คนรู้จักเลี้ยงลูกตามสูตร "พ่อแม่รังแกฉัน" เลยค่ะ ทำยังไงดีคะ? กลัวว่าเด็กโตมาแล้วจะเอาตัวไม่รอดค่ะ

กระทู้คำถาม
คนรู้จักคนนี้เป็นคุณอาสาวของเราเองค่ะ ตอนนี้ลูกของอาอายุ8ขวบแล้ว จะขึ้นป.3แล้วค่ะ

ขอเท้าความก่อนนะคะ อาของเราตอนแรกคือแต่งงานออกไปอยู่กับสามีที่บ้านเช่าเล็กๆใจกลางเมืองค่ะ
แต่พอดีเมื่อปีที่แล้วมีเหตุให้ต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านเราที่ชานกรุงเทพ เพราะที่บ้านตอนนั้นมีแค่คุณย่าอยู่คนเดียว
เราต้อมาอยู่หอมหาลัย พ่อกับแม่เราต้องไปอาศัยอยู่คอนโดใกล้ๆที่ทำงานพ่อค่ะ ไม่มีใครอยู่กับคุณย่าเลยให้คุณอาย้ายมา
คุณอาก็เลยย้ายมากับลูกสาวเมื่อปีที่แล้ว เรากับพ่อแม่จะกลับบ้านเกือบทุกเสาร์-อาทิตย์ เลยเพิ่งได้สังเกตค่ะว่า คุณอาเลี้ยงดูได้สุดยอดมากก

คือลูกสาวคุณอาจะเอาแต่ใจตัวเองมากค่ะ แถมติดพวกมือถือสมาร์ทโฟนเอามากๆๆๆ แล้วก็ติดแม่มากค่ะ แทบไม่เชื่อฟังที่ใครพูดเลย


เอาที่ละเรื่องนะคะ ขอเรื่องสมาร์ทโฟนก่อน คือเนื่องจากน้องติดแม่มาก คุณอาเลยซื้อพวกสมาร์ทโฟน/เครื่องเล่นDVDให้ลูกกสาว
เพื่อที่น้องจะได้ไม่มากวนเวลาคุณอาจะทำงานบ้าน (ซึ่งคาดว่าใช้วิธีนี้มานานแล้ว เพราะที่ย้ายมาอยู่เด็กก็ติดพวกสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว) ผลก็คือน้องจะเปิดคลิปดูนู่นนี่ตลอดเวลาค่ะ ทั้งเวลากิน ทำการบ้านก็เปิด คือพูดได้ว่าตลอดเวลาแทบจะเสพย์สื่อพวกคลิปการ์ตูนตลอด ห่วงแต่จะดูนั่นดูนี่ บางทีก็เปิดไว้เฉยๆค่ะ แต่ตัวก็สนใจอย่างอื่น เสียงจากพวกวีดีโอ/คลิปก็จะสร้างความรำคาญให้เรามาก พอดุให้ปิดก็งอนค่ะ และสื่อพวกนี้ค่อนข้างส่งผลต่อพัฒนาการเด็กด้วยคือ เด็กได้แต่ฟังกับดู ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ ทำให้น้องตอนนี้มีปัญหาเรื่องการอ่าน-เขียนค่ะ คุณอาเองก็ปล่อยให้ลูกดูอยู่อย่างนั้น ไม่ก็เปิดวีดีโอทิ้งไว้อย่างนั้น ไม่ได้ดุอะไร คนดุนี่ต้องเป็นเราไม่ก็แม่เราค่ะ


เรื่องที่สองคือน้องเอาแต่ใจตัวเองสุดๆๆๆๆ ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ทำเราปรี๊ดมากๆแล้วกันนะคะ
คือที่บ้านเราตอนเย็น จะทำกับข้าวกินกันเองค่ะ แล้ววันนั้นเมนูอาหารก็ตามปกติคือ ไข่เจียว แกงจืด ปลาทูทอด (ประมาณนี้ไม่แน่ใจ)
แล้วคุณอาก็เรียงลูกมากินข้าว เราก็นั่งกินข้าวอยู่ก่อนแล้ว พอน้องมาที่โต๊ะ น้องก็บอกแม่น้องว่า ไม่กินอันนี้จะกินไก่เทอริยากิ
แม่น้องก็ตอบว่ามันไม่มี กินที่มีไปก่อน แต่น้องก็ไม่ยอมจะกินไก่เทอริยากินี่ท่าเดียว เราเริ่มหงุดหงิดค่ะ เลยถามว่า
"บนโต๊ะเนี่ยกินอะไรไม่ได้เลยหรอ ไข่เจียวนี่กินได้มั้ย" อาเราตอบว่าปกติก็กินได้นั่นแหละ เราเลยถามว่า "อ้าว แล้วทำไมวันนี้ไม่กิน"
น้องตอบเราค่ะว่า "ไม่อยากกิน" เราปรี๊ดแตกมากเลยค่ะ อะไรจะเลือกกินขนาดนั้น คือไม่ใช่กินไม่ได้ แต่แค่ไม่อยากกิน
แล้วถ้าไม่มีไอ้ที่ฉันอยากกิน ฉันก็จะไม่กินข้าวเนี่ยนะ เราเลยดุเลยค่ะว่า"อย่าเลือกกิน สงสารคนไม่มีจะกินบ้าง คนมีให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว"
แต่ผลสุดท้ายอาเราก็เดินไปปากซอยแล้วไปซื้อไก่เทอริยากิเซเว่นมาให้ลูกสาวกินอยู่ดี
(แล้วเช้ามาก็เห็นไอ้ไก่เทอริยากินี่แช่อยู่ในตู้เย็นด้วยค่ะ คือซื้อมาแล้วก็กินไม่หมดนั่นเอง) เราเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่เราฟัง
แม่เราก็เข้าไปถามนะคะว่าทำไมตามใจแบบนี้ อาเราให้เหตุผลค่ะว่า "คนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกได้กินข้าว ไม่เป็นแม่ไม่เข้าใจหรอก"
เราก็แบบน้อยใจนะ คือที่เราดุเพราะเป็นห่วงเรื่องจะเสียนิสัยไปจนโต พอได้ยินแบบนั้นเราเลยไม่พูดเรื่องที่น้องเลือกกินอีกค่ะ
แล้วเหตุการณ์คล้ายๆกันก็เกิดขึ้นบ่อยมาก ที่แบบคุณอาต้องออกไปซื้อของที่น้องอยากกินมาให้กิน ทั้งที่ก็มีกับข้าวอยู่แล้ว
จนหลังเริ่มไม่ทำกับข้าวกินกันแล้วค่ะ อยากกินอะไรก็ออกไปซื้อเอา

ไม่ได้ตามใจแค่เรื่องกินข้าวนะคะ เรื่องอื่นด้วย มีวันหนึ่งเราเห็นน้องถือดอกกุหลาบกลับเข้ามาในบ้านหลังคุณอาไปรับที่ร.ร.
เราก็ถามอาค่ะว่า น้องไปเอาดอกไม้มาจากไหน อาก็ตอบว่า อาเป็นคนซื้อให้น้องเองแหละ จะได้เลิกดิ้อเลิกงอแง
เราว่าวิธีนี้ก็ไม่ถูกต้องนะคะ งี้ไม่ต้องซื้อทุกอย่างที่น้องงอแงอยากได้หรอคะ? ถึงดอกกุหลาบจะแค่15บาท
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ทุกครั้งต้องเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์กับของพวกนี้เยอะๆ เราว่าเก็บไว้ซื้อขนมดูมีประโยชน์มากกว่านะคะ
ก็งงว่าทำไมคุณอาไม่สอนให้ลูก มีเหตุผลในการซื้อของ อย่างกุหลาบแป๊ปเดียวก็เหี่ยว ซื้อไปก็ได้แต่ดูไม่เกิดประโยชร์อะไร

คือเราค่อนข้างเป็นกังวลว่าน้องจะเสียนิสัยไปจนโตค่ะ การตามใจของคุณอามีผลกับการเรียนก่อนสอนของน้องด้วยนะคะ
เรารู้สึกว่าน้องดูพัฒนาการช้าค่ะ ถ้าเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน เพราะทำการบ้านงี้ก็ต้องให้แม่สอน ทำเองไม่ได้
สอนในที่นี้ก็แทบจะทำให้อยู่แล้ว แบบบอกว่าต้องตอบอะไร ไอ้นี่ลบได้นี่ได้เท่าไหร่ เพราะถ้ารอน้องตอบเอง การบ้านคงไม่เสร็จ

เรากับแม่เราพยายามหาวิธีแก้ปัญหาหลายวิธีแล้ว อย่างซื้อหนังสือนิทานมาให้น้องอ่าน น้องจะได้ไม่ดูวีดีโอ
แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องได้อ่านบ้างหรือเปล่า เพราะถ้าคุณอาไม่ได้บอกให้อ่านหรือสอนอ่านก็คงไม่ได้อ่าน
คือเราคิดว่าจริงๆ ต้องแก้ไขที่วิธีการเลี้ยงดูก่อน แต่ก็ไม่รู้จะบอกกับคุณอายังไง เหมือนพูดไปก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง
สุดท้ายก็ค่อนข้างตามใจลูกตัวเองอยู่ดี แล้วจะให้เราหรือแม่คอยสอดส่องตลอดก็ไม่ได้ เพราะระหว่างสัปดาห์เรากับแม่ไม่อยู่บ้านค่ะ
คุณย่าเอง ไม่ตามใจอาเราก็จริง แต่ก็ตามใจหลานอยู่ดี ขนาดเราคุณย่ายังตามใจเลย คอยทำนู่นทำนี่ให้ตลอด
เราคิดว่าเด็กอายุเท่านี้ก็เริ่มดัดยากแล้วนะคะ แล้วยิ่งไม่เชื่อฟังใครนอกจากแม่นี่ยิ่งแล้วใหญ่ จะบอกว่าเรามาพบปัญหานี้ช้าไปก็คงได้

มีใครพอจะแนะนำวิธีแก้ปัญหาดีๆ ให้ได้บ้างคะ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่