เนื้อเรื่องย่อ : เมื่อดอกเตอร์อัจฉริยะด้านภาษาศาสตร์ผู้มีชีวิตที่สุดจะสมบูรณ์แบบอย่าง Alice Howland ได้ค้นพบว่าตัวเองเป็นโรคอัลไซเมอร์ชนิดก่อตัวเร็ว และทุกๆสิ่งที่เธอรักกำลังจะถูกลบหายไปจากความทรงจำ ดราม่าสุดสะท้านจึงเกิดขึ้น
- ด้านตัวละคร
บทบาทของ Alice Howland นั้นต้องยอมรับจริงว่าคุณป้า Julianne Moore ได้ทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติจริงๆ การแสดงออกทางสีหน้าที่หมดจดทำให้เราเชื่ออย่างสุดใจว่า 'เรากำลังเฝ้ามองคนที่เผชิญโรคร้ายอย่างอัลไซเมอร์จริงๆ' และการเข้าฉากด้วยหน้าตาอันเป็นธรรมชาติ (ป้าแกใช้เมคอัพน้อยมา) ก็ทำให้ดูสมจริงมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคุมโทนหนังทั้งเรื่องได้ดีจริงๆ
สำหรับ Kristen Stewart ที่หลุดพ้นจากวังวน Twilight ออกมาได้ ก็ถือว่าสร้างผลงานได้ติดตาตรึงใจเหมือนสมัยเล่น Panic Room อีกครั้ง, บทบาทกสาวผู้ไม่ลงรอยกับวิถีครอบครัวได้ถูกนำเสนอได้น่าสนใจและอุดมไปด้วยอารมณ์ ถือว่าน่าชื่นชมไม่แพ้กัน
- ด้านการดำเนินเรื่อง
Still Alice มีการดำเนินเรื่องที่เรียบง่ายแต่สะเทือนใจ หนังเลือกที่จะนำเสนอพัฒนาการของตัวละครเอกตั้งแต่จุดสูงสุดจนไปถึงจุดต่ำสุดของชีวิตอย่างเป็นลำดับ ซึ่งในจุดนี้ถือว่าหนังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เหมาะสม การที่เราได้เห็นอลิสค่อยๆสูญเสียความสามารถต่างๆในชีวิตตัวเองไปทีละอย่างๆทำให้ผู้ชม 'จุก' ไปตามๆกัน โดยเฉพาะฉากห้องน้ำ/อัดวิดิโอนั้นเรียกได้ว่าบีบหัวใจผู้เขียนมากเลยทีเดียว
ช่วงตอนท้ายของหนังถือเป็นอะไรที่น่าหดหู่อย่างน่าประหลาด โทนของหนังที่ค่อยๆหม่นหมอง/ไม่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ทำให้การรับ-ส่งอารมณ์ของตัวหนังถือว่าหมดจดมาก จนมาถึงจุดจบในส่วนสุดท้ายที่น่าจดจำ ทำให้ผู้ชมหลายๆท่านถึงกับเกิดอาการ 'หมดคำพูด' เลยทีเดียว
- ด้านงานภาพ-เพลงประกอบ
เทคนิคที่น่าสนใจของเรื่อง คือการใช้โบเก้และโฟกัสที่ละลายหลังจัดมากๆ อาจจะสื่อในความหมายของ 'ความขุ่นมัว' ที่เกิดขึ้นในสมองของอลิสก็เป็นได้ เพลงประกอบที่ใช้เพียงเล็กน้อยก็เป็นองค์ประกอบที่ดีของหนังที่ทำให้คุมโทนของตัวเองได้เป็นอย่างดี
"Still Alice เป็นหนังดราม่าที่นำเสนอได้มีพลังและน่าหดหู่ พัฒนาการของตัวละครที่เกิดขึ้นอย่างเป็นลำดับอย่างมีชั้นเชิง ถึงแม้ตัวหนังอาจจะไม่ใช่แนวหนังสำหรับทุกคน แต่ก็เป็นผลงานที่ดีที่ควรจะลองสัมผัสไว้ซักครั้ง"
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 9.0/10
กินมันให้หมดเม็ดแล้วนอนหลับไปซะ by Jayz Hunhaboon
[MINI REVIEW] Still Alice - ขอแค่ฉันไม่ลืมฉัน
- ด้านตัวละคร
บทบาทของ Alice Howland นั้นต้องยอมรับจริงว่าคุณป้า Julianne Moore ได้ทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติจริงๆ การแสดงออกทางสีหน้าที่หมดจดทำให้เราเชื่ออย่างสุดใจว่า 'เรากำลังเฝ้ามองคนที่เผชิญโรคร้ายอย่างอัลไซเมอร์จริงๆ' และการเข้าฉากด้วยหน้าตาอันเป็นธรรมชาติ (ป้าแกใช้เมคอัพน้อยมา) ก็ทำให้ดูสมจริงมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคุมโทนหนังทั้งเรื่องได้ดีจริงๆ
สำหรับ Kristen Stewart ที่หลุดพ้นจากวังวน Twilight ออกมาได้ ก็ถือว่าสร้างผลงานได้ติดตาตรึงใจเหมือนสมัยเล่น Panic Room อีกครั้ง, บทบาทกสาวผู้ไม่ลงรอยกับวิถีครอบครัวได้ถูกนำเสนอได้น่าสนใจและอุดมไปด้วยอารมณ์ ถือว่าน่าชื่นชมไม่แพ้กัน
- ด้านการดำเนินเรื่อง
Still Alice มีการดำเนินเรื่องที่เรียบง่ายแต่สะเทือนใจ หนังเลือกที่จะนำเสนอพัฒนาการของตัวละครเอกตั้งแต่จุดสูงสุดจนไปถึงจุดต่ำสุดของชีวิตอย่างเป็นลำดับ ซึ่งในจุดนี้ถือว่าหนังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เหมาะสม การที่เราได้เห็นอลิสค่อยๆสูญเสียความสามารถต่างๆในชีวิตตัวเองไปทีละอย่างๆทำให้ผู้ชม 'จุก' ไปตามๆกัน โดยเฉพาะฉากห้องน้ำ/อัดวิดิโอนั้นเรียกได้ว่าบีบหัวใจผู้เขียนมากเลยทีเดียว
ช่วงตอนท้ายของหนังถือเป็นอะไรที่น่าหดหู่อย่างน่าประหลาด โทนของหนังที่ค่อยๆหม่นหมอง/ไม่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ทำให้การรับ-ส่งอารมณ์ของตัวหนังถือว่าหมดจดมาก จนมาถึงจุดจบในส่วนสุดท้ายที่น่าจดจำ ทำให้ผู้ชมหลายๆท่านถึงกับเกิดอาการ 'หมดคำพูด' เลยทีเดียว
- ด้านงานภาพ-เพลงประกอบ
เทคนิคที่น่าสนใจของเรื่อง คือการใช้โบเก้และโฟกัสที่ละลายหลังจัดมากๆ อาจจะสื่อในความหมายของ 'ความขุ่นมัว' ที่เกิดขึ้นในสมองของอลิสก็เป็นได้ เพลงประกอบที่ใช้เพียงเล็กน้อยก็เป็นองค์ประกอบที่ดีของหนังที่ทำให้คุมโทนของตัวเองได้เป็นอย่างดี
"Still Alice เป็นหนังดราม่าที่นำเสนอได้มีพลังและน่าหดหู่ พัฒนาการของตัวละครที่เกิดขึ้นอย่างเป็นลำดับอย่างมีชั้นเชิง ถึงแม้ตัวหนังอาจจะไม่ใช่แนวหนังสำหรับทุกคน แต่ก็เป็นผลงานที่ดีที่ควรจะลองสัมผัสไว้ซักครั้ง"
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 9.0/10
กินมันให้หมดเม็ดแล้วนอนหลับไปซะ by Jayz Hunhaboon