เรื่องมันเริ่มที่เราไปเทคคอร์สสั้นๆประมาณ 7 เดือน ในระหว่างนั้นก็ได้รู้จักเพื่อนร่วมชั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
ตอนเริ่มเรียนแรกๆเขาบอกคนอื่นว่าแต่งงานแล้ว ลูก 2 คน อายุ 8 กับ 6 ขวบ แต่พอเรียนๆไปได้สักระยะทุกคนเริ่มสนิทสนมกันในคลาสมากขึ้น
เขาก็บอกกับทุกคนว่าจริงๆเขาโสด ที่เคยบอกว่ามีครอบครัวแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้หญิงเข้าหาเขา และช่วงที่เรียนก็ทำตัวได้เหมือนคนโสดทีเดียวคือไปไหนมาไหนกับเพื่อนหลังเลิกเรียน ไปกินข้าว ทำกิจกรรมได้ตลอด เหมือนคนไม่มีครอบครัวต้องรับผิดชอบ
ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจเรื่องส่วนตัวของคนนนี้จะโสดจะแต่งก็เรื่องส่วนตัวเขา แต่พอเรียนผ่านไปสัก 3-4 เดือน รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาเรามากขึ้น พยายามมาพูดคุย ตามไปกินข้าวด้วย รอกลับบ้านพร้อมกัน line คุยทุกวัน เช้า จน เข้านอน แรกๆเราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเขาคงแต่เจอเพื่อนใหม่พูดคุยถูกคอ ความสนใจคล้ายกัน แต่เพื่อนคนอื่นๆในคลาสบอกว่าเขาคิดไม่ซื่อแน่
ตัวเราเองตอนนั้นก็ไม่ได้มีใครก็เลยลองคุยดู พฤติกรรรมเขาก็ทำเหมือนจีบ พูดจา เทคแคร์ ช่วยเหลือโน่นนี่อย่างดี บอกตามตรงราเร่ิมใจอ่อนมีใจให้เลย เพื่อนหลายคนคงพอดูออกก็ถามว่าเราสองคนเป็นแฟนกันแล้วหรือ เราตอบว่าเปล่า แค่คุยเฉยๆ เพราะในใจลึกๆรู้สึกว่ามีเซนต์ว่าเขาอาจหลอกเราเล่นเฉยๆ
เพื่อนที่สนิทก็หวังดีถามเขาว่าเขาไม่มีครอบครัวจริงๆเหรอ เขาก็ยืนยันว่าไม่มีจริงๆ แต่เราลึกๆก็ยังไม่ปักใจ ทำตัวเนียนๆไม่ปฏิเสธ ยังคุยกับเขาอยู่แต่ก็พยายามสืบความจริงดู
จนในที่สุดก็รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วจริงๆและดูมีความสุขกับลูกเมียดี มีไปงานโรงเรียนลูก พาลูกไปเที่ยวโน่นนี่ เมียก็หน้าตาสะสวย
พอเรารู้ความจริงก็เสียใจพอควรว่าทำไมต้องมาทำตัวจีบผู้หญิงอื่น ทำตัวให้ความหวัง บอกว่าตัวเองโสด เรารู้ความจริงแล้วตอนนี้ แต่เขาคงไม่รู้ว่าเรารู้เบื่องหลังเขาแล้ว
ตอนนี้ก็พยายามทำตัวออกห่าง คิดว่าเขาคงรู้สึกความเปลี่ยนแปลงของเราบ้างละ เราคงต้องถ่อยห่าง คิดถึงหัวอกเมีย ลูกเขาจริงๆว่าถ้ารู้ว่าหัวหน้าครอบครัวทำตัวแบบนี้จะเสียใจขนาดไหน
ยอมรับว่าเสียใจมาก เสียดายความรู้สึก ความจริงใจที่มีให้ เราคิดเสมอว่าเราจริงใจกับคนอื่น คนอื่นคงจริงใจกับเรา มิตรภาพเป็นสิ่งสวยงาม แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกหลอกซะงั้น
ทำไมผู้ชายแต่งงานแล้วต้องโกหกว่าตัวเองโสด
ตอนเริ่มเรียนแรกๆเขาบอกคนอื่นว่าแต่งงานแล้ว ลูก 2 คน อายุ 8 กับ 6 ขวบ แต่พอเรียนๆไปได้สักระยะทุกคนเริ่มสนิทสนมกันในคลาสมากขึ้น
เขาก็บอกกับทุกคนว่าจริงๆเขาโสด ที่เคยบอกว่ามีครอบครัวแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้หญิงเข้าหาเขา และช่วงที่เรียนก็ทำตัวได้เหมือนคนโสดทีเดียวคือไปไหนมาไหนกับเพื่อนหลังเลิกเรียน ไปกินข้าว ทำกิจกรรมได้ตลอด เหมือนคนไม่มีครอบครัวต้องรับผิดชอบ
ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจเรื่องส่วนตัวของคนนนี้จะโสดจะแต่งก็เรื่องส่วนตัวเขา แต่พอเรียนผ่านไปสัก 3-4 เดือน รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาเรามากขึ้น พยายามมาพูดคุย ตามไปกินข้าวด้วย รอกลับบ้านพร้อมกัน line คุยทุกวัน เช้า จน เข้านอน แรกๆเราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเขาคงแต่เจอเพื่อนใหม่พูดคุยถูกคอ ความสนใจคล้ายกัน แต่เพื่อนคนอื่นๆในคลาสบอกว่าเขาคิดไม่ซื่อแน่
ตัวเราเองตอนนั้นก็ไม่ได้มีใครก็เลยลองคุยดู พฤติกรรรมเขาก็ทำเหมือนจีบ พูดจา เทคแคร์ ช่วยเหลือโน่นนี่อย่างดี บอกตามตรงราเร่ิมใจอ่อนมีใจให้เลย เพื่อนหลายคนคงพอดูออกก็ถามว่าเราสองคนเป็นแฟนกันแล้วหรือ เราตอบว่าเปล่า แค่คุยเฉยๆ เพราะในใจลึกๆรู้สึกว่ามีเซนต์ว่าเขาอาจหลอกเราเล่นเฉยๆ
เพื่อนที่สนิทก็หวังดีถามเขาว่าเขาไม่มีครอบครัวจริงๆเหรอ เขาก็ยืนยันว่าไม่มีจริงๆ แต่เราลึกๆก็ยังไม่ปักใจ ทำตัวเนียนๆไม่ปฏิเสธ ยังคุยกับเขาอยู่แต่ก็พยายามสืบความจริงดู
จนในที่สุดก็รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วจริงๆและดูมีความสุขกับลูกเมียดี มีไปงานโรงเรียนลูก พาลูกไปเที่ยวโน่นนี่ เมียก็หน้าตาสะสวย
พอเรารู้ความจริงก็เสียใจพอควรว่าทำไมต้องมาทำตัวจีบผู้หญิงอื่น ทำตัวให้ความหวัง บอกว่าตัวเองโสด เรารู้ความจริงแล้วตอนนี้ แต่เขาคงไม่รู้ว่าเรารู้เบื่องหลังเขาแล้ว
ตอนนี้ก็พยายามทำตัวออกห่าง คิดว่าเขาคงรู้สึกความเปลี่ยนแปลงของเราบ้างละ เราคงต้องถ่อยห่าง คิดถึงหัวอกเมีย ลูกเขาจริงๆว่าถ้ารู้ว่าหัวหน้าครอบครัวทำตัวแบบนี้จะเสียใจขนาดไหน
ยอมรับว่าเสียใจมาก เสียดายความรู้สึก ความจริงใจที่มีให้ เราคิดเสมอว่าเราจริงใจกับคนอื่น คนอื่นคงจริงใจกับเรา มิตรภาพเป็นสิ่งสวยงาม แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกหลอกซะงั้น