วันนี้มีโอกาสได้พบเจอมนุษย์ป้าตัวเป็นๆ ที่ทำการไปรษณีย์แถวบ้าน นึกขึ้นมาได้ก็เซ็งกับป้าแกเหมือนกันนะครับ
ปกติแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบมีเรื่องมีราวกับคนอื่น แต่มาคราวนี้คิดว่าไม่ถูกต้อง จึงต้องเข้าไปคุยเพื่อถามทัศนคติกับป้าแกหน่อย
คุณป้าท่านนี้ น่าจะมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าออนไลน์ มีออเดอร์จำนวนมากและใช้บริการไปรษณีย์สาขานี้เป็นประจำ
สังเกตได้จากพฤติกรรมที่แกไม่แยแส ไม่สนใจ ไม่เคารพสิทธิ์ของผู้ใช้บริการท่านอื่นๆ ที่รอคิวส่งพัสดุที่เคาน์เตอร์ไปรษณีย์
.
.
.
.
.
ปกติไปรษณีย์ที่นี่ (สาขาตลิ่งชัน) มีคนใช้บริการมาก พนักงานคีย์รับพัสดุต้องรับลูกค้าที่มาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 800-1000 คนในเวลาทำการจันทร์-ศุกร์ (อันนี้สังเกตคร่าวๆ จาก running number ของบัตรคิว)
วันนี้ผมก็มาใช้บริการตามปกติเหมือนที่เคย มาถึงตอน 4 โมงเย็น กดบัตรได้คิวหมายเลข 969 จำนวนคิวที่รอ 40 คิว ก็ยืนรอเรียกคิวตามปกติ
พอสักพักมีมนุษย์ป้าท่านนึง แบกสินค้าที่บรรจุมาอยู่ในกระสอบ สองกระสอบใหญ่ๆ ดูด้วยตาคร่าวๆ น่าจะมีของในถุงไม่ต่ำกว่า 40 ชิ้น...
คุณป้าท่านนี้ เดินเข้าไปในเคาน์เตอร์ด้านใน ซึ่งปกติเคาน์เตอร์นี้จะถูกแยกออกมาให้บริการกับลูกค้าที่ต้องการส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก จะได้ไม่ต้องรบกวนคิวลูกค้าปกติที่มาส่งพัสดุแค่ไม่กี่ชิ้น
ด้วยความที่ป้าแกมาถึงตอนที่ไปรษณีย์ใกล้จะตัดรอบในการส่งพัสดุช่วงบ่าย (4 โมงครึ่ง) ซึ่งไปรษณีย์จะปิดการบริการให้ส่วนนี้
ป้าแกมองไปที่ตู้กดบัตรคิวและเห็นว่าจำนวนคิวที่รอนานมาก ป้าแกจึงเดินไปรอลักไก่ ลัดคิวของคนใช้บริการท่านอื่น
.
.
.
.
.
เมื่อได้โอกาสคุณป้าก็คุยกับพนักงานรับพัสดุท่านนึง เพื่อทำการลัดคิว ส่งสินค้าสองกระสอบใหญ่
พนักงานไปรษณีย์ท่านนั้นไม่ปฏิเสธการให้บริการ และลัดคิวให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมเห็นว่ามันชักไม่ถูกต้องจึงได้ถามพี่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน ชวนคุยหาแนวร่วมว่า "พี่ครับ พี่ได้บัตรคิวเบอร์อะไร"
พี่คนนั้นบอกว่า: "ของพี่บัตรคิว 966"
ผมเลยบอกว่า "มีป้าคนนึงเค้าไม่ยอมกดบัตรคิว เค้าลัดคิวคนอื่น ส่งสินค้าตั้ง 2 กระสอบใหญ่ๆ ทำไมเจ้าหน้าที่เค้าถึงยอมบริการให้ "
พอผมพูดขึ้นมา คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันก็เลยเริ่มบ่นและต่อว่า "ป้าคนนั้น หน้าด้านอ่ะ ไม่ยอมเข้าคิว แถมพนักงานยังบริการให้อีก พี่ว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ รู้เห็นเป็นใจด้วยแน่นอน พี่จะโทรไปร้องเรียน"
ด้วยความที่ผมเกรงใจ กลัวว่าถ้าไป complain หน้าเคาน์เตอร์ตอนนั้นตรงๆ คนที่รอคิวอยู่อาจจะได้รับบริการล่าช้า ส่งพัสดุไม่ทันเวลา แถมยังต้องมาทะเลาะกับคุณป้าและพนักงาน เสียเวลาอีก
พอคุณป้าส่งของเสร็จ ใช้เวลานานพอสมควร ผมจึงถามคุณป้าด้วยความสุภาพ และให้เกียรติว่า "พี่ครับ ของพี่กดบัตรคิวเบอร์อะไรครับ" (ยังไม่กล้าตำหนิตอนแรก กลัวเงิบเหมือนกัน)
.
.
.
.
.
คุณป้า: "ไม่รู้ บัตรคิวอะไร ไม่รู้ !!!"
ผม: "พี่ครับ ผมถามหน่อยครับว่าพี่กดบัตรคิวเบอร์อะไร"
คุณป้า ตีมึนทำเป็นไม่รู้เรื่อง: "$%?.<$@# บัตรคิว ???"
ผมถามอีกที: "เมื่อกี้ตอนที่มาพี่ได้กดบัตรคิวหรือเปล่าครับ"
คุณป้าขึ้นเสียง: "ไม่มี ชั้นไม่กด !!!"
ผมนี่ อึ้งไปเลย: "... .... .... พี่ครับ พี่ไม่เคารพสิทธิ์คนอื่นนะครับ ทำไมทำแบบนี้ คนอื่นที่เค้ามาทีหลัง เค้ายังต้องมาต่อคิว"
คุณป้าเดินหนีไม่สนใจ ไม่สนไม่แคร์ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
คนที่อยู่บริเวณตรงนั้นก็เริ่มบ่นว่า ทำไม พนักงานถึงยอมปล่อยให้ลัดคิว ไม่เกรงใจคนที่มาก่อนและกดบัตรคิวรอกันมานานแล้ว
มีคุณพี่ผู้หญิงท่านนึง เดินเข้าไปตำหนิที่หน้าเคาน์เตอร์ตรงๆ ว่าทำไมคุณปล่อยให้คนที่มาทีหลัง ของก็เยอะ มาลัดคิวคนอื่น
พนักงานคนนั้นก็ไม่ได้สนใจ ยังคงรับลูกค้าคนอื่นๆ ต่อไปตามปกติ
.
.
.
.
.
พออีกสักพักถึงกำหนดบัตรคิวของผมพอดี แล้วผมก็ได้ใช้บริการกับพนักงานท่านนั้นด้วย
ผม: "พี่ครับ ผมถามหน่อยครับ ปกติพี่ยอมให้ลูกค้าคนอื่นลัดคิวด้วยหรอครับ"
พนักงาน: "พี่คนนี้เค้าส่งเดือนละเป็นล้านน่ะ"
ผม: "แล้วปกติพี่ปฏิเสธเค้าไปไม่ได้หรอครับ ว่าถ้าไม่กดบัตรคิวไม่ให้บริการ"
พนักงาน "ปฏิเสธไม่ได้ ลูกค้าคนนี้เค้าส่งเยอะ ปกติเค้าใช้บริการช่องด้านในแต่วันนี้ช่องด้านในปิด"
ผม: "อย่างนี้คนอื่นเค้าก็รอนาน ทำไมพี่ทำแบบนี้"
พนักงาน: "ก็ช่องด้านในเค้าไม่ยอมคีย์ พี่เลยต้องมาคีย์ ปกติถ้าพี่คนด้านในไม่รับ พี่ก็ต้องมารับเอง"
ผมได้ฟังคำตอบก็ได้แต่อึ้งไปเลย...
.
.
.
.
.
จบประเด็นนี้ ผมได้แต่ข้องใจว่า ทำไม !!! คนที่ไม่เคารพสิทธิ์ผู้อื่น ไม่เคารพกติกา จึงทำอะไรก็ได้โดยที่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไง พนักงานก็ไม่ทำอะไร ปล่อยผ่านเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
ถึงผมจะรักษาสิทธิ์ ตำหนิ แนะนำและอยากให้ปรับปรุง สุดท้ายเรื่องมันก็จะผ่านไป โดยที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้และต้องยอมรับมันหรือเปล่า... (ตอนนี้เล่าและพิมพ์ด้วยความเซ็ง !!!)
PS. ขออภัยที่ต้องมาเล่าซะยาวยืด จริงๆ เรื่องจะดุเดือดกว่านี้หน่อย แต่พยายามพิมพ์ให้ดูซอฟท์ และผมดันใช้โทรศัพท์ Low tech กากๆ ไม่ได้ถ่ายคลิปมาให้ได้ดูกัน ถ้าไม่งั้นสนุกกว่านี้อีกนะเออ
ประสบการณ์ตรงสัมผัสมนุษย์ป้าและการบริการของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย
วันนี้มีโอกาสได้พบเจอมนุษย์ป้าตัวเป็นๆ ที่ทำการไปรษณีย์แถวบ้าน นึกขึ้นมาได้ก็เซ็งกับป้าแกเหมือนกันนะครับ
ปกติแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบมีเรื่องมีราวกับคนอื่น แต่มาคราวนี้คิดว่าไม่ถูกต้อง จึงต้องเข้าไปคุยเพื่อถามทัศนคติกับป้าแกหน่อย
คุณป้าท่านนี้ น่าจะมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าออนไลน์ มีออเดอร์จำนวนมากและใช้บริการไปรษณีย์สาขานี้เป็นประจำ
สังเกตได้จากพฤติกรรมที่แกไม่แยแส ไม่สนใจ ไม่เคารพสิทธิ์ของผู้ใช้บริการท่านอื่นๆ ที่รอคิวส่งพัสดุที่เคาน์เตอร์ไปรษณีย์
.
.
.
.
.
ปกติไปรษณีย์ที่นี่ (สาขาตลิ่งชัน) มีคนใช้บริการมาก พนักงานคีย์รับพัสดุต้องรับลูกค้าที่มาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 800-1000 คนในเวลาทำการจันทร์-ศุกร์ (อันนี้สังเกตคร่าวๆ จาก running number ของบัตรคิว)
วันนี้ผมก็มาใช้บริการตามปกติเหมือนที่เคย มาถึงตอน 4 โมงเย็น กดบัตรได้คิวหมายเลข 969 จำนวนคิวที่รอ 40 คิว ก็ยืนรอเรียกคิวตามปกติ
พอสักพักมีมนุษย์ป้าท่านนึง แบกสินค้าที่บรรจุมาอยู่ในกระสอบ สองกระสอบใหญ่ๆ ดูด้วยตาคร่าวๆ น่าจะมีของในถุงไม่ต่ำกว่า 40 ชิ้น...
คุณป้าท่านนี้ เดินเข้าไปในเคาน์เตอร์ด้านใน ซึ่งปกติเคาน์เตอร์นี้จะถูกแยกออกมาให้บริการกับลูกค้าที่ต้องการส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก จะได้ไม่ต้องรบกวนคิวลูกค้าปกติที่มาส่งพัสดุแค่ไม่กี่ชิ้น
ด้วยความที่ป้าแกมาถึงตอนที่ไปรษณีย์ใกล้จะตัดรอบในการส่งพัสดุช่วงบ่าย (4 โมงครึ่ง) ซึ่งไปรษณีย์จะปิดการบริการให้ส่วนนี้
ป้าแกมองไปที่ตู้กดบัตรคิวและเห็นว่าจำนวนคิวที่รอนานมาก ป้าแกจึงเดินไปรอลักไก่ ลัดคิวของคนใช้บริการท่านอื่น
.
.
.
.
.
เมื่อได้โอกาสคุณป้าก็คุยกับพนักงานรับพัสดุท่านนึง เพื่อทำการลัดคิว ส่งสินค้าสองกระสอบใหญ่
พนักงานไปรษณีย์ท่านนั้นไม่ปฏิเสธการให้บริการ และลัดคิวให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมเห็นว่ามันชักไม่ถูกต้องจึงได้ถามพี่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน ชวนคุยหาแนวร่วมว่า "พี่ครับ พี่ได้บัตรคิวเบอร์อะไร"
พี่คนนั้นบอกว่า: "ของพี่บัตรคิว 966"
ผมเลยบอกว่า "มีป้าคนนึงเค้าไม่ยอมกดบัตรคิว เค้าลัดคิวคนอื่น ส่งสินค้าตั้ง 2 กระสอบใหญ่ๆ ทำไมเจ้าหน้าที่เค้าถึงยอมบริการให้ "
พอผมพูดขึ้นมา คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันก็เลยเริ่มบ่นและต่อว่า "ป้าคนนั้น หน้าด้านอ่ะ ไม่ยอมเข้าคิว แถมพนักงานยังบริการให้อีก พี่ว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ รู้เห็นเป็นใจด้วยแน่นอน พี่จะโทรไปร้องเรียน"
ด้วยความที่ผมเกรงใจ กลัวว่าถ้าไป complain หน้าเคาน์เตอร์ตอนนั้นตรงๆ คนที่รอคิวอยู่อาจจะได้รับบริการล่าช้า ส่งพัสดุไม่ทันเวลา แถมยังต้องมาทะเลาะกับคุณป้าและพนักงาน เสียเวลาอีก
พอคุณป้าส่งของเสร็จ ใช้เวลานานพอสมควร ผมจึงถามคุณป้าด้วยความสุภาพ และให้เกียรติว่า "พี่ครับ ของพี่กดบัตรคิวเบอร์อะไรครับ" (ยังไม่กล้าตำหนิตอนแรก กลัวเงิบเหมือนกัน)
.
.
.
.
.
คุณป้า: "ไม่รู้ บัตรคิวอะไร ไม่รู้ !!!"
ผม: "พี่ครับ ผมถามหน่อยครับว่าพี่กดบัตรคิวเบอร์อะไร"
คุณป้า ตีมึนทำเป็นไม่รู้เรื่อง: "$%?.<$@# บัตรคิว ???"
ผมถามอีกที: "เมื่อกี้ตอนที่มาพี่ได้กดบัตรคิวหรือเปล่าครับ"
คุณป้าขึ้นเสียง: "ไม่มี ชั้นไม่กด !!!"
ผมนี่ อึ้งไปเลย: "... .... .... พี่ครับ พี่ไม่เคารพสิทธิ์คนอื่นนะครับ ทำไมทำแบบนี้ คนอื่นที่เค้ามาทีหลัง เค้ายังต้องมาต่อคิว"
คุณป้าเดินหนีไม่สนใจ ไม่สนไม่แคร์ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
คนที่อยู่บริเวณตรงนั้นก็เริ่มบ่นว่า ทำไม พนักงานถึงยอมปล่อยให้ลัดคิว ไม่เกรงใจคนที่มาก่อนและกดบัตรคิวรอกันมานานแล้ว
มีคุณพี่ผู้หญิงท่านนึง เดินเข้าไปตำหนิที่หน้าเคาน์เตอร์ตรงๆ ว่าทำไมคุณปล่อยให้คนที่มาทีหลัง ของก็เยอะ มาลัดคิวคนอื่น
พนักงานคนนั้นก็ไม่ได้สนใจ ยังคงรับลูกค้าคนอื่นๆ ต่อไปตามปกติ
.
.
.
.
.
พออีกสักพักถึงกำหนดบัตรคิวของผมพอดี แล้วผมก็ได้ใช้บริการกับพนักงานท่านนั้นด้วย
ผม: "พี่ครับ ผมถามหน่อยครับ ปกติพี่ยอมให้ลูกค้าคนอื่นลัดคิวด้วยหรอครับ"
พนักงาน: "พี่คนนี้เค้าส่งเดือนละเป็นล้านน่ะ"
ผม: "แล้วปกติพี่ปฏิเสธเค้าไปไม่ได้หรอครับ ว่าถ้าไม่กดบัตรคิวไม่ให้บริการ"
พนักงาน "ปฏิเสธไม่ได้ ลูกค้าคนนี้เค้าส่งเยอะ ปกติเค้าใช้บริการช่องด้านในแต่วันนี้ช่องด้านในปิด"
ผม: "อย่างนี้คนอื่นเค้าก็รอนาน ทำไมพี่ทำแบบนี้"
พนักงาน: "ก็ช่องด้านในเค้าไม่ยอมคีย์ พี่เลยต้องมาคีย์ ปกติถ้าพี่คนด้านในไม่รับ พี่ก็ต้องมารับเอง"
ผมได้ฟังคำตอบก็ได้แต่อึ้งไปเลย...
.
.
.
.
.
จบประเด็นนี้ ผมได้แต่ข้องใจว่า ทำไม !!! คนที่ไม่เคารพสิทธิ์ผู้อื่น ไม่เคารพกติกา จึงทำอะไรก็ได้โดยที่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นยังไง พนักงานก็ไม่ทำอะไร ปล่อยผ่านเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
ถึงผมจะรักษาสิทธิ์ ตำหนิ แนะนำและอยากให้ปรับปรุง สุดท้ายเรื่องมันก็จะผ่านไป โดยที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้และต้องยอมรับมันหรือเปล่า... (ตอนนี้เล่าและพิมพ์ด้วยความเซ็ง !!!)
PS. ขออภัยที่ต้องมาเล่าซะยาวยืด จริงๆ เรื่องจะดุเดือดกว่านี้หน่อย แต่พยายามพิมพ์ให้ดูซอฟท์ และผมดันใช้โทรศัพท์ Low tech กากๆ ไม่ได้ถ่ายคลิปมาให้ได้ดูกัน ถ้าไม่งั้นสนุกกว่านี้อีกนะเออ