สนุกมว๊ากกกก ชอบบบ ไม่ค่อยได้ดูหนังสีโทนแบบนี้ นักเลงๆ จะเป็นคนไม่ค่อยอิน และตอนดูตัวอย่าง ก็ไม่กะจะดูเรื่องนี้อยู่แล้วค่ะ
เพราะรู้สึกทั้งโทน ทั้งนักแสดง ไม่ได้ทำให้เราอยากดูเลย ถึงเราจะชอบพวกเรื่องหุ่นยนต์บ้างก็เถอะ แต่หลังๆ มาก็เอียนแล้ว
จนกระทั่ง มีน้องที่ไปดูมา แท็กเรามาว่าให้ลองไปดู เพราะอยากคุยด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก่อนจะลืม ขอตั้งเป็นกระทู้เลยแล้วกันนะคะ
เรื่องราวเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากร การปะทะกันที่ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้บริสุทธิ์ต้องตาย การทดลองใช้หุ่นยนต์ตำรวจทดแทน
ที่สามารถปฏิบัติงานได้เอง เป็นมิตรต่อผู้คน ร่วมกับตำรวจจริงๆ เพื่อรักษาชีวิต ส่งผลให้จำนวนอาญากรลดลง ประเทศต่างๆ ต่างสนใจบ้าง เรื่องทำท่าจะไปได้สวย แต่สิ่งหนึ่งที่วิศวกรผู้สร้างหุ่นยนต์เหล่านี้ต้องการจริงๆ คือความฝันที่จะสร้างหุ่นที่ "รู้สำนึกและเรียนรู้เอง" ได้
มนุษย์ทุกคนย่อมมีความทะเยอทะยาน ความต้องการที่จะดีกว่า แต่ความเปลี่ยนแปลงย่อมมาพร้อมความไม่มั่นคง และสิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด
..ก็คือความไม่มั่นคงนั่นเอง
การทดลองของเขาไม่ได้รับการอนุมัติ แต่ชื่อเสียงเงินทองหรือความสะดวกสบายมันหอมหวานไม่เท่าความฝันและอุดมการณ์ มีสิ่งต่างๆ เิดขึ้นอย่างกระทันหันแต่ในที่สุด หุ่นยนต์ที่สามารถเรียนรู้ได้เองตัวแรกของโลก ก็เกิดขึ้นมา
คำถามคือ โลกต้องการมันจริงหรือเปล่า?
และมนุษยชาติ พร้อมที่จะเจอกับอีกหนึ่งเผ่าพันธ์ที่ "ทรงปัญญา" แบบเดียวกับเราหรือไม่
หนังเสียดสีความเป็น "มนุษย์" ได้อย่างจัง ที่เรียกว่ามนุษย์นั้นเรียกจากอะไร
เรามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าโฮโม ซาเปี้ยน ซาเปี้ยน{1} จากการที่กะโหลดเราพัฒนาการให้หน้าผากตั้งขึ้น สมองมีมากขึ้น จนเรา "ฉลาด"
เรามองว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิต "ชั้นสูง" เพราะนอกจากร่างกายและสมองอันซับซ้อนที่จับต้องได้แล้ว เรายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่นักปรัชญาหลายยุคหลายสมัยต่างพยายามจะอธิบาย นั่นคือ "จิตสำนึก" หรือ จิตใจ หรือวิญญาณ หรืออะไรก็แล้วแต่จะอธิบายมัน
และไอเจ้าสิ่งนี้แหละ ที่ทำให้เกิดความคิดเรื่อง สิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์ 3 ประการ{2} ที่สิ่งมีชีวิตอื่นไม่มี เรามีสัญญาประชาคม{3} เรามีโครงสร้างทางสังคม เรามีระบบสถาบัน เรามีวัฒนธรรม เราพยายามสร้างจริยธรรม ทุกสิ่งอย่างเหล่านี้คือสิ่งบ่งชี้ความเป็นมนุษย์ ผู้พิการทางด้านร่างกาย ยังได้รับสิทธิต่างๆ มากมายเฉกเช่นคนที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อม แต่ผู้บกพร่องทางจิตถึงขั้นวิกลจริต จะถูกจำกัดสิทธิหลายๆ ประการออกไปด้วยความจำเป็น เพราะสิ่งบ่งชี้ความเป็นมนุษย์ข้อนี้ไม่มี หรือไม่สมบูรณ์ในเขาเหล่านั้น
เช่นนั้นแล้ว ถ้าจักรกล มีจิตสำนึกเฉกเช่นมนุษย์ แต่ไร้ซึ่งสารอินทรีย์{4} แบบมนุษย์ จะถือว่าจักรกลนั้นเป็นมนุษย์หรือไม่?
สิทธิทางธรรมชาติจะมีในหุ่นยนต์หรือไม่? นั่นคือสิ่งที่ได้รับจากเรื่องนี้
หากจะดูเอามันส์ก็ได้ มีมุกตลกๆ มากมาย มีความฮาและความน่ารักของมัน มีประเด็นจิตวิทยาพัฒนาการ{4} ที่น่าสน แต่หลายคนอาจจะไม่ชอบ หากอยากจะดูฉากบู๊ของหุ่นยนต์อันทันสมัย เทคโนโลยีล้ำยุค หรือการแสดงความสามารถของหุ่นยนต์เจ๋งๆ เพราะโดยตัวหนังค่อนข้างจิกกัดความเป็นมนุษย์อยู่เยอะมาก
เนื้อหาต่อไปอยู่ในสปอยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาจเพราะหนังมีเนื้อหาไปด้าน Cognitive Science และ Epistemology ค่อนข้างหนักในส่วนของแก่น ทำให้หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าน่าเบื่อได้ ทำไมต้องอย่างงั้น ทำไมต้องอย่างงี้ หุ่นม่งง๊องแง๊งจังฟระ! แต่ลองนึกว่าหากเราคือแชปปี้ เกิดมาได้รับการเรียนรู้ แล้วมาค้นพบว่าโลกมันโหดร้าย มนุษย์คนไหนเชื่อใจได้บ้าง แม้แต่คนที่สร้างมายังอยากให้เราตาย (ในมุมมองของแชปปี้)
ออกตัวก่อนเลยว่าเราเป็นคนไม่เชื่อว่า AI จะมี จิตสำนึกได้ แบบที่หนังแต่ละเรื่องมี คือคอมพ์มันก็เป็นคอมพ์ มันเป็นระบบตรรกะ คมพิวเตอร์ไม่เคยอวดโอยเมื่อต้องถูกชัตดาวน์ ถ้าเราไม่เขียนโปรแกรมไว้เองว่า เฮ้ย อย่าพึ่งชัตดาวน์ ยังไม่ได้เซฟงานนะ ด้วยความที่รูปร่างหน้าตาของหนังพวกนี้มักให้หุ่นมาในรูปของแอนดรอยด์ (ุสร้างมาเพื่อเลียนมนุษย์) ด้วย จึงทำให้คนดูจะรู้สึกเหมือนมันมีชีวิตจิตใจ แต่ลองนึกดูทุกวันนี้เรามีสมองพวกนี้อยู่เต็มไปหมด ในเครื่องซักผ้า แอร์ในห้องนอนคุณ ตู้เย็น ไอแพด ไอโฟน แต่เรากลับไม่รู้สึกว่ากลัวแบบที่ในหนังมี
ดีออน คนอัจฉริยะมักอยากจะสร้างอะไรให้กับโลกใบนี้ แบบเดียวกับที่อลัน ทัวร์ริงได้สร้างเครื่องถอดรหัสอีนิกมาจนกลายเป็นการมอบคอมพิวเตอร์ให้กับมนุษยชาติในที่สุด เมื่อความฝันใกล้ราวคว้าได้แล้ว จึงไม่แปลกใจที่จะทิ้ง "ความมั่นคง" ของตัวเองเพื่อดูความสำเร็จนั้น ยอมตายก็เอาละวะ ถึงขนาดกลับรังโจร เพราะคำพูดที่ว่า จงลิขิตชีวิตตัวเอง อย่าให้ชีวิตมาลิขิต ที่เค้าแปะไว้บนโต๊ะทำงานและคงย้ำเป็นประโยคที่ย้ำเตือนเค้ามาตั้งแต่แรก
วินเซ็น ความอาฆาต การล้มเหลวเพราะมีสิ่งอื่นที่ดีกว่า ทั้งที่เค้าคิดว่าของตัวเองต่างหากที่ดี เป็นแรงขับอย่างดีที่พร้อมจะทำอะไรก็ได้ สร้างความเสียหายเท่าไหร่ก็ได้ เพื่อให้ตัวเอง "ได้รับการนับถือ" ซึ่งเป็นขั้นที่ 4 ของลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ ตามทฤษฎีของมาสโลว์ ซึ่งความลักลั่นย้อนแย้งที่มักเกิดขึ้นประจำ คือการจะมาถึงจุดนี้ เราจะต้องผ่านขั้น 1 และ 2 ก่อน (ร่างกาย+ความปลอดภัยมั่นคง) แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว มนุษย์ก็พร้อมยอมเสียอะไรก็ได้ในสองขั้นแรก เพื่อให้ได้ขั้นนี้มา รวมถึงสูญเสียความเป็นมนุษย์ (มนุษยธรรม) ฉากที่เขาพยายามตามสืบยังปรกติ ฉากที่เขาพยามเริ่ม "ทำผิด" นั่นเป็นประตูแรกที่ละทิ้งความผิดบาปไป เพื่อเป้าหมายของตัวเอง จนกระทั่งฉากที่เขาดูข่าวการอาละวาด หน้าตาที่หวาดหวั่น แต่ตามมาด้วยเสียงกู่ร้อง
.. มันคือสัญญาณว่ามโนธรรมของเขา ได้จากไปแล้ว
หนังตอกย้ำถึงการสูญเสียความเป็นมนุษย์ของเขาได้อย่างชัดแจ้งอีกครั้งดั่งเอามือตบหน้า กับรอยยิ้มที่ได้ "ฉีกขยี้" มนุษย์คนอื่นๆ ที่เขาไม่มองว่าเป็นมนุษย์เพราะสถานภาพทางสังคมที่ "เป็นขยะ" สำหรับเขา และต้องทำลาย ไม่มีการลังเลใดๆ ที่จะฆ่าอย่างทรมาน หรือลุแก่อำนาจ กระทำเกินกว่าเหตุ
จำตรงนี้ไว้นะคะ แล้วเราจะกับมาพูดถึงอีกทีนึง
แชปปี้ ตัวละครหลักของเราที่อยู่ดีๆ ก็ "มีชีวิต" มาซะงั้น เราแทบไม่เห็นการเชื่อมโยงระหว่างหุ่นเบอร์ 22 กับแชปปี้ ราวกับเป็นคนละตัวกัน (ซึ่งตามจิตวิทยาและมุมมองของซอฟแวร์แล้วต้องบอกว่าเป็นคนละตัวอย่างไร้ข้อกังขาด้วยซ้ำ) แม้จะอยู่ในร่างเดียวกัน
คุณรู้สึกอย่างไรกับฉากที่หุ่นโดน RPG
และคุณรู้สึกอย่างไรกับการที่หุ่นแชปปี้ถูกรังแก โยนก้อนหิน และถูกปาด้วยระเบิดขวด
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาจากการรับรู้ความมีชีวิตของมัน แชปปี้ไม่มีเซ็นเซอร์รับความเจ็บปวดใดๆ มันไม่เจ็บหรอกตอนโดนหินปา แต่มัน "ร้องขออย่ารังแก" ฉากที่มันโดนแกะหัว มันร้องขอชีวิต ทั้งที่มันไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่มีใครสอนให้มันขอชีวิต ไม่เคยสอนมันเรื่องความกลัว แต่มันกลัวเอง รักษาสิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์ข้อที่ 1 โดยการกระทำของมันทำโดยสมัครใจ มันมี Free will ซึ่งหาไม่ได้ในหุ่นยนต์แน่นอน ฉากที่มันกลัว มันรักแม่ มันอยากวาดรูป ท้ั้งหมดบ่งชี้ถึง free will ที่มันมี เราไม่สามารถถามคอมพ์ได้ว่าอยากเปิดมาทำงานมั้ยวันนี้ หรือเธออยากจะหาใน Google หรือ Bing แต่แชปปี้ทำได้
โมเดลความรู้ใน Epistemology ว่าไว้ว่าความรู้คือพื้นที่ร่วมระหว่างความจริง และ ประสบการณ์ ซึ่งตรงนี้ไม่มีในคอมพิวเตอร์ เราแค่บอกมันว่า a=4 ไม่มีความจริง ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ แค่ a=4 แค่นั้น ตามตรรกศาสตร์ ที่ไม่ต้องสงสัยประพจน์ แต่แชปปี้ไม่ใช่เช่นนั้น มันสงสัย และความรู้นั้นถูกแบ่งออกเป็นสามขั้น ขั้นลึกสุดคือความรู้ที่ได้รู้ มักมาจากการสะสม เป็นบทสรุปสุดท้ายแล้ว มันคือ Deep Knowledge ที่เราเรียนๆ กันนั่นแหละ แต่กว่าจะได้สิ่งนี้มา ก็มาจาก Domain Knowledge นี่แหละ ที่ได้ทดลองมากัน อย่างแรกนั้นเราสามารถใส่ค่าให้โปรแกรมได้โดยตรง เช่นการบอก pi=3.141 แต่ส่วนสุดท้ายที่เป็นความรู้แบบบ้านๆ ที่สุด กลับเป็นสิ่งที่ทำให้คอมพ์มันรู้ได้ยากที่สุด คือ Surface Knowledge ความรู้จากประสบการณ์
เป็นสิ่งที่ Epistemology พยายามหาคำตอบ ว่าเราจะถ่ายทอดมันได้ยังไง เราสามารถวิ่งขึ้นบันไดได้ โดยไม่ต้องมาคำนวณว่าจะต้องยกขาสูงเท่าไหร่ เอาขาลงตรงไหน เพราะเราฝึกคลาน เดิน และขึ้นบันไดตั้งแต่เด็กๆ ตรงนี้แหละคือ Cognitive Science เป็นสิ่งที่ดีออน พระเอกของเราเค้าทำสำเร็จ ซึ่งหนังก็บอกกลายๆ ว่าใช้ Neural Networks นี่แหละ (เหตุผลที่แชปปี้มันดันถ่ายทอดตัวเองได้ทั้งที่ไม่มีเส้นประสาทแบบมนุษย์)
นักปรัชญาพยายามอธิบายความเก่งกาจของเรา ที่สามารถบอกได้ว่าอะไรคือเก้าอี้นั่ง ทั้งที่เก้าอี้มีหลากหลายรูปทรง เรารู้ว่านี้คือเก้าอี้ ไม่น่าใช่โต๊ะ เพราะหลายๆ "บริบท" ทั้งที่จริงๆ เราก็ไม่รู้ว่าอะไรถึงจะเป็นเก้าอี้ที่เพอร์เฟ็คที่สุด มีความเป็นเก้าอี๊เก้าอี้ แต่เราก็บอกได้ว่า เอออันนี้ เก้าอี้นะ
(ซึ่งสิ่งเหล่านี้เพลโตบอกมันเป็นโลกของฟอร์มไง เราเลยรู้) ซึ่งสิ่งเหล่านี้แชปปี้สามารถทำได้
มันต่างจากการเรียนรู้ของ AI ที่เราพยายามทำกันมากนะ เพราะ AI ที่เราพยายามทำคือให้มัน จำได้ เรียนรู้ได้ แต่ไม่ใช่มีจิตสำนึก AI อาจจะบอกเราได้ว่าเราควรทำอะไร หรือวันนี้ควรพกร่มมั้ย แต่มันมาจากการอ่านสถิติ การคำนวณและหาความน่าจะเป็น วิเคราะห์ ซึ่งไม่ใช่ การตัดสินใจจากจิตสำนึก
สรุปแล้วทั้งหมดที่กล่าวมา คุณคิดว่าแชปปี้ เป็นมนุษย์หรือไม่? หรือให้ง่ายขึ้น คุณคิดว่าแชปปี้มีความเป็นมนุษย์มากแค่ไหน?
แชปปี้สามารถเลือกได้ว่าจะทำอะไร ไม่ทำอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
หากเราโคลนแชปปี้ 10 ตัว 10 ตัวนี้ที่ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ก็จะไม่เหมือนกัน หากแต่มันจะมี free will ของมันเอง ไม่ได้ Random แต่มัน "เลือก" เอง
สุดท้ายแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ "ไม่เคยเกิด ไม่เคยเป็นมนุษย์ ไม่เคยหายใจ" กลับสามารถ "ให้อภัย" กับคนที่มัน "รู้สึกเกลียด" ได้
ซึ่งคนๆ นั้น ที่กลัวหุ่นยนต์จะทำลายล้างมนุษย์ กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมไปแล้วจริงๆ มีเพียงร่างกายและโปรแกรมที่ตั้งไว้เพื่อให้ตัวเอง "ชนะ" แค่นั้น ทั้งที่ตัวเองเคยกลัวหุ่นยนต์ว่ามันจะไม่มีมนุษยธรรม มันจะกระทำเกินกว่าเหตุ แต่เรื่องราวแสดงให้เราเห็นว่า สุดท้ายแล้ว หุ่นยนต์ที่ถูกบังคับโดยมนุษย์ กลับโหดร้ายและทารุณมากกว่าแชปปี้ที่ "รู้สึกผิด" ตอนเห็นตำรวจเลือดออกเสียอีก หรืออย่างน้อยๆ มันก็อำมหิตกว่าดรอยด์ตัวอื่นๆ ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ซะอีก ใช่มั้ยคะ?
ฉากที่นินจา(พ่อจ๋า) เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อให้คนอื่นอยู่รอด เราแอบนึกถึงนักบุญดีสมาส โจรที่วาระสุดท้ายของชีวิตได้กลับใจและได้รับการอภัยจากพระเยซูตอนถูกตรึงกางเขนพร้อมๆ กันมากเลยค่ะ อันนี้คิดแบบฟุ้งๆ นะคะ เหมือนโยลันดี(แม่จ๋า) คือพระแม่มารีย์ ที่ชิปปี้ (พระเยซู) ได้รับเกียรติให้เข้าสู่สวรรค์ หรือก็คือโลกยุคใหม่ โลกแห่งมนุษย์จักรกล ยังไงยังงั้นเลยค่ะ ด้วยบทบาทที่เชื่อชิปปี้อย่างสุดหัวใจ การถ่อมตน คือบทนางเหมือนพระแม่มารีย์มากๆ
เราชอบประเด็นของหนังเรื่องนี้ "มากกกกก" ตรงที่แทบจะถอดจิตใจมนุษย์ลงตรงหุ่นยนต์เลย ไม่มีกฏสามข้อที่ห้ามทำร้ายมนุษย์ (ด้วยความคาราวะ อาซิมอฟนะคะ แต่รู้สึกแบบนี้จริงๆ) มันจึงไม่ถูกโปรแกรมใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากหุ่นจากเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ทำร้าย เพราะกฏมันห้ามทำร้าย ซึ่งเมื่อเราแฮคมันได้ ก็จบเห่
แม้จะเป็นประเด็นเดิมๆ ว่าท้ายที่สุดมนุษย์นั้นชั่วร้ายกว่าหุ่นยนต์รึเปล่า อาจจะดู Cliche แต่หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอว่าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่มีการตัดสินแบบ Stereotype แต่สิ่งที่เราได้เห็นคือ มนุษย์มีบางสิ่งที่งดงามมากที่สุด ขณะเดียวกัน-กับบาง สิ่งนั้นก็อัปลักษณ์มากที่สุด
...นั่นคือจิตใจ
[CR] Chappie เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง [แจ้งก่อน Spoiled]
เพราะรู้สึกทั้งโทน ทั้งนักแสดง ไม่ได้ทำให้เราอยากดูเลย ถึงเราจะชอบพวกเรื่องหุ่นยนต์บ้างก็เถอะ แต่หลังๆ มาก็เอียนแล้ว
จนกระทั่ง มีน้องที่ไปดูมา แท็กเรามาว่าให้ลองไปดู เพราะอยากคุยด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก่อนจะลืม ขอตั้งเป็นกระทู้เลยแล้วกันนะคะ
เรื่องราวเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากร การปะทะกันที่ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้บริสุทธิ์ต้องตาย การทดลองใช้หุ่นยนต์ตำรวจทดแทน
ที่สามารถปฏิบัติงานได้เอง เป็นมิตรต่อผู้คน ร่วมกับตำรวจจริงๆ เพื่อรักษาชีวิต ส่งผลให้จำนวนอาญากรลดลง ประเทศต่างๆ ต่างสนใจบ้าง เรื่องทำท่าจะไปได้สวย แต่สิ่งหนึ่งที่วิศวกรผู้สร้างหุ่นยนต์เหล่านี้ต้องการจริงๆ คือความฝันที่จะสร้างหุ่นที่ "รู้สำนึกและเรียนรู้เอง" ได้
มนุษย์ทุกคนย่อมมีความทะเยอทะยาน ความต้องการที่จะดีกว่า แต่ความเปลี่ยนแปลงย่อมมาพร้อมความไม่มั่นคง และสิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด
..ก็คือความไม่มั่นคงนั่นเอง
การทดลองของเขาไม่ได้รับการอนุมัติ แต่ชื่อเสียงเงินทองหรือความสะดวกสบายมันหอมหวานไม่เท่าความฝันและอุดมการณ์ มีสิ่งต่างๆ เิดขึ้นอย่างกระทันหันแต่ในที่สุด หุ่นยนต์ที่สามารถเรียนรู้ได้เองตัวแรกของโลก ก็เกิดขึ้นมา
คำถามคือ โลกต้องการมันจริงหรือเปล่า?
และมนุษยชาติ พร้อมที่จะเจอกับอีกหนึ่งเผ่าพันธ์ที่ "ทรงปัญญา" แบบเดียวกับเราหรือไม่
หนังเสียดสีความเป็น "มนุษย์" ได้อย่างจัง ที่เรียกว่ามนุษย์นั้นเรียกจากอะไร
เรามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าโฮโม ซาเปี้ยน ซาเปี้ยน{1} จากการที่กะโหลดเราพัฒนาการให้หน้าผากตั้งขึ้น สมองมีมากขึ้น จนเรา "ฉลาด"
เรามองว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิต "ชั้นสูง" เพราะนอกจากร่างกายและสมองอันซับซ้อนที่จับต้องได้แล้ว เรายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่นักปรัชญาหลายยุคหลายสมัยต่างพยายามจะอธิบาย นั่นคือ "จิตสำนึก" หรือ จิตใจ หรือวิญญาณ หรืออะไรก็แล้วแต่จะอธิบายมัน
และไอเจ้าสิ่งนี้แหละ ที่ทำให้เกิดความคิดเรื่อง สิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์ 3 ประการ{2} ที่สิ่งมีชีวิตอื่นไม่มี เรามีสัญญาประชาคม{3} เรามีโครงสร้างทางสังคม เรามีระบบสถาบัน เรามีวัฒนธรรม เราพยายามสร้างจริยธรรม ทุกสิ่งอย่างเหล่านี้คือสิ่งบ่งชี้ความเป็นมนุษย์ ผู้พิการทางด้านร่างกาย ยังได้รับสิทธิต่างๆ มากมายเฉกเช่นคนที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อม แต่ผู้บกพร่องทางจิตถึงขั้นวิกลจริต จะถูกจำกัดสิทธิหลายๆ ประการออกไปด้วยความจำเป็น เพราะสิ่งบ่งชี้ความเป็นมนุษย์ข้อนี้ไม่มี หรือไม่สมบูรณ์ในเขาเหล่านั้น
เช่นนั้นแล้ว ถ้าจักรกล มีจิตสำนึกเฉกเช่นมนุษย์ แต่ไร้ซึ่งสารอินทรีย์{4} แบบมนุษย์ จะถือว่าจักรกลนั้นเป็นมนุษย์หรือไม่?
สิทธิทางธรรมชาติจะมีในหุ่นยนต์หรือไม่? นั่นคือสิ่งที่ได้รับจากเรื่องนี้
หากจะดูเอามันส์ก็ได้ มีมุกตลกๆ มากมาย มีความฮาและความน่ารักของมัน มีประเด็นจิตวิทยาพัฒนาการ{4} ที่น่าสน แต่หลายคนอาจจะไม่ชอบ หากอยากจะดูฉากบู๊ของหุ่นยนต์อันทันสมัย เทคโนโลยีล้ำยุค หรือการแสดงความสามารถของหุ่นยนต์เจ๋งๆ เพราะโดยตัวหนังค่อนข้างจิกกัดความเป็นมนุษย์อยู่เยอะมาก
เนื้อหาต่อไปอยู่ในสปอยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราชอบประเด็นของหนังเรื่องนี้ "มากกกกก" ตรงที่แทบจะถอดจิตใจมนุษย์ลงตรงหุ่นยนต์เลย ไม่มีกฏสามข้อที่ห้ามทำร้ายมนุษย์ (ด้วยความคาราวะ อาซิมอฟนะคะ แต่รู้สึกแบบนี้จริงๆ) มันจึงไม่ถูกโปรแกรมใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากหุ่นจากเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ทำร้าย เพราะกฏมันห้ามทำร้าย ซึ่งเมื่อเราแฮคมันได้ ก็จบเห่
แม้จะเป็นประเด็นเดิมๆ ว่าท้ายที่สุดมนุษย์นั้นชั่วร้ายกว่าหุ่นยนต์รึเปล่า อาจจะดู Cliche แต่หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอว่าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่มีการตัดสินแบบ Stereotype แต่สิ่งที่เราได้เห็นคือ มนุษย์มีบางสิ่งที่งดงามมากที่สุด ขณะเดียวกัน-กับบาง สิ่งนั้นก็อัปลักษณ์มากที่สุด
...นั่นคือจิตใจ