หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เป็นของที่ควรซื้อติดบ้านได้หรือยัง เลือกแบบไหนดี กระทู้นี้มีคำตอบครับ

***ไม่ได้โฆษณาแฝงใดๆ ครับ แชร์ประสบการณ์ล้วนๆ***

ปี 2025  แล้ว ปัจจุบันเทคโนโลยีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้พัฒนาออกมาช่วยเหลือมนุษย์ผู้แสนจะขี้เกียจแต่รักความสะอาดแบบเรา ๆ ให้ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น จากเมื่อหลายปีก่อนที่เป็นหุ่นกระป๋องเดินหมุนๆ ชนนู่นชนนี่รอบบ้าน ดูดทุกอย่างติดเครื่องจนต้องหงุดหงิดรำคาญใจ ตอนนี้ เทคโนโลยี พัฒนามาถึงจุดที่เรา "ควรจะมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นติดบ้าน แล้วหรือยัง? " กระทู้นี้ จะมาแชร์ประสบการณ์ และการเลือกซื้อหุ่นยนต์ ที่เหมาะกับคุณให้ครับ

_____________________________________________________________________________________________________________
คำถามที่ 1 บ้านแบบไหน ที่ควรมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ?
- แน่นอนว่า บ้านคนขี้เกียจ 5555 แต่บ้านที่เหมาะ คือบ้านที่ค่อนข้างโล่ง ของไม่เยอะมาก เพราะหุ่นยนต์จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากบ้านรก ไม่มีทางจะเดิน อันนี้ก็ยังไม่เหมาะแน่นอนครับ ก่อนซื้อ เก็บบ้านให้โล่งก่อนนะ

คำถามที่ 2 ห้องไหนควรตั้งหุ่นยนต์ดูดฝุ่น และหุ่นมันทำความสะอาดได้ดีจริงมั้ย
- จริงๆ หุ่น 1 ตัว ครอบคลุมพื้นที่ทั้งชั้นได้สบายๆ ถ้าบ้านคุณไม่ได้เป็นคฤหาสถ์ 1000 ตรม ดังนั้น ชั้นละตัว น่าจะตอบโจทย์สุดครับ การที่มีหุ่นเดินดูดฝุ่นให้เราวันละสองสามรอบ ช่วยลดปริมาณฝุ่นสะสมในบ้านได้อย่างแน่นอนครับ ดูจากปริมาณฝุ่นที่อยู่ในถังทุกๆ วันแล้วบอกเลยว่า เหมือนมีแม่บ้านมากวาดบ้านให้วันละสองสามรอบเลยครับ ยิ่งรุ่นใหม่ๆ ถูพื้นได้เองด้วย ยิ่งช่วยได้มาก

คำถามที่ 3 จะซื้อหุ่นราคาเท่าไหร่ดี ?
- อันนี้จะเป็นที่มาของกระทู้นี้ ที่จะช่วยคุณคัดกรองตัวเลือก ง่ายที่สุดคือ เอาที่งบประมาณคุณไหวครับ โดยหุ่นยนต์ในท้องตลาดปัจจุบัน ถ้าแบ่งจริงๆ น่าจะสัก 5 กลุ่มใหญ่ๆ ตามระดับราคา

1. กลุ่มต่ำ 3 พัน - กลุ่มหุ่นกระป๋อง ไม่มีเซนเซอร์อัจฉริยะใดๆ มีแต่เดินชนแล้วเลี้ยวหลบ แรงดูดไม่มาก อันนี้ ไม่แนะนำครับ เพราะน้องจะเป็นภาระกว่าที่จะช่วยเบาภาระ
2. กลุ่ม ไม่เกิน 8 พัน - กลุ่มนี้อาจจะได้หุ่นที่มีเซนเซอร์เพิ่มมานิดหน่อย ดูดฝุ่นได้ ถูพื้นได้ แต่ต้องเปลี่ยนถังน้ำ และต้องคอยแกะผ้าไปซัก เป็นกลุ่มสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน ซึ่งต้องการการดูแลตัวเครื่องเช่น เทฝุ่นทิ้ง ดึงผมออกจากแปรงต่างๆ เปลี่ยนถังน้ำเติมน้ำ ซักผ้าถูพื้น ก็ยังไม่ตอบโจทย์คนขี้เกียจเท่าไหร่
3. กลุ่ม ไม่เกิน 2 หมื่น - กลุ่มนี้น้องจะดูดฝุ่นและถูพื้นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เอง เริ่มมีคอนโดติดตัวมาด้วย ซึ่งคือ Station สำหรับเก็บฝุ่น ถังน้ำสำหรับเติม และ ล้างผ้าถู กลุ่มนี้มักใช้เซนเซอร์ LDS แล้วที่จะสแกนวัตถุต่างๆ ได้ฉลาดมากขึ้น หลบหลีกเก่งหน่อย ช่วยเราประหยัดเวลาในการดูแลเครื่องพอสมควร แรงดูดเริ่มเยอะขึ้นแล้ว
4. กลุ่ม ไม่เกิน 3 หมื่น - กลุ่มนี้จะอัพเซนเซอร์เป็น Lidas แล้ว ซึ่งจะละเอียดกว่า LDS หน่อย  Station จะครบครันเรื่องการดูแลเครื่องโดยที่เรายุ่งกับมันน้อยมาก แรงดูดกลุ่มนี้จะค่อนข้างแรงเลยทีเดียว ดูดพรมสบาย ฟังก์ชั่นล้ำกว่ากลุ่ม 3 นิดหน่อย
5. กลุ่มเกิน 3 หมื่น เป็นพวกรุ่นใหม่ล่าสุดพรีเมี่ยม วัสดุดีหรูหรา มี AI ช่วยจัดการระบบ ทำความสะอาดตัวเองได้ค่อนข้างเยอะเลย ฟังก์ชั่นล้ำๆ เว่อร์ๆ กลุ่มนี้เหมาะกับคนฐานะร่ำรวย 55555

ซึ่งส่วนตัวจะแนะนำให้คนที่มาเริ่มใช้เอากลุ่มที่ 3 และ 4 ไปเลยครับ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยแก้ปัญหาให้คนขี้เกียจแบบเรา

_____________________________________________________________________________________________

การเลือกสเปคหุ่นที่ควรสังเกตก่อนซื้อ (ตามที่แนะนำให้ซื้อกลุ่ม 3 และ 4 ข้างต้นนะครับ)

1. แรงดูด มักจะเขียนลงท้ายด้วย pA เช่น 4000pA 5000 pA 10,000pA คำถามคือ เราจะต้องการแรงดูดขนาดไหนกัน?  คำตอบคือ จริงๆ แรงดูดขนาด 4000pA ก็แรงเพียงพอจะดูดฝุ่นทั่วไปบนพื้นได้แล้วครับ แต่แรงดูดรุ่นที่มากๆ เหมาะกับบ้านที่มีพรมครับ เพราะตอนขึ้นพรม แรงดูดต้องเยอะไม่งั้นเอาฝุ่นไม่ออก และแน่นอน แรงดูดที่มาก มักมาพร้อมเสียง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเลือกจากแรงดูดมหาศาลก็ได้นะครับ

2. การทำงานของ Station ซึ่งเจ้า Station นี้ จะประกอบไปด้วย ถังใส่น้ำดี น้ำเสีย ตรงนี้ในท้องตลาด ขนาดที่เหมาะๆ คือ 4 ลิตรครับ จะทำให้เราลดงานที่ต้องเติมน้ำ เทน้ำเสียทิ้งไป ทำแค่อาทิตย์ละครั้ง ถ้าถังเล็กกว่านี้ แปปเดียวน้ำหมดครับ (ในกรณีที่ถูวันละครั้งนะครับ) 

ฟังก์ชั่นถุงเก็บฝุ่นจะไม่ค่อยต่างเท่าไหร่ ข้ามไปได้เลย ที่ต้องเลือกอีกอัน คือ ฟังก์ชั่นการซักผ้าม้อบครับ
แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชั่น ซักผ้าด้วยน้ำร้อน และ มีระบบเป่าลมร้อน เพราะจะทำให้ผ้าไม่เหม็นอับครับ รวมถึง ฟังก์ชั่นอย่างการทำความสะอาดแท่นซักผ้าอัตโนมัติ ก็น่าสน แต่จริงๆ ยกออกมาล้างไม่ยากครับ 

3. ฟังก์ชั่นเสริม อันนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีแต่ละแบรนด์ครับ แต่ที่ผมชอบมาก เพราะแก้ปัญหาให้ผมได้ดีสุดๆ คือ แปรงดูดแบบตัดเส้นผมอัตโนมัติ ใช่ครับ เพราะบ้านไหนที่มีสาวๆ ผมยาว รับรองว่า เส้นผมพันแกนกลางแปรงแบบเต็มพิกัดแน่นอน การแงะเอาผมออกไม่ใช่งานสนุกเลย ผมเบื่อมากๆ แต่พอมีแปรงที่ตัดผมเองได้ ช่วยย่นงานไปได้เยอะ เพราะผมมันจะถูกตัดออกเป็นเส้นสั้นๆ แล้วดูดเข้าไปเลย อาจจะมีค้างบนแปรงบ้างนิดหน่อย แต่ไม่เยอะเท่าแบบเก่าแน่นอนครับ อันนั้นดึงทีไปทำวิกผมได้เลย

อีกอันคือฟังก์ชั่นยืดผ้าม้อบ และ ยืดแปรงปัด ซึ่งปัจจุบัน ทำมาหลายยี่ห้อแล้วนะครับ การยืดผ้าม้อบ และแปรงปัดออกเวลาถู จะช่วยให้เก็บงานตามขอบได้ดีมากขึ้นครับ แต่มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ 

4. ฟังก์ชั่นที่กลุ่มท้อปมีคือ ใส่น้ำยาถูพื้นได้ อันนี้ก็แล้วแต่ชอบนะครับ แต่ของผมไม่ได้เป็นเรื่องหลักครับ

5. แอพที่ใช้ อันนีก็สำคัญนะครับ หุ่นดี แต่แอพห่วย บางทีก็ไม่ไหวเหมือนกัน เลือกแอพก่อนเลือกหุ่น ก็ดีนะครับ 5555 ลองดูรีวิวในแอพสโตร์ได้เลย

6. ยี่ห้อ อันนี้พูดจริงๆ นะครับ ต้องเลือกจากรุ่นที่เราหาอะไหล่ได้จะดีมาก เพราะศูนย์หลายๆยี่ห้อ นำเข้าของมาขาย แต่ไม่มีอะไหล่ เสียแล้วทิ้งไปแบบนี้ไม่เอา เลือกยี่ห้อที่ทำตลาดจริงจัง หาซื้ออะไหล่ได้ง่ายๆ จะดีกับเรามากครับ รวมถึง บางยี่ห้อ เป็นเวอร์ชั่น China ก็เลี่ยงนะครับ เพราะแอพใช้งานมันจะรวมกับสินค้าที่เป็น Global version ไม่ได้

_______________________________________________________________________________________

การดูแลหุ่นยนต์ดูดฝุ่น (งาน Routine) 

อย่างที่บอกว่าเราเป็นคนขี้เกียจครับ ทำงานทั้งวันกลับบ้านมาก็อยากพักผ่อนแล้ว ดังนั้น งานที่ดูแลหุ่นยนต์มันควรต้องน้อยครับ ไม่เหมือนหุ่นสมัยก่อนทีต้องมาคุยกันทุก 3 วัน แกะผม เทฝุ่น 5555

สิ่งที่เราต้องทำก็แค่ เปิดฝาเช็คน้ำสะอาด น้ำเสีย ว่าพร่อง และ เต็มหรือยัง ก็เอาไปเติม ซึ่งที่ผมใช้ ก็แค่ 5 วันเปิดดูทีครับ 

ถุงเก็บฝุ่น 2 เดือนเปลี่ยนที อะไหล่สั่งได้ทั่วไปตามแอพส้ม ไม่แพง

ทำความสะอาดเส้นผมที่ติดแปรงต่างๆ อาทิตย์ละครั้ง ถ้ามีฟังก์ชั่นแปรงตัดผม ก็จะงานเบามากครับ

ทำความสะอาดแท่นซักม้อบ อาทิตย์ละครั้ง เอามาล้างน้ำ แปปเดียวเสร็จ

เช็ดพวกเซนเซอร์ต่างๆ ถ้ามีฝุ่น รวมถึง ตรวจพวกอุปกรณ์ต่างๆ ว่าเสื่อมสภาพต้องเปลี่ยนหรือยัง เช่น กรอง ผ้าม้อบ แปรงปัด แปรงดูด พวกนี้ 3-6 เดือนครั้งครับ ถ้าแอพดี จะมีบอกในแอพเลย ว่าได้เวลาเปลี่ยน

_______________________________________________________________________

สรุปนะครับ

บ้านของเรา แม้เราจะไม่อยู่บ้าน ไปทำงาน แต่ฝุ่นเอง ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ รอตกลงมาที่พื้นตอนบ้านไม่มีคนอยู่ หรือ ตอนเปิดประตูหน้าต่าง การที่ได้หุ่นยนต์มาเป็นผู้ช่วยเก็บฝุ่นให้เรา ไม่บ่นแม้จะสั่งให้ทำวัน 5 รอบ ช่วยได้มากๆ เลยครับ ยิ่งห้องนอนที่เป็นห้องพักผ่อน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีตัวทำความสะอาด เพราะเราคงไม่มีเวลาทำทุกวันแน่ๆ หุ่นยนต์จึงตอบโจทย์การใช้งานสุดๆ ครับ และยิ่งใครขี้เกียจ ยิ่งควรมี 555  การเลือกซื้อ เลือกตามงบประมาณอย่าดูตามโฆษณา งบเท่าไหร่ ซื้อเท่านั้น ไม่งั้นไม่สิ้นสุดสักทีครับ ขอให้ทุกคนลองอ่านบทความนี้ แล้วเลือกซื้อหุ่นยนต์กันให้มีความสุขนะครับ ใครมีคำถามอะไรอยากถามเมนท์ทิ้งไว้ได้เลย หรือมีใครมีประสบการณ์ดีไม่ดีมาแชร์กันได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่