ความตอนเดิม
http://ppantip.com/topic/33261698
ฉันกับหมอยังคงอยู่ที่เกาะ Isabela ในEcuador เรามีแผนที่จะไปดำน้ำที่ เกาะ Tuneles คนที่นี่ออกเสียงว่าทูนาเลส อ่านแบบสเปนนะ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษมันก็คือ Tunnel หรืออุโมงนั่งเอง
วันนี้ตื่นแต่เช้า ฝนตก ท่าไม่ดีซะแล้ว ฝนตกออกทะเล มันน่ากลัวไปป่าว ยังอยากหายใจอยู่นะ เราเลยตัดสินใจไปคุยกับเจ้าของ Hostel ว่าเราจะขอย้ายวัน แต่คำตอบที่ได้รับคือ ไม่ได้ เพราะเราไม่ไปก็เท่ากับเสียพื้นที่เค้า เพราะฉะนั้นไม่ไปได้ แต่ไม่คืนเงินนะ และเจ้าของ Hostel ก็ยืนยันหนักแน่นว่าฝนจะหยุดตก พอสายๆฟ้าจะเปิด เราตัดสินใจรอดูตอน 8โมงเช้าว่าฝนจะหยุดมั้ย ถ้าหยุดเราก็ไป
8 โมงเช้าฝนหยุดตก เอาว่ะ ในเมื่อฝนมันกล้าหยุด เราก็กล้าไป พอแปดโมงเล็กน้อยก็มีกะบะมารับเราไปที่Hostel ไปที่บริษัทท่องเที่ยวเพื่อที่เราจะได้เลือกฟิน(ตีนกบ) ที่พอดีกับเท้าเรา ส่วนอุปกรณ์ดำผิวน้ำอื่นๆ เราลงทุนซื้อเองเพื่อความปลอดภัยในชีวิต และความสะอาดในช่องปาก เรือที่นำเราไปกลางทะเลลักษณะเหมือน เรือ Speed Boat เปิดประทุน จะมีหลังคาผ้าใบบังเฉพาะส่วนที่เป็นระบบบังคับเรือ สรุปคือมีแต่คนขับเรือเท่านั้นที่ได้อยู่ในร่ม คนขับเรือขับเรือได้ซิ่งมาก ในขณะที่คลื่นน้ำทะเลสูงระดับสายตาเราเลยทีเดียว ตื่นเต้นมาก อะไรจะขับซิ่งปานนี้ น่ากลัวเกินไปแล้ว เราสองคนเกาะแขนกัน ใช้คำว่าล๊อคแขนกันเองจะเหมาะกว่า
สักพักเริ่มมีสัตว์ออกมาอวดโฉม ตื่นเต้น!!! นั่น มัน มันปลากระเบน ใหญ่มาก ขนาดมันพอๆกับน้องๆสระน้ำยางลมไซด์ใหญ่สุด สำหรับเด็กที่ขายตามแผนกของเล่นตามศูนย์การค้า เราลืมกลัว ต่างคน ต่างดูปลากระเบน ไม่กลัวละ ชักชิน สักพักก็เห็นฉลามครีบขาว คือว่าเราเห็นแต่ครีบอ่ะ ตัวไม่เกี่ยวนะ นั่งเรือไปเรื่อยๆ เราก็เห็นนกอยู่กันเป็นฝูงลอยอยู่กลางทะเลเพื่อจับปลา เพราะแถวนั้นเราสามารถเห็นปลากระโดดพ้นผิวน้ำได้ ปลานี่น่าจะอร่อย หน้าตาและผิวพรรณมันเหมือนปลาทูนึ่ง บ้านเราเลยแต่ขนาดใหญ่กว่า ถ้าฟังไกด์พูดไม่ผิดน่าจะนะ น่าจะ เป็นปลาทูน่า เสียงเรือและคลื่นมันดังมาก
ดูสัตว์ทะเลตามข้างทางไปได้สักพัก เรือก็หยุดอยู่ตรงโขดหินขนาดใหญ่ ตรงนั้นมีนกยืนโชว์อยู่หลายตัว แต่ตัวที่น่าสนใจที่สุดคือ Blue-feeted Booby มันเป็นนกลักษณะพิเศษตรงที่ขามันเป็นสีฟ้าเหมือนตัวการ์ตูนสเมิร์ฟเลย เรายังเจอแมวน้ำท้องถิ่นด้วยนะ มันเป็นแมวน้ำมีขนเยอะกว่าปกติ ขนสวยดี ตรงจุดนี้เราสองคนหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปกัน ถ่ายไปถ่ายมาชักเมาเรือ เรือมันจอดก็จริง แต่มันไม่นิ่ง คลื่นมันแรงทำให้เรือโคลงตลอดเวลา เราเกือบจะอ้วกแล้ว ดีนะเรือออกก่อน
คนขับเรือขับเรือพาเราไปยังเกาะ Tuneles มันเป็นเกาะที่เกิดจากหินภูเขาไฟ เมื่อเวลาผ่านไปก็เกิดการยุบตัวของหินในบางส่วน และถูกน้ำกัดเซาะจนทำให้เกิดช่องหิน สะพานหินธรรมชาติและอุโมงค์ มันให้ความรู้สึกเหมือนมีหินมากมายมากองตัวรวมกัน เพียงตามซอกหินไม่ใช่ดินแต่เป็นน้ำ ที่นี่จึงสวยแปลกตาสำหรับเรา ต้นไม้ที่เราพอจะเห็นก็คือตะบองเพชร
ในขณะที่เราชมความแปลกตาของสถานที่ เราได้พบกับ ลูกนก Blue-feeted Boody มันอายุ 2 เดือน(ไกด์ว่าอย่างนั้น) ตัวมันเป็นสีขาวทั้งตัว ขนดูปุกปุยน่ากอดเล่น ส่วนขาสีขาว ไม่ยังไม่ฟ้านะ คงต้องรอโตอีกสักหน่อย
เสร็จจากการเดินชมเกาะ Tunelesแล้ว ก็ได้เวลาดำผิวน้ำ น้ำที่นี่หนาวมาก ขนาดฉันปากสั่น ฟันกระทบกันทั้งๆที่คาบSnorkel อยู่ ส่วนหมอขนลุก ตัวสั่นมากขนาดแค่เราจับมือกันก็รู้สึกว่าหมอตัวสั่นทั้งตัว หนาววววมากกกกกก จุดดำน้ำจุดนี้เราเห็นปลานกแก้วตัวขนาดใหญ่มาก ไซด์ปลาเก๋าราดพริกตัวใหญ่มากๆ ที่ขายตามภัตคารทีเดียว จริงๆยังมีปลาอีกหลายชนิดหน้าตาก็เหมือนบ้านเรา แต่สิ่งที่น่าสนใจ แต่เราทำไม่ได้คือการรอดอุโมงใต้น้ำเข้าไปด้านใน ดูจากข้างนอกมันเหมือนถ้ำใต้น้ำเลย สีน้ำที่นี่ใสกว่าซานตาครูสมาก เอาเป็นว่าใสเลยล่ะ
ทริปนี้ไกด์พาเราไปดำน้ำสองจุด จุดที่สองคนขับเรือคงสงสารเราสองคน และคงชอบใจในความมุ่งมั่นถ่ายรูปของเรา จะมีสักกี่คนขนอุปกรณ์กล้องหนักหลายโลลงเรือ แถมกล้องถ่ายใต้น้ำอีกต่างหาก ของฉันเน้นเล็กและเบา แต่ของหมอโครตอลังกาลงานสร้างเลย หนักและใหญ่ทุกตัว นึกสภาพกล้อง GoPro กับ Olympasใส่เคสกันน้ำดิ ไซด์มันต่างกันสุดๆ คนขับเรือเลยพาเราแยกวงดำน้ำกัน 3 คน ออกแนวได้ทัวร์ส่วนตัวเฉยเลย เค้าจับมือเราและลากเราดำน้ำไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าน้ำมันผ่านตัวเลย เหมือนขับมอเตอร์ไซด์ด้วยความเร็วเล็กน้อยแล้วลมมันโดนตัวเรานั่นแหละ ความรู้สึกเดียวกันเลย เค้าลากเราไปดูฉลาม ครั้งแรกมันนอนอยู่ในถ้ำใต้น้ำ ระยะห่างหลายเมตรอยู่เพราะ เราดำน้ำไม่เป็น เค้าก็เอากล้องหมอดำลงไปถ่ายให้ จุดที่สองตื่นเต้นสุดๆ ฉลาม 2 ตัว มันว่ายอยู่ตรงหน้าเรา ถ้าอยู่บนบกเราโผล่ไปหามันก็กอดมันได้เลยนะ สักพักมันก็ว่ายสวนเรา เสร็จแล้วก็วายไปนอน 1 ตัว อีกตัวออกมาว่ายน้ำเล่น มันใกล้มาก เหมือนเรายืนเกาะกระจกดูมันใกล้ๆเลย แต่ที่นี่เราอยู่ในทะเลเดียวไม่มีกระจกกั้น
ดำน้ำไปอีกแป๊ปเดียว เราเจอเต่าทะเลตัวมันใหญ่มาก ขนาดเราสองคนขี่หลังมันได้สบายๆ มันอยู่ห่างเราสัก 1 เมตร มันใกล้มากกกก เราถ่ายรูปมันไปหลายรูปเลย พอมันว่ายไป คนขับเรือลากเราว่ายตามมัน มันไปสบทบกับเต่าทะเลอีกตัว แต่ตัวเล็กกว่า แล้วมันก็แยกวงว่ายไปอีกทาง เราก็ยังคงว่ายตามมันไป สักพักมันหยุด เราก็หยุดถ่ายรูปมันอีก คนขับเรือทิ้งเราไว้กับเต่า ส่วนเค้าว่ายอ้อมไปอีกด้านเพื่อถ่ายรูปเต่าให้เรา และแล้ว อยู่ๆมันก็หันหน้ามาทางเรา แล้วว่าย มาหา ตายห่า ว่ายหลบไงว่ะ ว่ายน้ำเก่งแย่ล่ะ มันไม่ใช่ 1 เมตรแล้ว มันออกแนว 50 เซน เอื้อมมือไปจับถึงแน่ ไม่นะตัวเอง อย่าเข้ามา เค้าชอบตัวเองนะ แต่ได้โปรดรักษาระยะเหอะนะ พอใกล้ถึงเรา มันก็เลี้ยวไป โล่งอก!!! อีกแป๊ป คนขับเรือลากเราไปบริเวณโขดหินใกล้ป่าโกงกาง และเราก็เจอ.... ม้าน้ำ ตื่นเต้นสุดๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต เราเห็นในระยะที่ใกล้มาก เอื้อมมือไปนิดก็สัมผัสมันได้แล้ว นิดเดียวจริงๆ มันไม่ได้ว่ายหนีไปไหน มันกำลังเพลิดเพลินกับการใช้หางพันปะการังเพื่อทรงตัวให้อยู่กับที่ เราถ่ายรูปเสร็จก็กลับขึ้นเรือ เราเป็นสองคนสุดท้ายที่ถึงเรือ เลยกินอาหารกลางช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย กินเสร็จก็ได้เวลากลับขึ้นฝั่ง เราถึงฝั่งประมาณบ่ายสอง เสร็จจากอาบน้ำเราก็ไปหาเช่าจักรยาน แต่โชคไม่เข้าข้าง จักรยานหมด ไม่มีก็ไม่มี เดินก็ได้วะ
เราเดินไปตามหานกฟามิงโก้ตาม แหล่งน้ำ เราพบบึงเล็กๆ และมีนกฟามิงโก้อยู่สัก 3 ตัว มันไม่มีทางเข้า มีแต่ทางคนแหวกพงไว้ อย่านึกว่าจะไม่เดินตามรอยพงนะ บุกเข้าไปดูหน่อยสิ โอ้ย!!! หนามตำ ต้นไม้มีหนามทั้งนั้นเลย สุดท้ายก็ฝ่าเข้าไปจนถึงริมบึง ถ่ายรูปนก นกไม่ให้ความร่วมมือเลย มันก้มหน้าอยู่ใต้น้ำตลอด จะกินอะไรกันนักหนาเนี่ย!! อยากถ่ายรูปนะ อยากถ่ายรูป สุดท้ายเรารอไม่ไหว เลยเดินกลับ และแล้ว เราก็พบทางเข้าเล้าไก่ของชาวบ้านแถวนั้น มันอยู่ติดน้ำ แอบเข้าไป ค่อยๆเดิน ไก่อย่าร้องดังดิ จุ๊ๆ และแล้ว เราก็เดินถึงริมบึง มุมนี้สวยมาก ถ่ายรูปนกฟามิงโก้ได้สำเร็จ พอถ่ายรูปสำเร็จ เราก็ย้ายไปบริเวณท่าเรือ ถ่ายรูปแมวน้ำกันต่อ แมวน้ำไม่ยอมให้เราถ่ายรูปคู่ด้วยเวลาเราจะเข้าใกล้มันจะหันมามองแล้วส่งเสียงไล่เรา เราเลยแอบย่องไปอยู่ข้างหลังมัน แล้วถึงจะถ่ายรูปคู่มันได้สำเร็จ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถึงเวลากลับกันแล้ว พรุ่งนี้ค่อยออกสำรวจเกาะ Isabela แห่งกาลาปาโกสอีกครั้ง
ขอบฟ้าไกล ใครว่าไปไม่ถึง : กาลาปากอส, เอกวาดอร์ 3_4
ฉันกับหมอยังคงอยู่ที่เกาะ Isabela ในEcuador เรามีแผนที่จะไปดำน้ำที่ เกาะ Tuneles คนที่นี่ออกเสียงว่าทูนาเลส อ่านแบบสเปนนะ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษมันก็คือ Tunnel หรืออุโมงนั่งเอง
วันนี้ตื่นแต่เช้า ฝนตก ท่าไม่ดีซะแล้ว ฝนตกออกทะเล มันน่ากลัวไปป่าว ยังอยากหายใจอยู่นะ เราเลยตัดสินใจไปคุยกับเจ้าของ Hostel ว่าเราจะขอย้ายวัน แต่คำตอบที่ได้รับคือ ไม่ได้ เพราะเราไม่ไปก็เท่ากับเสียพื้นที่เค้า เพราะฉะนั้นไม่ไปได้ แต่ไม่คืนเงินนะ และเจ้าของ Hostel ก็ยืนยันหนักแน่นว่าฝนจะหยุดตก พอสายๆฟ้าจะเปิด เราตัดสินใจรอดูตอน 8โมงเช้าว่าฝนจะหยุดมั้ย ถ้าหยุดเราก็ไป
8 โมงเช้าฝนหยุดตก เอาว่ะ ในเมื่อฝนมันกล้าหยุด เราก็กล้าไป พอแปดโมงเล็กน้อยก็มีกะบะมารับเราไปที่Hostel ไปที่บริษัทท่องเที่ยวเพื่อที่เราจะได้เลือกฟิน(ตีนกบ) ที่พอดีกับเท้าเรา ส่วนอุปกรณ์ดำผิวน้ำอื่นๆ เราลงทุนซื้อเองเพื่อความปลอดภัยในชีวิต และความสะอาดในช่องปาก เรือที่นำเราไปกลางทะเลลักษณะเหมือน เรือ Speed Boat เปิดประทุน จะมีหลังคาผ้าใบบังเฉพาะส่วนที่เป็นระบบบังคับเรือ สรุปคือมีแต่คนขับเรือเท่านั้นที่ได้อยู่ในร่ม คนขับเรือขับเรือได้ซิ่งมาก ในขณะที่คลื่นน้ำทะเลสูงระดับสายตาเราเลยทีเดียว ตื่นเต้นมาก อะไรจะขับซิ่งปานนี้ น่ากลัวเกินไปแล้ว เราสองคนเกาะแขนกัน ใช้คำว่าล๊อคแขนกันเองจะเหมาะกว่า
สักพักเริ่มมีสัตว์ออกมาอวดโฉม ตื่นเต้น!!! นั่น มัน มันปลากระเบน ใหญ่มาก ขนาดมันพอๆกับน้องๆสระน้ำยางลมไซด์ใหญ่สุด สำหรับเด็กที่ขายตามแผนกของเล่นตามศูนย์การค้า เราลืมกลัว ต่างคน ต่างดูปลากระเบน ไม่กลัวละ ชักชิน สักพักก็เห็นฉลามครีบขาว คือว่าเราเห็นแต่ครีบอ่ะ ตัวไม่เกี่ยวนะ นั่งเรือไปเรื่อยๆ เราก็เห็นนกอยู่กันเป็นฝูงลอยอยู่กลางทะเลเพื่อจับปลา เพราะแถวนั้นเราสามารถเห็นปลากระโดดพ้นผิวน้ำได้ ปลานี่น่าจะอร่อย หน้าตาและผิวพรรณมันเหมือนปลาทูนึ่ง บ้านเราเลยแต่ขนาดใหญ่กว่า ถ้าฟังไกด์พูดไม่ผิดน่าจะนะ น่าจะ เป็นปลาทูน่า เสียงเรือและคลื่นมันดังมาก
ดูสัตว์ทะเลตามข้างทางไปได้สักพัก เรือก็หยุดอยู่ตรงโขดหินขนาดใหญ่ ตรงนั้นมีนกยืนโชว์อยู่หลายตัว แต่ตัวที่น่าสนใจที่สุดคือ Blue-feeted Booby มันเป็นนกลักษณะพิเศษตรงที่ขามันเป็นสีฟ้าเหมือนตัวการ์ตูนสเมิร์ฟเลย เรายังเจอแมวน้ำท้องถิ่นด้วยนะ มันเป็นแมวน้ำมีขนเยอะกว่าปกติ ขนสวยดี ตรงจุดนี้เราสองคนหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปกัน ถ่ายไปถ่ายมาชักเมาเรือ เรือมันจอดก็จริง แต่มันไม่นิ่ง คลื่นมันแรงทำให้เรือโคลงตลอดเวลา เราเกือบจะอ้วกแล้ว ดีนะเรือออกก่อน
คนขับเรือขับเรือพาเราไปยังเกาะ Tuneles มันเป็นเกาะที่เกิดจากหินภูเขาไฟ เมื่อเวลาผ่านไปก็เกิดการยุบตัวของหินในบางส่วน และถูกน้ำกัดเซาะจนทำให้เกิดช่องหิน สะพานหินธรรมชาติและอุโมงค์ มันให้ความรู้สึกเหมือนมีหินมากมายมากองตัวรวมกัน เพียงตามซอกหินไม่ใช่ดินแต่เป็นน้ำ ที่นี่จึงสวยแปลกตาสำหรับเรา ต้นไม้ที่เราพอจะเห็นก็คือตะบองเพชร
ในขณะที่เราชมความแปลกตาของสถานที่ เราได้พบกับ ลูกนก Blue-feeted Boody มันอายุ 2 เดือน(ไกด์ว่าอย่างนั้น) ตัวมันเป็นสีขาวทั้งตัว ขนดูปุกปุยน่ากอดเล่น ส่วนขาสีขาว ไม่ยังไม่ฟ้านะ คงต้องรอโตอีกสักหน่อย
เสร็จจากการเดินชมเกาะ Tunelesแล้ว ก็ได้เวลาดำผิวน้ำ น้ำที่นี่หนาวมาก ขนาดฉันปากสั่น ฟันกระทบกันทั้งๆที่คาบSnorkel อยู่ ส่วนหมอขนลุก ตัวสั่นมากขนาดแค่เราจับมือกันก็รู้สึกว่าหมอตัวสั่นทั้งตัว หนาววววมากกกกกก จุดดำน้ำจุดนี้เราเห็นปลานกแก้วตัวขนาดใหญ่มาก ไซด์ปลาเก๋าราดพริกตัวใหญ่มากๆ ที่ขายตามภัตคารทีเดียว จริงๆยังมีปลาอีกหลายชนิดหน้าตาก็เหมือนบ้านเรา แต่สิ่งที่น่าสนใจ แต่เราทำไม่ได้คือการรอดอุโมงใต้น้ำเข้าไปด้านใน ดูจากข้างนอกมันเหมือนถ้ำใต้น้ำเลย สีน้ำที่นี่ใสกว่าซานตาครูสมาก เอาเป็นว่าใสเลยล่ะ
ทริปนี้ไกด์พาเราไปดำน้ำสองจุด จุดที่สองคนขับเรือคงสงสารเราสองคน และคงชอบใจในความมุ่งมั่นถ่ายรูปของเรา จะมีสักกี่คนขนอุปกรณ์กล้องหนักหลายโลลงเรือ แถมกล้องถ่ายใต้น้ำอีกต่างหาก ของฉันเน้นเล็กและเบา แต่ของหมอโครตอลังกาลงานสร้างเลย หนักและใหญ่ทุกตัว นึกสภาพกล้อง GoPro กับ Olympasใส่เคสกันน้ำดิ ไซด์มันต่างกันสุดๆ คนขับเรือเลยพาเราแยกวงดำน้ำกัน 3 คน ออกแนวได้ทัวร์ส่วนตัวเฉยเลย เค้าจับมือเราและลากเราดำน้ำไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าน้ำมันผ่านตัวเลย เหมือนขับมอเตอร์ไซด์ด้วยความเร็วเล็กน้อยแล้วลมมันโดนตัวเรานั่นแหละ ความรู้สึกเดียวกันเลย เค้าลากเราไปดูฉลาม ครั้งแรกมันนอนอยู่ในถ้ำใต้น้ำ ระยะห่างหลายเมตรอยู่เพราะ เราดำน้ำไม่เป็น เค้าก็เอากล้องหมอดำลงไปถ่ายให้ จุดที่สองตื่นเต้นสุดๆ ฉลาม 2 ตัว มันว่ายอยู่ตรงหน้าเรา ถ้าอยู่บนบกเราโผล่ไปหามันก็กอดมันได้เลยนะ สักพักมันก็ว่ายสวนเรา เสร็จแล้วก็วายไปนอน 1 ตัว อีกตัวออกมาว่ายน้ำเล่น มันใกล้มาก เหมือนเรายืนเกาะกระจกดูมันใกล้ๆเลย แต่ที่นี่เราอยู่ในทะเลเดียวไม่มีกระจกกั้น
ดำน้ำไปอีกแป๊ปเดียว เราเจอเต่าทะเลตัวมันใหญ่มาก ขนาดเราสองคนขี่หลังมันได้สบายๆ มันอยู่ห่างเราสัก 1 เมตร มันใกล้มากกกก เราถ่ายรูปมันไปหลายรูปเลย พอมันว่ายไป คนขับเรือลากเราว่ายตามมัน มันไปสบทบกับเต่าทะเลอีกตัว แต่ตัวเล็กกว่า แล้วมันก็แยกวงว่ายไปอีกทาง เราก็ยังคงว่ายตามมันไป สักพักมันหยุด เราก็หยุดถ่ายรูปมันอีก คนขับเรือทิ้งเราไว้กับเต่า ส่วนเค้าว่ายอ้อมไปอีกด้านเพื่อถ่ายรูปเต่าให้เรา และแล้ว อยู่ๆมันก็หันหน้ามาทางเรา แล้วว่าย มาหา ตายห่า ว่ายหลบไงว่ะ ว่ายน้ำเก่งแย่ล่ะ มันไม่ใช่ 1 เมตรแล้ว มันออกแนว 50 เซน เอื้อมมือไปจับถึงแน่ ไม่นะตัวเอง อย่าเข้ามา เค้าชอบตัวเองนะ แต่ได้โปรดรักษาระยะเหอะนะ พอใกล้ถึงเรา มันก็เลี้ยวไป โล่งอก!!! อีกแป๊ป คนขับเรือลากเราไปบริเวณโขดหินใกล้ป่าโกงกาง และเราก็เจอ.... ม้าน้ำ ตื่นเต้นสุดๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต เราเห็นในระยะที่ใกล้มาก เอื้อมมือไปนิดก็สัมผัสมันได้แล้ว นิดเดียวจริงๆ มันไม่ได้ว่ายหนีไปไหน มันกำลังเพลิดเพลินกับการใช้หางพันปะการังเพื่อทรงตัวให้อยู่กับที่ เราถ่ายรูปเสร็จก็กลับขึ้นเรือ เราเป็นสองคนสุดท้ายที่ถึงเรือ เลยกินอาหารกลางช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย กินเสร็จก็ได้เวลากลับขึ้นฝั่ง เราถึงฝั่งประมาณบ่ายสอง เสร็จจากอาบน้ำเราก็ไปหาเช่าจักรยาน แต่โชคไม่เข้าข้าง จักรยานหมด ไม่มีก็ไม่มี เดินก็ได้วะ
เราเดินไปตามหานกฟามิงโก้ตาม แหล่งน้ำ เราพบบึงเล็กๆ และมีนกฟามิงโก้อยู่สัก 3 ตัว มันไม่มีทางเข้า มีแต่ทางคนแหวกพงไว้ อย่านึกว่าจะไม่เดินตามรอยพงนะ บุกเข้าไปดูหน่อยสิ โอ้ย!!! หนามตำ ต้นไม้มีหนามทั้งนั้นเลย สุดท้ายก็ฝ่าเข้าไปจนถึงริมบึง ถ่ายรูปนก นกไม่ให้ความร่วมมือเลย มันก้มหน้าอยู่ใต้น้ำตลอด จะกินอะไรกันนักหนาเนี่ย!! อยากถ่ายรูปนะ อยากถ่ายรูป สุดท้ายเรารอไม่ไหว เลยเดินกลับ และแล้ว เราก็พบทางเข้าเล้าไก่ของชาวบ้านแถวนั้น มันอยู่ติดน้ำ แอบเข้าไป ค่อยๆเดิน ไก่อย่าร้องดังดิ จุ๊ๆ และแล้ว เราก็เดินถึงริมบึง มุมนี้สวยมาก ถ่ายรูปนกฟามิงโก้ได้สำเร็จ พอถ่ายรูปสำเร็จ เราก็ย้ายไปบริเวณท่าเรือ ถ่ายรูปแมวน้ำกันต่อ แมวน้ำไม่ยอมให้เราถ่ายรูปคู่ด้วยเวลาเราจะเข้าใกล้มันจะหันมามองแล้วส่งเสียงไล่เรา เราเลยแอบย่องไปอยู่ข้างหลังมัน แล้วถึงจะถ่ายรูปคู่มันได้สำเร็จ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว ถึงเวลากลับกันแล้ว พรุ่งนี้ค่อยออกสำรวจเกาะ Isabela แห่งกาลาปาโกสอีกครั้ง