก็บเงินให้เยอะๆจะได้แต่งงาน มีชีวิตที่เรียบง่าย และจะเขียนหนังสือขึ้นสักเล่ม แต่พอหลังจากจบมัธยมไปผมไม่ได้รักษาสัญญาตัวเองเลย ตั้งหน้าตั้งตาเรียน เที่ยว ใช้ชีวิตอย่างสิ้นเปลืองไปวันๆ พอจบมหาวิทายาลัยก็เริ่มทำงาน พอมาทำงานรู้สึกใจว่างเปล่ามากๆ ไม่ค่อยมีอะไรสีสันในชีวิตเลย รู้สึกตนเองด้อยไปทุกด้าน ประมาณว่า ชาตินี้กูคงแก่ตายคนเดียวแน่
หลังจากอ่านสมุดเฟรนชิพจบไป ร่างกายผมสดชื่นมาเลย ราวกับ เหมือนกับ นกที่เพิ่งถูกปล่อยออกจากกรง ที่พร้อมจะบินไปไหนทุกที่ ที่อยากไป รวมทั้งผมลืมเรื่องโดนตัดเงินเดือนไปเลย พร้อมกับวางแผนว่าถ้าเงินเดือนออกเมื่อไร แม้ว่าจะโดนตัดก็ตาม จะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เอาเงินเดือนไปทำในสิ่งที่ตัวเองได้สัญญาไว้ เช่น จะซ้อมเต้นให้สนุกไปเลย ติดต่อนัดกินข้าวกับเพื่อนๆที่สนิทสมัยวัยรุ่น และ ซื้อตั๋วไปเที่ยวประเทศรอบข้างคนเดียว
คนทุกๆคนบนโลกนี้ มีความทรงจำและความหลังที่แตกต่างออกไป บางคนเลือกที่จะจำแต่สิ่งดีและสิ่งไม่ดีเพื่อเป็นบทเรียนให้ก้าวต่อไป บางคนเลือกที่จะจำแต่สิ่งที่ไม่ดีสุดท้ายก็มาเป็นทุกข์ ทำอะไรไม่ค่อยได้
ท่านผู้อ่านลองหาสมุดเฟรนชิพของตัวเองดู ใครเปิดบ่อยก็ดีครับ แต่ถ้ายังไม่เปิดลองเอามาขัดฝุ่นและเปิดดู อ่านทุกๆหน้า ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถหาตัวตนที่แท้จริงพบ ได้พบกับสิ่งที่ตัวเองลืมไว้ทั้งๆที่คุณไม่ควรลืม เพื่อให้คุณมองย้อนกลับไปว่าปัจจุบันคุณมีอะไรดีขึ้นบ้างและจงภูมิใจกับมัน ซะ ถ้าคุณยังหาเป้าหมายตัวเองไม่พบก็ลองทำสิ่งแปลกใหม่ดู เราทบทวนว่าคุณมีความฝันอะไรในช่วงวัยรุ่นแล้วลองทำตามความฝันทีละนิด ก็ยังดีครับ
หลังจากวันนั้นมาผมก็ทำความฝันของตัวเองเสร็จไป ทีละอย่าง ผมเดินทางไปประเทศแล้ว 2 ครั้งเก็บประสบการณ์ชีวิตเต็มๆ ได้มีเงินเก็บเป็นของตัวเองจำนวนนึงแล้ว ขาดแค่แต่งงานกับเจ้าสาวของผม ผมยังหาไม่ได้เลย อิอิอิ แต่แต่ละเดือนผมก็หาอะไรใหม่ๆทำดู ทำให้จิตใจตัวเองไม่ว่างเปล่าอีก ใช้ชีวิตให้คุ้มสุดๆ
อย่าปล่อยให้ใจคุณว่างเปล่า
ความทรงจำของผมได้รับการขัดฝุ่นตั้งแต่วันที่เปิดสมุดสมุดเฟรนด์ชิพดู
แล้วคุณล่ะ? ขัดฝุ่นความทรงจำแล้วหรือยัง?
เมื่อผมเปิดสมุดเฟรนด์ชิพ ที่ไม่ได้เปิดมาตั้งแต้เรียนมัธยมจบ
พอดีคิดถึงตอนที่ตัวเองวัยรุ่น ก็เลยอยากจะโพสแบ่งปันให้ทุกๆคนอ่านครับ เผื่อใครจะคิดถึง ช่วงเวลานั้นด้วย
วันหนึ่ง หลังเลิกงาน ผมได้รับคำตำหนิจากเจ้านายที่บริษัท เรื่องการทำงานความผิดพลาดของผม โดยเฉพาะถูกตำหนิเรื่องการมาทำงานสาย แทบทุกวัน หลังจากตำหนิอยู่นาน จบลงท้ายด้วย
‘’ สิ้นเดือน นี้นายต้องโดนตัดเงินเดือนนะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตัดเพียงแค่บางส่วนเอง ’’
ไม่น่าเชื่อว่า คำพูดแบบนี้ทำให้ผมเหนื่อยจากการทำงานวันนั้นเพิ่ม 2 เท่า ผมรู้สึกเศร้าจริงๆ เพราะว่า ปกติผมจะเอาเงินเดือนไปเสพสุขกับเพื่อน ซื้อซีดีหนัง จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ทางบ้าน โชคดีที่ผมยังอาศัยอยู่บ้านพ่อแม่ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าบ้าน แบบนี้เดือนนี้คงเก็บเงินไม่ได้แน่เลย
หลังเลิกงาน ผมเดินคอตกกลับบ้าน พอมาถึงบ้าน ผมทิ้งร่างตัวเองลงบนเตียงอันนุ่ม ในหัวขณะนั้นบ่นไม่หยุดเรื่องโดนตัดเงินเดือน พลางมองรูปสมัยเรียนมัธยมปลายข้างเตียงไปด้วย ทันใดนั้นผมคิดอะไรเล่นๆในหัว
‘’เมื่อช่วงเวลาวัยรุ่นผ่านพ้นไป จะเหลือไว้พียงความทรงจำ ทั้งดีและไม่ดี ทิ้งไว้ในใจและวีรกรรมที่แสบตามภาษาวัยรุ่น
เวลาผ่านไป ก็เรียนจบ เมื่อพ้นรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่ทันไรไม่ช้าไม่เร็วก็ได้งานทำ แล้วมาถึงช่วงโดนตัดเงินเดือน’’
เมื่อความคิดเรื่องวัยเรียนขึ้นมา ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผมวางสมุดสมุดเฟรนด์ชิพไว้ใต้เตียง อยากจะลองหยินมาอ่านดูเพราะไม่มีอะไรทำ เมื่อหยิบมาดู ฝุ่นเยอะมากๆ มันแน่อยู่แล้ว ไม่ได้หยิบมาดูเลยหลังจากเรียนจบมัธยม เปิดดูออกมา ซึ่งตอนนั้นความกังวลเรื่อง โดนตัดเงินเดือน หายไป หน้าแรกจะเห็นประวัติของตัวเองที่เขียนขึ้นมาเองหน้าถัดมาเพื่อนสนิทที่สุดสมัยนั้นเขียนไว้สั้นๆFrontใหญ่ๆว่า
‘’ จบแล้วอย่าลืมติดต่อกูมานะ ‘’
หน้าถัดมา เป็นเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันนี้แหละ เขียนด้วยลายมือใหญ่ๆว่า
‘’ อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งนาน อย่าลืมติดต่อมาบ้างล่ะ แบ่งสาวๆบ้าง ตอนเอนท์ติด ‘’ (โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชายล้วน)
หน้าถัดๆไป ก็จะเป็นเพื่อนในห้อง หน้าหลังๆของสมุดจะเป็นเพื่อนต่างห้องบ้าง อาริเก่าบ้าง เยอะจนลืมว่า คนนี้คือคนไหน
ในขณะที่ผมอ่านสมุดเฟรนชิพ ผมได้ค้นพบตัวตนของผมในขณะนั้น งานอดิเรกที่ไม่ได้ทำมานาหลังเรียนจบ รวมถึงวีรกรรมที่ไม่น่าเชื่อว่า เราทำไปได้อย่างไร มาดูตัวอย่างกัน
‘’ แด่ เพื่อนเลิฟ ขอบคุณที่ให้ลอกการบ้านวิชาภาษาอังกฤษ’’
‘’ ไง ไอเพื่อนเลิฟ เรียนจบแล้วจะเป็นนักเต้นมืออาชีพหรือเปล่า สอนกูเต้นบ้างนะ ดด ’’(ผมเต้นเป็นงานอดิเรก แต่พอมาทำงานผมแทบไม่ได้เต้นเลย)
‘’ ไง เรียนจบแล้วอย่าลืมติดต่อมาล่ะ เอาไว้ไปซ่อนกระเป๋าของอาจารย์อีกน่ะ หุหุหุ’’ ( เราทำไปได้ยังไงตอนนั้น - - )
“ จบแล้วนะ นี้เป็นสีสันของห้องเลย ‘’ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นสีสันตอนไหน เอาเป็นว่าเป็นข้อความที่ทำให้ยิ้มได้ทุกทีที่อ่าน
เมื่ออ่านข้อความเหล่านี้ ผมก็ค่อยๆเห็นร่างเยาว์วัยของผม ในความทรงจำของผม รู้สึกว่า ตอนนั้นตัวเองเป็นคนร่าเริง ไม่ค่อยเครียดกับชีวิตมาก แต่มักจะโดนเพื่อนในห้องแกล้งเสมอ ด้วยความที่ผมไม่ค่อยจะสู้คนเท่าไร เวลามีใครมาแกล้งผมไม่ค่อยจะโต้กลับเท่าไร นึกย้อนกลับไป เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเองตอนนั้นกับตอนนี้ รู้สึกผมเข้มแข็งกว่าตอนนั้นมาก
เมื่อมองย้อนกลับไป ผมเคยสัญญากับเองไว้ว่า เมื่อเรียนจบ มัธยมเมื่อไรจะไปเที่ยวต่างประเทศหาประสบการณ์ชีวิต มีแฟนสวยๆสักคน เก็บเงินให้เยอะๆจะได้แต่งงาน มีชีวิตที่เรียบง่าย และจะเขียนหนังสือขึ้นสักเล่ม แต่พอหลังจากจบมัธยมไปผมไม่ได้รักษาสัญญาตัวเองเลย ตั้งหน้าตั้งตาเรียน เที่ยว ใช้ชีวิตอย่างสิ้นเปลืองไปวันๆ พอจบมหาวิทายาลัยก็เริ่มทำงาน พอมาทำงานรู้สึกใจว่างเปล่ามากๆ ไม่ค่อยมีอะไรสีสันในชีวิตเลย รู้สึกตนเองด้อยไปทุกด้าน ประมาณว่า ชาตินี้กูคงแก่ตายคนเดียวแน่
หลังจากอ่านสมุดเฟรนชิพจบไป ร่างกายผมสดชื่นมาเลย ราวกับ เหมือนกับ นกที่เพิ่งถูกปล่อยออกจากกรง ที่พร้อมจะบินไปไหนทุกที่ ที่อยากไป รวมทั้งผมลืมเรื่องโดนตัดเงินเดือนไปเลย พร้อมกับวางแผนว่าถ้าเงินเดือนออกเมื่อไร แม้ว่าจะโดนตัดก็ตาม จะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เอาเงินเดือนไปทำในสิ่งที่ตัวเองได้สัญญาไว้ เช่น จะซ้อมเต้นให้สนุกไปเลย ติดต่อนัดกินข้าวกับเพื่อนๆที่สนิทสมัยวัยรุ่น และ ซื้อตั๋วไปเที่ยวประเทศรอบข้างคนเดียว
คนทุกๆคนบนโลกนี้ มีความทรงจำและความหลังที่แตกต่างออกไป บางคนเลือกที่จะจำแต่สิ่งดีและสิ่งไม่ดีเพื่อเป็นบทเรียนให้ก้าวต่อไป บางคนเลือกที่จะจำแต่สิ่งที่ไม่ดีสุดท้ายก็มาเป็นทุกข์ ทำอะไรไม่ค่อยได้
ท่านผู้อ่านลองหาสมุดเฟรนชิพของตัวเองดู ใครเปิดบ่อยก็ดีครับ แต่ถ้ายังไม่เปิดลองเอามาขัดฝุ่นและเปิดดู อ่านทุกๆหน้า ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถหาตัวตนที่แท้จริงพบ ได้พบกับสิ่งที่ตัวเองลืมไว้ทั้งๆที่คุณไม่ควรลืม เพื่อให้คุณมองย้อนกลับไปว่าปัจจุบันคุณมีอะไรดีขึ้นบ้างและจงภูมิใจกับมัน ซะ ถ้าคุณยังหาเป้าหมายตัวเองไม่พบก็ลองทำสิ่งแปลกใหม่ดู เราทบทวนว่าคุณมีความฝันอะไรในช่วงวัยรุ่นแล้วลองทำตามความฝันทีละนิด ก็ยังดีครับ
หลังจากวันนั้นมาผมก็ทำความฝันของตัวเองเสร็จไป ทีละอย่าง ผมเดินทางไปประเทศแล้ว 2 ครั้งเก็บประสบการณ์ชีวิตเต็มๆ ได้มีเงินเก็บเป็นของตัวเองจำนวนนึงแล้ว ขาดแค่แต่งงานกับเจ้าสาวของผม ผมยังหาไม่ได้เลย อิอิอิ แต่แต่ละเดือนผมก็หาอะไรใหม่ๆทำดู ทำให้จิตใจตัวเองไม่ว่างเปล่าอีก ใช้ชีวิตให้คุ้มสุดๆ
ความทรงจำของผมได้รับการขัดฝุ่นตั้งแต่วันที่เปิดสมุดสมุดเฟรนด์ชิพดู
แล้วคุณล่ะ? ขัดฝุ่นความทรงจำแล้วหรือยัง?