คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 96
โอ้ว วิศวกรและคนเรียนวิศวะมากันเต็มกระทู้เลย ดีเลยครับได้มีการถกปัญหาพูดคุยกันอย่างชัดเจน
ท่านๆทั้งหลายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของผม ช่วยตอบคำถามผมหน่อย
1.ประเด็นแรก ปัญหาคือคณะวิศวะมันไทล์กันเยอะ เป็นทุกมหาวิทยาลัยเลย คุณอาจจะบอกกันว่าเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา แต่ผมกลับมองว่ามันเสียเวลา เสียใจ และเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ไทล์เยอะเพราะอะไร ผมบอกว่าเพราะคนไม่ตั้งใจเรียนกันเอง แต่ท่านๆวิศวกรบอกว่ามันเรียนยาก จึงไทล์กันเยอะ
ถามกลับแล้วกัน ทำไมคณะแพทยศาสตร์ไทล์น้อยกว่ากันมาก หรือเพราะคนที่เรียนแพทย์เขาตั้งใจกว่า และผมก็คิดว่าวิชาที่แพทย์เรียนก็ไม่ง่ายเลย สรุป วิศวะไทล์เพราะวิชามันยากหรือไม่ตั้งใจเรียนกันเอง ลองตอบคำถามนี้โดยปราศจากอคติ ?
2. ถ้าบอกว่ามันยาก ทำไมคนอื่นเขาเรียนผ่านกันไปได้ ทั้งที่เรียนวิศวะเหมือนกัน วิชาเดียวกัน คนสอนเดียวกัน ถ้ามันยากจริงๆก็ต้องตกกันหมดสิ สรุปเพราะไม่ตั้งใจเรียนเอง ใช่ไหม ?
3.ถ้าบอกว่าคำนวณเยอะ แล้ว เอกคณิตศาสตร์ ของคณะวิทยา ไม่คำนวณเยอะกว่าหรือ?
4. ท่านพยายามบอกว่าตัวเองเรียนยาก แล้วท่านคิดว่า คณะอื่นเรียนง่ายหรือ คณะสายมนุษย์เรียนง่ายหรือ เศรษฐศาสตร์เรียนง่ายหรือ
นิติเรียนง่ายหรือ ศิลปศาสตร์เรียนง่ายหรือ และอีกมากมายยกตัวอย่างไม่ไหว you name it ...
แต่คณะอื่นอัตราการไทล์มันน้อยกว่าไม่เหมือนเหมือนคณะวิศวะไง ประเด็นคือ ตอนสอบเข้ามออันดับต้นๆ
แต่ละคณะคะแนนก็สูงๆ ทั้งนั้น แสดงว่ามีเด็กเก่งๆกระจายไปทุกคณะ และก็อย่างที่ถาม คุณว่าคณะอื่นเรียนง่ายหรือ
แต่คณะที่มีปัญหาการไทล์เยอะมีคณะเดียวคือ วิศวะ
นั้นจะโทษอะไรดี โทษหลักสูตรหรือควรโทษผู้เรียนที่ไม่ตั้งใจเรียนเองกันแน่?
มีกระทู้นี้ดีแล้ว เด็กๆที่อยากเข้าวิศวะจะได้พยายามตั้งใจเรียน เมื่อสอบเข้าได้แล้ว
------------------------------
"เพื่อนผมเรียนจบ4ปีทุกคนนะครับ ถ้าคิดจะเรียน ยังไงก็เรียนได้ครับ
อยากถามหลายคนที่เรียนไม่จบมากกว่า คือบางคนแทบไม่เคยเข้าเรียน หนังสือไม่อ่าน แบบฝึกหัดไม่เคยทำนอกจากวันก่อนสอบ วันๆกินเหล้ากับจีบสาวอย่างเดียว แล้วก็มาบ่นว่าเรียนยาก
มีไหมครับ คนที่เข้าเรียนครบ ตั้งใจเรียน เลิกเรียนกลับมาทบทวนทุกวัน แล้วยังโดนไทล์เนี่ย "
-เต่าทะเลสีเขียว
ท่านๆทั้งหลายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของผม ช่วยตอบคำถามผมหน่อย
1.ประเด็นแรก ปัญหาคือคณะวิศวะมันไทล์กันเยอะ เป็นทุกมหาวิทยาลัยเลย คุณอาจจะบอกกันว่าเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา แต่ผมกลับมองว่ามันเสียเวลา เสียใจ และเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ไทล์เยอะเพราะอะไร ผมบอกว่าเพราะคนไม่ตั้งใจเรียนกันเอง แต่ท่านๆวิศวกรบอกว่ามันเรียนยาก จึงไทล์กันเยอะ
ถามกลับแล้วกัน ทำไมคณะแพทยศาสตร์ไทล์น้อยกว่ากันมาก หรือเพราะคนที่เรียนแพทย์เขาตั้งใจกว่า และผมก็คิดว่าวิชาที่แพทย์เรียนก็ไม่ง่ายเลย สรุป วิศวะไทล์เพราะวิชามันยากหรือไม่ตั้งใจเรียนกันเอง ลองตอบคำถามนี้โดยปราศจากอคติ ?
2. ถ้าบอกว่ามันยาก ทำไมคนอื่นเขาเรียนผ่านกันไปได้ ทั้งที่เรียนวิศวะเหมือนกัน วิชาเดียวกัน คนสอนเดียวกัน ถ้ามันยากจริงๆก็ต้องตกกันหมดสิ สรุปเพราะไม่ตั้งใจเรียนเอง ใช่ไหม ?
3.ถ้าบอกว่าคำนวณเยอะ แล้ว เอกคณิตศาสตร์ ของคณะวิทยา ไม่คำนวณเยอะกว่าหรือ?
4. ท่านพยายามบอกว่าตัวเองเรียนยาก แล้วท่านคิดว่า คณะอื่นเรียนง่ายหรือ คณะสายมนุษย์เรียนง่ายหรือ เศรษฐศาสตร์เรียนง่ายหรือ
นิติเรียนง่ายหรือ ศิลปศาสตร์เรียนง่ายหรือ และอีกมากมายยกตัวอย่างไม่ไหว you name it ...
แต่คณะอื่นอัตราการไทล์มันน้อยกว่าไม่เหมือนเหมือนคณะวิศวะไง ประเด็นคือ ตอนสอบเข้ามออันดับต้นๆ
แต่ละคณะคะแนนก็สูงๆ ทั้งนั้น แสดงว่ามีเด็กเก่งๆกระจายไปทุกคณะ และก็อย่างที่ถาม คุณว่าคณะอื่นเรียนง่ายหรือ
แต่คณะที่มีปัญหาการไทล์เยอะมีคณะเดียวคือ วิศวะ
นั้นจะโทษอะไรดี โทษหลักสูตรหรือควรโทษผู้เรียนที่ไม่ตั้งใจเรียนเองกันแน่?
มีกระทู้นี้ดีแล้ว เด็กๆที่อยากเข้าวิศวะจะได้พยายามตั้งใจเรียน เมื่อสอบเข้าได้แล้ว
------------------------------
"เพื่อนผมเรียนจบ4ปีทุกคนนะครับ ถ้าคิดจะเรียน ยังไงก็เรียนได้ครับ
อยากถามหลายคนที่เรียนไม่จบมากกว่า คือบางคนแทบไม่เคยเข้าเรียน หนังสือไม่อ่าน แบบฝึกหัดไม่เคยทำนอกจากวันก่อนสอบ วันๆกินเหล้ากับจีบสาวอย่างเดียว แล้วก็มาบ่นว่าเรียนยาก
มีไหมครับ คนที่เข้าเรียนครบ ตั้งใจเรียน เลิกเรียนกลับมาทบทวนทุกวัน แล้วยังโดนไทล์เนี่ย "
-เต่าทะเลสีเขียว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ผมเป็นคนนึงที่ยืนยันอีกเสียง ว่ามันเรียนจบง่ายตรงไหนหรอครับ
ทุกสาขามีความยากง่ายในตัวของมันครับ และ แต่ละมหาลัยความยาก
ง่ายไม่เท่ากัน อย่างที่ผมเรียนมีหลายวิชาที่เป็นตัวโหดที่ทำให้คนไม่จบกันเยอะ
ยากไม่ยากไม่รู้ ขนาดเพื่อนๆผมที่เข้ามาด้วยโควต้า ตัวแทนแข่งโอลิมปิก
(ในสาขาที่เรียน) ยังทำไม่ค่อยจะได้ คะแนนไม่สู้ดีนัก ประมาณ D+,C
ความยากของวิศวะมันอยู่ที่ความเข้าใจครับ ถ้าคุณเข้าใจมันก็จะง่าย
ไปเลย แต่บางเรื่องมันก็ยากที่จะเข้าใจ อีกอย่างการเรียนการสอน
คืออาจารย์แกจะสอนเฉพาะสิ่งที่ควรรู้ ยกตัวอย่างเช่น การต่อขั้วไฟ
การเขียนโปรแกรมลง Hardware(สอนเฉพาะ syntax กับวิธีเอาลงบอร์ด)
แล้วอาจารย์ก็สั่งงานทันที ไปสร้างอุปกรณ์ที่ทำงาน ถ้ากด 1 ให้มันกระพริบ 5 ครั้ง
ถ้ากด 2 ให้มันกระพริบ 7 ครั้งเป็นต้น (เป็นตัวอย่างง่ายๆ ที่ให้เห็นภาพ ของจริง
ที่เรียนยากกว่านี้หลายขุม)
ปัญหาที่เกิดเลยอันดับแรก
1. เราจะทำให้มันกระพริบอย่างไร (ต้องใช้คำสั่งอะไร ณ จุดนี้ไอเดียสำคัญมาก)
2. เราจะเขียนโปรแกรมอย่างไร(บางทีการที่เรา code โปรแกรมมันก็ไม่ทำงาน ประสิทธิภาพต่ำ หรือช้านั่นเอง)
3. การทำงานร่วมกันระหว่าง hardware และ software(บางครั้งการเขียนโปรแกรมถูกต้องทุกอย่าง ก็ไม่ได้หมายถึง
ว่าจะทำงานร่วมกับ hardware เป๊ะๆ ต้องมีการปรับแต่งพอสมควร)
ความยากของวิศวะมันอยู่ที่ ความเข้าใจ และ ไอเดีย เป็นเรื่องสำคัญเลยครับ
ซึ่งในจุดนี้เป็นสิ่งที่แต่ละคนมีไม่เท่ากัน จึงเป็นคณะที่เหมาะกับคนที่ขี้เกียจ
แต่หัวดีและมีจินตนาการ ไม่ได้หมายความว่าคนขยันไม่เหมาะนะ
ทุกคณะยิ่งขยันได้ก็ดีหมดแหละ ส่วนพวกคณะเกี่ยวกับแพทย์ ผมมองว่าเหมาะสำหรับคน
ขยัน มีความรับผิดชอบนะ เพราะผมว่าความยากอยู่ที่การที่การจำสิ่งต่างๆที่มีเยอะมาก
เพราะต่อให้คุณหัวดีแค่ไหนแต่ไม่อ่าน ก็ทำไม่ได้ สำหรับหมอก็จะมีในเรื่องของความชำนาญ
เพิ่มเข้ามา เพราะต่อให้คุณรู้อวัยวะต่างๆของร่างกายมนุษย์ว่าอยู่จุดไหนในหนังสือ
แต่เมื่อเจอของจริง มนุษย์แต่ละคนลักษณะของร่างกายไม่เหมือนกัน อาจจะมีการคลาดเคลื่อน
มากน้อยซึ่งหมอเก่งๆ จะสามารถจัดการได้ ก็เป็นการวัดระดับของหมอไปในตัว
ปล. แต่ละคณะ แต่ละคนมันยากง่ายไม่เหมือนกัน คุณเอาบรรทัดฐานตัวเอง
ไปวัดไม่ได้หรอกครับ เหมือนคุณให้คนขายก๋วยเตี๋ยวไปสร้างตึก กับ ให้วิศวะมาทำก๋วยเตี๋ยว
สลับกัน
ทุกสาขามีความยากง่ายในตัวของมันครับ และ แต่ละมหาลัยความยาก
ง่ายไม่เท่ากัน อย่างที่ผมเรียนมีหลายวิชาที่เป็นตัวโหดที่ทำให้คนไม่จบกันเยอะ
ยากไม่ยากไม่รู้ ขนาดเพื่อนๆผมที่เข้ามาด้วยโควต้า ตัวแทนแข่งโอลิมปิก
(ในสาขาที่เรียน) ยังทำไม่ค่อยจะได้ คะแนนไม่สู้ดีนัก ประมาณ D+,C
ความยากของวิศวะมันอยู่ที่ความเข้าใจครับ ถ้าคุณเข้าใจมันก็จะง่าย
ไปเลย แต่บางเรื่องมันก็ยากที่จะเข้าใจ อีกอย่างการเรียนการสอน
คืออาจารย์แกจะสอนเฉพาะสิ่งที่ควรรู้ ยกตัวอย่างเช่น การต่อขั้วไฟ
การเขียนโปรแกรมลง Hardware(สอนเฉพาะ syntax กับวิธีเอาลงบอร์ด)
แล้วอาจารย์ก็สั่งงานทันที ไปสร้างอุปกรณ์ที่ทำงาน ถ้ากด 1 ให้มันกระพริบ 5 ครั้ง
ถ้ากด 2 ให้มันกระพริบ 7 ครั้งเป็นต้น (เป็นตัวอย่างง่ายๆ ที่ให้เห็นภาพ ของจริง
ที่เรียนยากกว่านี้หลายขุม)
ปัญหาที่เกิดเลยอันดับแรก
1. เราจะทำให้มันกระพริบอย่างไร (ต้องใช้คำสั่งอะไร ณ จุดนี้ไอเดียสำคัญมาก)
2. เราจะเขียนโปรแกรมอย่างไร(บางทีการที่เรา code โปรแกรมมันก็ไม่ทำงาน ประสิทธิภาพต่ำ หรือช้านั่นเอง)
3. การทำงานร่วมกันระหว่าง hardware และ software(บางครั้งการเขียนโปรแกรมถูกต้องทุกอย่าง ก็ไม่ได้หมายถึง
ว่าจะทำงานร่วมกับ hardware เป๊ะๆ ต้องมีการปรับแต่งพอสมควร)
ความยากของวิศวะมันอยู่ที่ ความเข้าใจ และ ไอเดีย เป็นเรื่องสำคัญเลยครับ
ซึ่งในจุดนี้เป็นสิ่งที่แต่ละคนมีไม่เท่ากัน จึงเป็นคณะที่เหมาะกับคนที่ขี้เกียจ
แต่หัวดีและมีจินตนาการ ไม่ได้หมายความว่าคนขยันไม่เหมาะนะ
ทุกคณะยิ่งขยันได้ก็ดีหมดแหละ ส่วนพวกคณะเกี่ยวกับแพทย์ ผมมองว่าเหมาะสำหรับคน
ขยัน มีความรับผิดชอบนะ เพราะผมว่าความยากอยู่ที่การที่การจำสิ่งต่างๆที่มีเยอะมาก
เพราะต่อให้คุณหัวดีแค่ไหนแต่ไม่อ่าน ก็ทำไม่ได้ สำหรับหมอก็จะมีในเรื่องของความชำนาญ
เพิ่มเข้ามา เพราะต่อให้คุณรู้อวัยวะต่างๆของร่างกายมนุษย์ว่าอยู่จุดไหนในหนังสือ
แต่เมื่อเจอของจริง มนุษย์แต่ละคนลักษณะของร่างกายไม่เหมือนกัน อาจจะมีการคลาดเคลื่อน
มากน้อยซึ่งหมอเก่งๆ จะสามารถจัดการได้ ก็เป็นการวัดระดับของหมอไปในตัว
ปล. แต่ละคณะ แต่ละคนมันยากง่ายไม่เหมือนกัน คุณเอาบรรทัดฐานตัวเอง
ไปวัดไม่ได้หรอกครับ เหมือนคุณให้คนขายก๋วยเตี๋ยวไปสร้างตึก กับ ให้วิศวะมาทำก๋วยเตี๋ยว
สลับกัน
ความคิดเห็นที่ 2
เท่าที่สัมผัสตอนแรียน สายสุขภาพ แพทย์ เภสัช ทันตะ พวกนี้จะซีเรียสมากกว่านะ จะปล่อยตัวมากไม่ได้ เพราะมีเพื่อนๆ ในคณะรอเหยียบให้ไปอยู่ใต้มีนแบบไม่มีใครยอมใคร ดังนั้นมันทำให้แต่ละคนแอคทีฟมาก ... กลับกัน พวกวิศวะ พวกนี้จะเป็นผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ รักกันสามัคคีกัน เวลาติวก็ติวด้วยกัน เวลาไม่เอาก็ชวนกันไม่เอาเลยทั้งกลุ่ม ตอนเรียนผมก็ยังอิจฉาพวกนี้เลย จำได้ว่าตอนสอบ พอรู้ว่าอ่านไม่ทันละ พวกนี้ชวนกันทิ้งเลย ไม่เอาเลยทั้งกลุ่ม ลองเป็นคณะผมสิ โดนเหยียบตายอยู่ใต้มีนนั่นแหละ
ความคิดเห็นที่ 9
ผมคิดว่าเป็นเพราะระบบคัดเลือกมันห่วยไงล่ะครับ
มหาวิทยาลัยต่าง ๆ รับนิสิตนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เยอะมาก แถมหลาย ๆ มหาวิทยาลัยก็เปิดวิศวกรรมกันให้พรึ่บ และเมื่อรับเยอะแล้ว เด็กก็เข้าไปในระบบมากขึ้น นั่นคือคุณภาพโดยรวมที่ลดลง
ก็ต้องถามไปอีกว่าแล้วทำไมมหาวิทยาลัยถึงเป็นรับเยอะ เป็นเรื่องธุรกิจ หรือเป็นนโยบายระดับประเทศ หรืออื่น ๆ แต่สิ่งที่มันพบเห็นได้คือคุณภาพนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ที่บางครั้งแทบไม่อยากเชื่อว่าบางคนเข้ามาเรียนได้อย่างไร
สำหรับมหาวิทยาลัยที่ภายในยังมีความเข้มข้น สุดท้ายแล้วระบบมันก็จะคัดกรองคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ออกไปเอง ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่บางมหาวิทยาลัยเด็กวิศวะ หายไปเกือบครึ่งเมื่อขึ้นชั้นปี แต่บางมหาวิทยาลัยที่ระบบการเรียนการสอนไม่เข้มข้น สุดท้าย output ก็จะเห็นจากคุณภาพของเด็กที่จบจากที่นั่น ที่ถูกตีตราด้วยชื่อของสถาบันนั้น ๆ อยู่
ดังนั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้ปัญหาใหญ่คือระบบคัดเลือกมากกว่า ที่มันแย่ลงทุกปี ทุกปี
แต่ผมคิดว่าการเปรียบเทียบระหว่างทำอาหารกับวิศวะ มันไม่สามารถเทียบเคียงกันได้เลยตามกรณีที่คุณยกขึ้นมาพูด ความยากของ 2 สิ่งนี้แตกต่างกัน
มหาวิทยาลัยต่าง ๆ รับนิสิตนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เยอะมาก แถมหลาย ๆ มหาวิทยาลัยก็เปิดวิศวกรรมกันให้พรึ่บ และเมื่อรับเยอะแล้ว เด็กก็เข้าไปในระบบมากขึ้น นั่นคือคุณภาพโดยรวมที่ลดลง
ก็ต้องถามไปอีกว่าแล้วทำไมมหาวิทยาลัยถึงเป็นรับเยอะ เป็นเรื่องธุรกิจ หรือเป็นนโยบายระดับประเทศ หรืออื่น ๆ แต่สิ่งที่มันพบเห็นได้คือคุณภาพนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ที่บางครั้งแทบไม่อยากเชื่อว่าบางคนเข้ามาเรียนได้อย่างไร
สำหรับมหาวิทยาลัยที่ภายในยังมีความเข้มข้น สุดท้ายแล้วระบบมันก็จะคัดกรองคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ออกไปเอง ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่บางมหาวิทยาลัยเด็กวิศวะ หายไปเกือบครึ่งเมื่อขึ้นชั้นปี แต่บางมหาวิทยาลัยที่ระบบการเรียนการสอนไม่เข้มข้น สุดท้าย output ก็จะเห็นจากคุณภาพของเด็กที่จบจากที่นั่น ที่ถูกตีตราด้วยชื่อของสถาบันนั้น ๆ อยู่
ดังนั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้ปัญหาใหญ่คือระบบคัดเลือกมากกว่า ที่มันแย่ลงทุกปี ทุกปี
แต่ผมคิดว่าการเปรียบเทียบระหว่างทำอาหารกับวิศวะ มันไม่สามารถเทียบเคียงกันได้เลยตามกรณีที่คุณยกขึ้นมาพูด ความยากของ 2 สิ่งนี้แตกต่างกัน
แสดงความคิดเห็น
ทำไมหลายคนบ่นว่าวิศวะเรียนยาก ไทล์เยอะ หลายคนจบช้า1-2 ปี ทั้งที่เรียนสิ่งที่เขาคิดมาแล้วไม่ได้ไปคิดอะไรใหม่เสียหน่อย ?
2.ในหนังสือ เทกบุคเนื้อหาก็มีครบ อ่านฝึกทำโจทย์ ก็ทำข้อสอบได้และ เทกบุคเขียนไว้ดี เนื้อหาครบ ไม่เหมือนการเรียนอย่างอื่นเช่นทำอาหาร ไม่มีหนังสืออะไรที่มีเนื้อหาครบให้อ่านแบบนี้ ต้องครูพักลักจำ ซึ่งจะเห็นว่าอย่างแรกง่ายกว่าเยอะเลย
3.เห็นเพื่อนวิศวะ มัวแต่กินเหล้า เตะบอลสนามหญ้าเทียม จีบสาว แทงสนุ๊ก เข้าร้านเกม พอวันสุดท้ายก่อนสอบค่อยไปหาคนติวให้ แล้วมันจะทันไหม ไปหอมันไม่เห็นมีหนังสืออะไรเลย มีแต่bong แล้วแบบนี้มาบ่นว่าเรียนยาก ความจริงก็คือไม่เรียนเองมากกว่า
ทำไมหลายคนบ่นว่าวิศวะเรียนยาก ไทล์เยอะ หลายคนจบช้า1-2 ปี ทั้งที่เรียนสิ่งที่เขาคิดมาแล้วไม่ได้ไปคิดอะไรใหม่เสียหน่อย ?