ขอบฟ้าไกล ใครว่าไปไม่ถึง : กาลาปากอส, เอกวาดอร์ 3_6

ความตอนเดิม http://ppantip.com/topic/33261698

    
            วันนี้วันสิ้นปีแล้ว และเป็นวันแรกที่เรามาเที่ยวเกาะซานคริสโตเบล ที่นี่คือเกาะหลักที่ทุกคนต้องมา ไม่ว่าอยากจะมาหรือไม่ก็ตามเพราะที่นี่เป็นที่เดียวที่มีแอร์พอร์ต ทุกคนต้องมาลงเครื่องที่นี่และต่อเรือไปยังเกาะต่างๆ หรือบางคนก็พักที่นี่ ของบนเกาะนี้ถูกที่สุดในบรรดาสามเกาะที่เราไป
             วันนี้เราลงทุนจ้างแท๊กซี่พาเราเที่ยวบนภูเขาของเกาะนี้ เราขี่จักรยานไปไม่ไหวหรอกมันไกลมากและเป็นทางขึ้นเขาตลอด ถ้าขี่ขึ้นเขาไหว เราคงไปรับจ้างปั่นสามล้อถีบที่เมืองไทยได้เลย รายได้คงงดงาม แต่ว่าจะไปรับจ้างที่ไหนดีนะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นมีแล้ว แต่รู้ไปก็เท่านั้น เพราะเราปั่นม่ายยยหวายยย  คุณลุงคนขับรถท่าทางใจดีแต่มีลูกเมียนะ (เลียนแบบเพลงมะเมี้ย) เป็นคนขับพาเราไปยังสถานที่เที่ยวที่ต่างๆ เราเริ่มต้นที่ศูนย์เพาะพันธ์เต่า เต่าอีกละ ทุกเกาะมีเหมือนกันหมดเลยอ่ะ ลุงแกเล่าว่าเต่านี้อยู่มาคู่กับเกาะเลยนะ อยู่มาเป็นล้านปี แล้วลุงรู้ได้ไงว่าเกาะนี้เกิดเมื่อไหร่อ่ะ แบบว่าสงสัย แต่ไม่ถามดีก่า เดี๋ยวโดนถีบตกเขา แกเริ่มต้นด้วยการพาเดินไปดูเต่าขนาดยักษ์อายุสัก 60 ปีได้ แล้วเราก็ไปดูสถานอนุบาลเต่าน้อย มันเพิ่งเกิดตัวเล็กกว่าฝ่ามืออีกไม่น่าเชื่อว่า เมื่อมันโตขึ้นมันจะตัวใหญ่มาก แล้วเราก็ได้ดูบ่อเลี้ยงเต่าตามอายุต่างกัน ลุงว่าพอมันโตได้เวลาอันสมควรเจ้าหน้าที่ก็จะย้ายมันไปบ่อถัดไป จนมันโตถึงที่สุดก็ปล่อยมันเดินเล่นในศูนย์


             ตอนมาใหม่ๆ  ฉันตื่นเต้นกับสัตว์ต่างๆมาก แต่ตอนนี้เริ่มเหม็นเบื่อละ เห็นบ่อยเกิน ไอ้ที่เรายังตื่นเต้นอยู่เห็นจะเป็นเจ้านกขาสีฟ้า Booby เรายังพยายามตามหามันอยู่ ก็อย่างว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น พูดซะดีเชียว จริงๆแล้ว มันบังเอิญเจอต่างหาก 555
             พอดูเต่าจนรอบศูนย์ฯ ลุงก็พาเราไปดูทะเลที่มีแมวน้ำนอนเล่นอยู่ ที่นี่ดำผิวน้ำเล่นได้ด้วย แต่เราเลือกที่จะถ่ายรูปแมวน้ำและวิว เรานั่งรถมาจนสุดถนน ลุงก็บอกให้เราเดินเท้าเข้าไปประมาณ 10 นาที สุดท้ายเราก็ถึง พอถึงปุ๊ป เราเห็นลูกแมวน้ำกำลังกินนมแม่อยู่ มันจะขยับตัวไปกินนมแม่เต้าหนึ่งจนเบื่อ มันก็ค่อยๆขยับเปลี่ยนที่กินใหม่ มันขยับดุกดิกน่ารักดี เราแอบย่องเข้าไปถ่ายรูป อย่าทำเสียงดังนะ เดี๋ยวแม่มันตื่น คราวนี้ได้วิ่งหนีกันวุ่นวาย ย่องเบาๆ ค่อยๆเข้าไป ทีละนิด ทีละนิด ได้แล้ว ได้มุมที่เหมาะแก่การถ่ายรูปแล้ว กดชัตเตอร์ รัวๆ ขยับตัวเบาๆเปลี่ยนมุม เราแอบถ่ายแบบเปิดเผยได้อยู่สัก 15 นาที แถมได้ถ่ายรูปคู่กับแม่ลูกแมวน้ำในระยะใกล้ด้วย และแล้ว คุณแม่ก็ตื่น เห็นเราเข้า มันลุกขึ้นทันที แล้วเอาตัวบังลูกมันไว้ มันให้เราดูแต่หลังมัน แม่มันจับได้ละ ว่าเราลอบเข้าใกล้ ไม่ถ่ายก็ได้ ชิชิ จริงแล้วถ่ายไปเยอะละ เลยไม่ง้อ


            เราตัดสินใจเดินขึ้นเขา ไปถ่ายรูปวิวทะเล พอไปถึง เราเจอ นก Blue-feeted Booby ด้วย มันยืนเท่ห์อยู่ริมผา ถ่ายรูปด่วน แต่ท่าน Booby ขยับตัวไปมา เป็นนาย(นาง)แบบที่ไม่รู้งานเอาซะเลย กว่าจะได้แต่ละรูปยกเลนส์ค้างจน เมื่อยแขน พอได้รูปมันเรียบร้อย เราก็แอบถ่ายรูปคู่กับมัน แล้วยืนรอมันบิน อยากได้รูปตอนมันโบยบิน รอไป รอ รอ รอ ก็รอไปดิ ตรูไม่บินมีไรป่ะ ไม่มีค่ะท่าน Booby แค่อยากเอาก้อนหินขว้างให้ท่านบิน แต่กลัวโดนจับข้อหาทำร้ายสัตว์ และอาจได้พาดหัวข่าวว่า "หญิงไทยสองคนขว้างก้อนหินใส่หัวBooby จนต้องถูกผลักดันออกนอกประเทศ และไม่อนุญาตให้กลับเข้าประเทศเอกวาดอร์อีก" ถ้าเป็นข่าวคงโดนคนรุมประนามสลบคาชายแดนแน่ๆเลย เอาเป็นว่ารอท่านบินเองละกัน สุดท้ายมันก็ไม่บิน กลับก็ได้ฟระ แต่เดี๋ยวก่อน ในขณะรอ เราไม่รอเปล่า เราถ่ายภาพจากบนเขาไปที่ท้องทะเลเพื่อถ่ายภาพปลาที่แวกว่ายกันเป็นฝูงอยู่ในน้ำ น้ำมันใสมาก มองไกลๆ ยังเห็นปลาว่ายน้ำอยู่เลย

            เรารอจนรอไม่ไหว เราก็เดินกลับไปที่รถ ลุงแกก็พาเราไปเดินขึ้นเขาเพื่อดูภูเขาไฟ ตอนนั้นหมอกลง ฝนตก สภาพอากาศปิด เราเดินขึ้นเขาด้วยรองเท้าแตะ มันลื่นมาก ต้องค่อยๆเหยียบบนหญ้าเดินขึ้นไป หลายครั้งฉันเกือบล้ม โชคดีจับหมอทัน หมอเดินที่ลื่นๆเก่งมาก สมกับเป็นคนเดินป่ามามาก เราเดินไปจนถึงจุดชมวิว สิ่งที่เราเห็นคือ หมอก และหมอก และหมอกเท่านั้น เราเลยยืนสูดอากาศอยู่พักหนึ่ง แล้วเดินกลับ ตอนลงเขาลื่นกว่าตอนขึ้นมาก ก็ฟองน้ำประเทศไทยไม่รองรับสภาพพื้นที่ลื่นนะ ฉันเลยเดินเข้าพงหญ้าซะเลย แต่ไม่พ้นที่จะลื่นอีก เพราะรองเท้าแตะมันลื่นทั้งส่วนที่โดนพื้นและส่วนที่ฉันเหยียบ มันมีแต่ดินลื่นเข้าเท้า จนสุดท้ายเดินไม่ได้ต้องเอาน้ำดื่มล้างรองเท้าแล้วเดินต่อ ในที่สุดก็ถึงรถอย่างปลอดภัย แต่หนุ่มที่เดินข้างหน้าเราไม่ปลอดภัย พี่แก่ล้มปึง เสียงดังมาก เพื่อนที่มาด้วยกันกับเค้ายืนหัวเราะเสียงดัง จนกลบเสียงหัวเราะเราเลย เค้าเอาแต่หัวเราะไม่ช่วยเพื่อนเลย
ลุงแกเห็นเรากลับมาเร็ว เดินก็ลื่น วิวก็ไม่เห็น แกเลยแถม พาเราไปดูวิวอีกที่ เราเห็นทะเล และแผ่นดินที่แห้งแล้งที่อยู่ข้างล่างในระยะไกล มันสวยดี สวยในแบบที่เราไม่เคยเห็น เราเลยถ่ายรูปมาอีกหลายภาพ แล้ววานลุงถ่ายรูปพวกเราด้วย
           จากนั้นแกก็พาเราไปปีนบ้านบนต้นไม้ ต้นมันใหญ่มาก ต้องใช้หลายคนโอบเลย กะไม่ถูก แต่มากกว่าสามคนแน่ๆ ยกเว้นชวนแม่นาคมาโอบ อันนั้นท่านเดียวก็ทำได้ วิธีขึ้นบ้านบนต้นไม้ เราต้องเดินข้ามสะพานที่ผูกด้วยสลิง เวลาเดินมันก็จะโยกไปมา จากนั้นก็ไต่บันไดเล็กๆขึ้นไปจนถึงข้างบน ข้างในมีที่นอนสองที่อยู่ชั้นบน ถ้าจะนอนต้องปีนอีกที มีห้องนั่งเล่นเล็กอยู่ชั้นล่าง นอกจากบ้านต้นไม้แล้วที่นี่ยังมีโพร่งอยู่ที่ลำต้น มันเป็นโพล่งที่มีบันไดไต่ลงไปข้างล่างได้ มันอยู่ใต้ลำต้นเลย  พอลงไปสิ่งที่เห็นคือ ส้วม โพล่งข้างล่างค่อนข้างใหญ่มาก น่าจะใส่อ่างอาบน้ำและฝักบัวเข้าไปได้ด้วยนะ เราหยุดตรงทางเข้า ลงตรงบันไดทางลงถ่ายรูปเล่นกันสักพักก็กลับเข้าเมือง คุณลุงช่วยเราถ่ายภาพด้วยนะ ภาพสั่นไหวได้ใจจริงๆ สุดท้ายเจ้าของสถานที่เห็นเราถ่ายกันอยู่นาน เลยมาช่วยให้การถ่ายรูปสำเร็จลงด้วยดี


           เราขอให้คุณลุงไปส่งเราที่ร้านเช่าจักรยาน พอได้จักรยานเราก็ปั่นมาเตรียมอุปกรณ์ดำผิวน้ำทั้งหลาย เผื่อไว้ อาจได้เล่นน้ำ ขี่จักรยานขึ้นเขาลงเขาอยู่สักพักก็ถึงทางเข้าที่จะไปดูหาดทราย ท้องทะเล และสัตว์ประจำถิ่นอย่างแมวน้ำ  อ้อ!! จักรยานที่หมอได้มาปั่นเร็วกว่าเดินนิดหน่อย ช่างทรมาน ต้องแลกจักรยานกันขี่ ผลัดกันเหนื่อย เราจอดจักรยานเสร็จก็เดินไป ชายฝั่งอีกสัก 10 นาที เราก็เจอคน และแมวน้ำเล่นน้ำ ที่นี่มีลูกแมวน้ำเยอะมาก เราเลยถ่ายรูปลูกแมวน้ำนานเป็นชั่วโมง แถมได้ภาพนกแถวนั้นเป็นของแถมอีกด้วย





            เราไม่เล่นน้ำวันนี้ พรุ่งนี้จะมาใหม่เพราะหมอไม่ได้เอาเลนส์ซูมมา เลยถอยออกมาก่อน แล้วค่อยกลับมาถ่ายรูปและเล่นน้ำในวันพรุ่งนี้ พระอาทิตย์ยังไม่ตกเราไม่กลับบ้านนะ เราตระเวนไปยังหาดอื่นอีกพัก จนรู้จักชาวต่างชาติ หลายชาติมาก เค้ามาทำความรู้จักกันที่นี่ เราเลยคุยกับเค้าอยู่พัก แล้วก็ไปหาดต่อไป จนเย็นเราก็หาข้าวกิน กินเสร็จก็ขับจักรยานรอบเมือง วันนี้เค้าน์ดาวนะ มันต้องมีไรดิ เราเห็นหุ่นอยู่หน้าบ้านทุกหลังก็แปลกใจ ก็มันสงสัยหนิ แถมเห็นผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วอุ้มตุ๊กตาเด็กอ่อนเที่ยวขอเงิน ยิ่งแปลกใจหนักเลย พี่แกเล่นกั้นเชือกกลางถนนเพื่อให้รถจอดเพื่อขอเงินเลยนะ เหมือนมาก เหมือนงานประเพณีชักพระแล้วขวางถนนเพื่อให้คนหยุดทำบุญแบบจำยอมเลยอ่ะ เราตระเวนอยู่นานพอสมควรพร้อมหาซื้อเสบียงสำหรับวันพรุ่งนี้เพราะได้ข่าวว่าทุกร้านจะปิดหมดในวันปีใหม่ สุดท้ายก็กลับมาห้องอย่างหงอยเหงาเพราะคิดว่าไม่มีอะไร. สี่ทุ่มได้ยินเสียงพลุ ดีใจ มันต้องมีงานแน่ๆเลย เราเจอคนที่ทำงานที่ที่พักเราที่พูดอังกฤษได้ เค้าบอกว่าจะมีงานทั้งคืน และเล่าให้เราฟังว่าหุ่นหน้าบ้านทุกบ้านจะเอามาเผาตอนเที่ยงคืน แต่อธิบายเราไม่ได้เพราะอะไร ฉันเลยคิดเองว่าน่าจะขจัดสิ่งไม่ดีแล้วขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา ส่วนเรื่องที่ชายแต่งหญิงเพราะเป็นการแสดงความเห็นใจต่อหญิงที่เป็นหม้ายที่สูญเสียสามีและต้องเลี้ยงลูกตามลำพังอย่างยากลำบากในปีที่ผ่านมา ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เหมือนกัน เพราะยังข้องใจเรื่องขอบริจาคเงินอยู่ นอกจากเผาหุ่นยังมีจุดพลุตอนเที่ยงคืนด้วย อย่างนี้ต้องออกไป อยู่ได้ไง เตรียมกล้องพร้อมขาตั้งกล้อง แล้วเราก็เดินออกไปรอดูว่าตอนเที่ยงคืนจะเป็นไง เราเดินสักพักก็เจอชาวต่างชาติกลุ่มนั้นเราเลยเดินคุยไปด้วยกันกับเราจนถึงเที่ยงคืน (ตอนนี้เราเริ่มทำความรู้จักถามไถ่ชื่อกันแล้ว) ผู้คนก็เผาหุ่นที่ท่าเรือบ้าง ที่สี่แยกบ้าง ที่หน้าบ้านบ้าง ตอนเผาฉันรู้สึกว่ากลิ่นไอมันเหมือนตอนฉันเผ่ากระดาษไหว้เจ้าวันตรุษจีน เช้งเม้งเลย เหมือนม๊ากกกกก หรือจะกงเต็กดีเพราะมันเผากันกองใหญ่มาก พอลงมือเผาพลุก็ถูกจุด พอเห็นพลุ นี่มันพลุชาวบ้านในประเทศเราจุดเล่นกันเองนี่หว่า ไปดูพลุวันพ่อวันแม่บ้านเราเริดกว่าเยอะ ดูเสร็จ ฉันก็กลับที่พัก แต่ว่าจะออกไปเก็บบรรยากาศมาเล่าให้ฟังอีกทีนะ ช่วงดึกๆ

            
             ช่วงดึกอย่างที่บอกว่าฉันไปสำรวจงานปาร์ตี้มา หลังจุดพลุงานเลี้ยงฉลองก็เริ่มต้นขึ้นบริเวณสนามกีฬาของ เกาะนี่ ที่นั้นมีของกินขายไม่มากนัก แต่เบียร์น่าจะเยอะอยู่ เค้ามี Concert จนถึงเช้า มีการเต้นรำจังหวะค่อนข้างเร็ว และมันมาก คนเยอะมาก คนที่เกาะและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปรวมตัวกันที่นั่น พอใกล้รุ่งสางก็เกิดเรื่องน่าตื่นเต้นขึ้น ในขณะที่ฉันเดินเล่นดูผู้คนอยู่แถวงานปาร์ตี้ ก็เกิดเหตุทะเลาะวิวาท ไล่ตีกันเป็นหมู่ขณะ ก็ประมาณนักเลงงานวัดบ้านเราตีกันนั่นแหละ แต่ไอ้ที่แย่คือ มันดันตีกันและวิ่งหนีมาทางฉัน ยิ้ม แล้ว อย่าเข้ามานะ วิ่งด่วน ฉันวิ่งหนีเข้าไปที่สวนสาธารณะใกล้ แล้วหลบอยู่หลังต้นไม้(หลบไม่มิดหรอกนะ แต่รู้สึกปลอดภัย) แล้วแอบดูเค้าตีกันต่อ สนุก อิอิ ไม่นานหนักตำรวจก็ลากคอคนตีกัน และจะจับยัดใส่รถ ประมาณจะจับไปโรงพัก แต่ยังไม่ทันได้จับผู้ต้องหา ก็เจอกฎหมู่ คนล้อมเต็มรถตำรวจเลย แล้วทวงคนคืน ตำรวจจะทำไรได๊ ก็คืนคนอะดิ ปัธโธ่!!! นึกว่าจะชักปืนแล้วบอกให้ถอยออกไป เสียดายจัง ตอนนี้ หกโมงเช้าละกลับไปนอนสักพักและอาบน้ำเตรียมเที่ยวต่อในช่วงสายดีก่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่