ยิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ รู้สึกไหมครับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนจะห่างไปเรื่อยๆ ยิ่งมีครอบครัว ยิ่งห่างไกลกัน

ไม่เหมือนเดินเลยนะครับ  ตอนนี้ จขกท.อายุ 28 เพื่อนๆ ก็ห่างหายกันไปมาก บางคนแต่งงานไปมีครอบครัว บางคนโสด แต่น้อยนะครับ
ส่วนมากเพื่อนผู้หญิงจะแต่งงานกันไปซะมาก  ส่วนเพื่อนผู้ชายก็มีบ้างที่ยังไม่แต่งงาน  ส่วน จขกท.โสดครับ ไม่รู้ว่าจะโสดไปอีกนานเท่าไหร่

ประเด็นของเรื่องคือว่า เพื่อนที่สนิทที่สุดน่าจะเป็นตอนสมัยเรียนมัธยมนะ  ส่วนเพื่อนที่เรียนปริญญาตรีด้วยกัน ก็ยิ่งห่างกันไปมาก
อาศัยเฟสบุคส์ติดต่อบ้าง นานๆคุยกันครั้ง หรือบางคนออนเฟสนะ แต่ไม่ทักเรา  อย่างว่าแหละครับ ยิ่งเติบโตยิ่งมีภาระ ผมกลัวว่านานไปจะเหลือแค่เพื่อนในนาม แบบว่ารู้จักกันแต่ไม่สนิทกัน

ไม่รู้ยิ่งนานไป ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนๆ จะเป็นยังไง ปีใหม่ สงกรานต์ ก็กลับไม่พร้อมกัน หรือกลับไปบ้านพร้อมกัน แต่ก็ติดธุระ ต้องอยู่กับครอบครัว
ญาติๆ ประมาณนั้น บางคนมีลูกสอง ลูกสามนะเออ  แต่ยังไงก็ยังคิดถึงเพื่อนอยู่ครับ บางทีก็อยากระบาย อยากบอกอะไรหลายๆ อย่าง
ชีวิตถ้าขาดเพื่อนไป ก็คงต้องหาแฟนแล้วละครับ  ไม่มีอะไรมานะครับ แค่ขอพื้นที่ระบายครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
หลายคนๆเข้าใจและคิดไปเองว่า คนที่เคยเรียนด้วยกันมา เขาคือเพื่อนเรา
แต่ทำไมหลังจากที่ไม่ได้เรียนด้วยกันแล้ว กลายเป็นว่า พวกเขาดูจะไม่ค่อยนึกถึงความรู้สึก
หรือ นึกถึงเราเลยหล่ะ นั่นก็เพราะ เขาเป็นแค่คนที่เคยเรียนด้วยกันมาเท่านั้น

ทีนี้พอหลังจากนัดกลับมาเจอ เคยสังเกตไหม ส่วนมากก็ไม่พ้นกินเที่ยว
แล้วพอมาร่วมวงเสวนาก็พบว่า มักจะคุยแต่มีนั่นมีนี่ แล้วก็เอาอวดกันแค่นั้น
หลังๆเวลานัด คนก็เลยเริ่มน้อยลงเรื่อยๆไง สุดท้ายก็มีแต่พวกที่คล้ายๆกัน
นัดเจอกัน เพื่อคุยเรื่องภายนอก เช่น ไปเที่ยวตปทมานะ ใช้ของเเบรนด์ชิ้นละแสนเอง
ส่วนพวกที่จนๆ มันก็ไม่อยากจะไปไง

แล้วไอคำว่า ติดนั่นติดนี่ หรือ มีลูกมีเมียอ่ะ มันไม่เกี่ยวหรอกว่า ไม่มีเวลา
เคยสังเกตไหม ถึงจะบอกกันแบบนี้ แต่ทำไมถึงเห็นหลายๆคน ยังอัพภาพ
หรือ โพสบอกว่า อยุ่ที่นั่นที่นี่ให้โลกรุ้หล่ะ ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นแล้วไงว่า
เขาไม่อยากจะเจอเพื่อนแล้ว ส่วนคนที่ยังนึกถึงเพื่อนอยุ่ก็อาจจะทุกข์ใจอยุ่ฝ่ายเดียว
ซึ่งก็มีบางคนเรียนรุ้ตรงนี้ว่า เพื่อนดีๆ ไม่ได้พบเจอกันง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่
นึกถึงเพื่อน ไม่คิดต่อว่าเพื่อน เข้าใจเพื่อน เห็นเพื่อนทุกข์ก็ทุกข์ด้วย เวลามีสุข
ก็อยากแบ่งความสุขให้เพื่อนเสมอ โดยไม่สนใจว่าเขาจะรวยหรือจนยังไง
แต่ก็คงไม่ต้องถึงขนาด ตายแทนกันได้หรอก ของแบบนั้นมันนิยายไป

ส่วนพวกที่แต่งงานไป ก็อย่าเอาแต่ไปมองว่า ช่างมีความสุข มีเพื่อนคู่คิดเลย
นัน่ก็แค่ภาพภายนอกที่เขาสร้างขึ้นมาเท่านั้น ปัญหาชีวิตหลังแต่งงาน มันมีอะไร
วุ่นวาย มากกว่า คนโสดเยอะ ไหนจะปัญหากันเอง ปัญหาญาติๆ และถ้ายิ่งมีลูก
ก็ต้องพบเจอปัญหาความวุ่นวายมากขึ้น ยิ่งเดี๋ยวนี้วัตถุเยอะ เด็กสมัยใหม่
เห็นอะไรก็จะเอาจะเอา จะไปบอกให้ปิดหูตาคงยาก เพราะลูกคนรวย
ก็จะเอามาอวด ให้เด็กเกิดความอยาก

และที่สำคัญ คนเดี๋ยวนี้มาพบหากันเพราะภายนอก
ซึ่งพอ ตกอับ ขึ้นมา หลายๆครอบครัวเลยมีปัญหา ทิ้งกันยามยาก
ก็มีให้เห็นเยอะแยะ ส่วนคนดีๆกัดก้อนเกลือกิน เดี๋ยวนี้คงไม่มีแล้ว
ลองคิดดูสิว่าเคยเจอไหม คนดีๆที่ ไม่เคยมองที่ฐานะ คบหากันด้วยความจริงใจ
ไม่เคยเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เวลามีปัญหาจะพยายามปรับความเข้าใจ
เวลาประสบปัญหา ก็ร่วมด้วยช่วยคิด มองข้ามข้อเสียอีกฝ่าย ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็น
อย่างชัดเจน เลยว่า คู่ชีวิตดีๆสักคน ก็ไม่ได้พบเจอง่ายๆอีกเช่นกัน

จังไม่แปลกที่จะเห็นคนไปแต่งกับคนรวย แต่พอเขาเบื่อก็ ...

สิ่งเหล่านี้มันคือความจริงของโลกนะ แรกๆอาจจะเป็นทุกข์ แต่ก็ต้องทน
และ พยายามพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ให้มากๆ เมื่อใดที่ยอมรับและเข้าใจมากขึ้น
จิตใจก็จะค่อยๆสงบ และ ลดความสับสนลงไปเอง แล้วจะเห็นว่า การรู้จักคนน้อยๆ
หรือ การอยู่กับตัวเอง ถึงอาจจะรู้สึกเหงา แต่จะพบว่าชีวิตมีความสงบสุขมากกว่า
แล้ว เวลาเจ็บป่วยหนัก คนที่เขาเพื่อนเยอะ หรือ อาจจะแต่งงานไป ก็มักจะพบว่า
แทบจะไม่มีใครมาให้กำลังใจดูแลเลย ซึ่งนี่ก็กำลังบอกอยู่แล้วไงว่า คนที่จะอยู่
กับเราจริงๆก็คือ ตัวเราเองนะ ทำไมถึงไม่รักตัวเองให้มากๆ ปล่อยให้ทุกข์อยุ่ทำไม
เตือนตัวเองบ่อยๆ แบบนี้

*** ใครอยากพูดคุยเรื่องเพื่อน ก็ส่งข้อความมาหลังไมค์แล้วกัน จะบอกความจริงให้ฟัง ***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่