-- ขอว่ากันที่ตอนที่ 11 Ep.11 เลย--
เมื่อคืนนี้(วันศุกร์ที่ 22 เม.ย.65)ละครนำเสนอเป็น Ep.11 ซึ่งเหมือนว่าเป็นตอนแห่งการเฉลยปมทั้งปวงของชีวิตพีรณัฐ (จ็อบ ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต) ว่า
1. ทำไมต้องย้ายบ้าน
2. เหตุผลที่มีสมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งก็คือ คึ่นช่าย(สุนัข –พี่ดื้อ)
3. ความสำคัญของตุ๊กตาหมี
4. ทำไมณัฐถึงไม่กิน ไม่ชอบ อาหารกล่องของแม่(คุณอุ๋ม อาภาศิริ นิติพน)ที่สู้อุตส่าห์ตื่นมาทำให้ณัฐทุกเช้า
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เกี่ยวพันระหว่างแม่กับณัฐ และ รักแรกของณัฐกับพี่ตาธาร(ยูโด ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์)
ฉากที่สำคัญที่อยากพูดถึงคือฉากที่เป็นเพียงการพูดคุยระหว่างแม่และเต้าหู้ -- ตุ๊กตาหมีในร่างคน -- (อิน สาริน รณเกียรติ)
ความรู้สึกนึกคิดที่แม่มีต่อณัฐกับเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ของครอบครัวนี้ ก็เป็นการเฉลยปมที่มา เรื่องราวเกือบทั้งหมดได้
โดยมีผู้ฟังคือคนดูอย่างเราๆท่านๆนั่งฟัง(นั่งดู)อย่างเงียบๆ
ฉากแบบนี้ ถ้าบทไม่กระชับ ชัดเจน การแสดงไม่กินใจ การใช้นักแสดงเพียง 2 คน แช่ภาพนิ่งๆด้วยบทพูดที่ยาวมากอีกทั้งเป็นเรื่องชวนหดหู่
มันยากที่จะตรึงคนดูเอาไว้ได้ แต่ผู้ผลิตก็ใช้การฉายภาพประหนึ่ง MV เค้นความรู้สึกร่วม อารมณ์ร่วมของคนดูให้คล้อยตามความหม่นหมอง
ของมัทนา(แม่-คุณอุ๋ม)ได้อย่างแนบเนียน ถูกจังหวะ
คุณอุ๋มทำให้คนดูได้รู้ว่า
(1) “ การมีคู่ชีวิตแต่ไม่มีคู๋คิด ” นั้นเป็นอย่างไร การแต่งงานโดยไม่พร้อมรักนั้นนำพาซึ่งความขมขื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
(2) การที่แม่จะสร้างชีวิตที่สมบูรณ์และพูนสุขให้กับลูกนั้น เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่เพียงใด
มัทนาไม่ใช่ผู้หญิงแกร่ง ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีแบบแผน แนวทางการไปสู่เป้าหมายที่ระหว่างทางต้องรับมือ สะสางอุปสรรคต่างๆที่เข้ามา ยิ่งเมื่อบวกกับการมีเพื่อนที่เป็นแนวอนุรักษ์นิยม และสามีที่เผด็จการ บงการ สร้างกรอบชีวิตคนในครอบครัวอย่างแน่นหนาแล้ว ความปรารถนาของมัทนาจึงเป็นเรื่องที่ไม่มีวันสมหวัง
แม่นั้นใช่ว่าจะแกร่งและเก่งทุกคน แต่ถ้าถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบ แม่ทุกคนย่อมพบกับความสมปรารถนา
การแสดงของคุณอุ๋มในฉากนี้ ต้องขอลุกขึ้นยืนปรบมือให้ค่ะ ซึ่งเรื่องนี้ตลอดทั้งเรื่องคุณอุ๋มแสดงได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
ในชีวิตจริงของเรา จะมีสักกี่คนที่มี “ เต้าหู้ ” เป็นของตัวเอง เต้าหู้ที่จะคอยรับฟัง ช่วยแก้ปัญหาอย่างมืออาชีพ นอกเสียจากจิตแพทย์ โชคดีหน่อยอาจจะเป็นเพื่อนที่จัดว่าเป็นมหากัลยาณมิตร ญาติผู้ใหญ่ ที่สามารถเป็นที่พึ่งพิง ให้คำแนะนำที่ดีงาม หรือ แม้แต่รับฟังเรื่องราว(ทุกข์)ของเราอย่างไม่ตัดสิน อย่างไม่จัดแจง
หากว่าละครบิดจากเนื้อหาไปจากในนิยาย(ซึ่งเรายังไม่ได้อ่าน)คงต้องขอยกคุณงามความดีให้กับทีมผู้เขียนบทซึ่งได้แก่
- คุณศันสนีย์ ตุลยธนบดี
- คุณเหมือนฝัน ชาวเหนือ
- คุณศุภวรรณ ทองขลิบ
แต่หากละครนำเสนอตามแบบฉบับในนิยาย คงต้องชื่นชมคุณปราบต์ ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นอย่างสูง ที่ได้นำเสนอปัญหาการใช้ชีวิตคู่อย่างที่ไม่พร้อมที่จะรักกัน ทั้งจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย และเมื่อมีลูก ปัญหาย่อมเกี่ยวถึงตัวลูกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ละครเรื่องนี้ยังได้นำเสนอประเด็นความรักระหว่างชาย-ชาย ซ้อนอีกชั้นหนึ่งด้วย
ความนุงนังแบบในละครที่มีอยู่จริงในสังคมจึงเสมือนเป็นกระจกให้คนดูได้ดูชม ส่วนใครจะมีโอกาสนำอะไรไปปรับใช้ได้บ้าง คงแล้วแต่สถานการณ์และความเหมาะสมในปัจเจก
ละครยังคงเหลือปมบางอย่างให้เราได้ติดตามต่อ และคงอยากให้มีปาฏิหาริย์ไปกับทุกเรื่องแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นไปไม่ได้ หวังว่าจะมีผู้ชมมาช่วยกันลุ้น ช่วยกันติดตามละครเรื่องนี้นะคะ
หากว่ามีใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Brokeback Mountain มาแล้ว หนังเรื่องนี้เป็นหนังวาย แต่ประเด็นหลักนั้นคือปัญหาครอบครัวเช่นกันค่ะ อาจจะคนละประเด็นกับปัญหาในละครคุณหมีฯ ส่วนฉากความฟินจิ้นอะไรอย่างนั้น แม้จะไม่ถึงพริกถึงขิงอย่างในหนัง(อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะ) แต่ก็จัดว่าละครเรื่องนี้มีมากโขอยู่
ขอขอบคุณช่องสามที่เปิดโอกาสให้กับทีมงานผู้ผลิตได้นำเสนอนิยายคุณหมีฯออกมาเป็นละคร ถือว่าทำออกมาได้ดีมากเลยค่ะ ไม่ต่างกับโอกาสที่ให้กับพล็อตละครหญิงสูงวัยได้ลงเอยกับหนุ่มน้อยแบบละครเรื่องพฤษภา-ธันวา
แล้วจะมาต่อเรื่องนักแสดงในเรื่องนี้อีกทีนะคะ
คุณหมีปาฏิหาริย์ ละครซีรีส์วาย Why ... Why we have to see ?
-- ขอว่ากันที่ตอนที่ 11 Ep.11 เลย--
เมื่อคืนนี้(วันศุกร์ที่ 22 เม.ย.65)ละครนำเสนอเป็น Ep.11 ซึ่งเหมือนว่าเป็นตอนแห่งการเฉลยปมทั้งปวงของชีวิตพีรณัฐ (จ็อบ ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต) ว่า
1. ทำไมต้องย้ายบ้าน
2. เหตุผลที่มีสมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งก็คือ คึ่นช่าย(สุนัข –พี่ดื้อ)
3. ความสำคัญของตุ๊กตาหมี
4. ทำไมณัฐถึงไม่กิน ไม่ชอบ อาหารกล่องของแม่(คุณอุ๋ม อาภาศิริ นิติพน)ที่สู้อุตส่าห์ตื่นมาทำให้ณัฐทุกเช้า
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เกี่ยวพันระหว่างแม่กับณัฐ และ รักแรกของณัฐกับพี่ตาธาร(ยูโด ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์)
ฉากที่สำคัญที่อยากพูดถึงคือฉากที่เป็นเพียงการพูดคุยระหว่างแม่และเต้าหู้ -- ตุ๊กตาหมีในร่างคน -- (อิน สาริน รณเกียรติ)
ความรู้สึกนึกคิดที่แม่มีต่อณัฐกับเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ของครอบครัวนี้ ก็เป็นการเฉลยปมที่มา เรื่องราวเกือบทั้งหมดได้
โดยมีผู้ฟังคือคนดูอย่างเราๆท่านๆนั่งฟัง(นั่งดู)อย่างเงียบๆ
ฉากแบบนี้ ถ้าบทไม่กระชับ ชัดเจน การแสดงไม่กินใจ การใช้นักแสดงเพียง 2 คน แช่ภาพนิ่งๆด้วยบทพูดที่ยาวมากอีกทั้งเป็นเรื่องชวนหดหู่
มันยากที่จะตรึงคนดูเอาไว้ได้ แต่ผู้ผลิตก็ใช้การฉายภาพประหนึ่ง MV เค้นความรู้สึกร่วม อารมณ์ร่วมของคนดูให้คล้อยตามความหม่นหมอง
ของมัทนา(แม่-คุณอุ๋ม)ได้อย่างแนบเนียน ถูกจังหวะ
คุณอุ๋มทำให้คนดูได้รู้ว่า
(1) “ การมีคู่ชีวิตแต่ไม่มีคู๋คิด ” นั้นเป็นอย่างไร การแต่งงานโดยไม่พร้อมรักนั้นนำพาซึ่งความขมขื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
(2) การที่แม่จะสร้างชีวิตที่สมบูรณ์และพูนสุขให้กับลูกนั้น เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่เพียงใด
มัทนาไม่ใช่ผู้หญิงแกร่ง ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีแบบแผน แนวทางการไปสู่เป้าหมายที่ระหว่างทางต้องรับมือ สะสางอุปสรรคต่างๆที่เข้ามา ยิ่งเมื่อบวกกับการมีเพื่อนที่เป็นแนวอนุรักษ์นิยม และสามีที่เผด็จการ บงการ สร้างกรอบชีวิตคนในครอบครัวอย่างแน่นหนาแล้ว ความปรารถนาของมัทนาจึงเป็นเรื่องที่ไม่มีวันสมหวัง
แม่นั้นใช่ว่าจะแกร่งและเก่งทุกคน แต่ถ้าถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบ แม่ทุกคนย่อมพบกับความสมปรารถนา
การแสดงของคุณอุ๋มในฉากนี้ ต้องขอลุกขึ้นยืนปรบมือให้ค่ะ ซึ่งเรื่องนี้ตลอดทั้งเรื่องคุณอุ๋มแสดงได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
ในชีวิตจริงของเรา จะมีสักกี่คนที่มี “ เต้าหู้ ” เป็นของตัวเอง เต้าหู้ที่จะคอยรับฟัง ช่วยแก้ปัญหาอย่างมืออาชีพ นอกเสียจากจิตแพทย์ โชคดีหน่อยอาจจะเป็นเพื่อนที่จัดว่าเป็นมหากัลยาณมิตร ญาติผู้ใหญ่ ที่สามารถเป็นที่พึ่งพิง ให้คำแนะนำที่ดีงาม หรือ แม้แต่รับฟังเรื่องราว(ทุกข์)ของเราอย่างไม่ตัดสิน อย่างไม่จัดแจง
หากว่าละครบิดจากเนื้อหาไปจากในนิยาย(ซึ่งเรายังไม่ได้อ่าน)คงต้องขอยกคุณงามความดีให้กับทีมผู้เขียนบทซึ่งได้แก่
- คุณศันสนีย์ ตุลยธนบดี
- คุณเหมือนฝัน ชาวเหนือ
- คุณศุภวรรณ ทองขลิบ
แต่หากละครนำเสนอตามแบบฉบับในนิยาย คงต้องชื่นชมคุณปราบต์ ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นอย่างสูง ที่ได้นำเสนอปัญหาการใช้ชีวิตคู่อย่างที่ไม่พร้อมที่จะรักกัน ทั้งจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย และเมื่อมีลูก ปัญหาย่อมเกี่ยวถึงตัวลูกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ละครเรื่องนี้ยังได้นำเสนอประเด็นความรักระหว่างชาย-ชาย ซ้อนอีกชั้นหนึ่งด้วย
ความนุงนังแบบในละครที่มีอยู่จริงในสังคมจึงเสมือนเป็นกระจกให้คนดูได้ดูชม ส่วนใครจะมีโอกาสนำอะไรไปปรับใช้ได้บ้าง คงแล้วแต่สถานการณ์และความเหมาะสมในปัจเจก
ละครยังคงเหลือปมบางอย่างให้เราได้ติดตามต่อ และคงอยากให้มีปาฏิหาริย์ไปกับทุกเรื่องแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นไปไม่ได้ หวังว่าจะมีผู้ชมมาช่วยกันลุ้น ช่วยกันติดตามละครเรื่องนี้นะคะ
หากว่ามีใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Brokeback Mountain มาแล้ว หนังเรื่องนี้เป็นหนังวาย แต่ประเด็นหลักนั้นคือปัญหาครอบครัวเช่นกันค่ะ อาจจะคนละประเด็นกับปัญหาในละครคุณหมีฯ ส่วนฉากความฟินจิ้นอะไรอย่างนั้น แม้จะไม่ถึงพริกถึงขิงอย่างในหนัง(อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะ) แต่ก็จัดว่าละครเรื่องนี้มีมากโขอยู่
ขอขอบคุณช่องสามที่เปิดโอกาสให้กับทีมงานผู้ผลิตได้นำเสนอนิยายคุณหมีฯออกมาเป็นละคร ถือว่าทำออกมาได้ดีมากเลยค่ะ ไม่ต่างกับโอกาสที่ให้กับพล็อตละครหญิงสูงวัยได้ลงเอยกับหนุ่มน้อยแบบละครเรื่องพฤษภา-ธันวา
แล้วจะมาต่อเรื่องนักแสดงในเรื่องนี้อีกทีนะคะ