สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
สวัสดีค่ะ
คนเราทุกคน เกิดมา ก็ทุกข์เสียแล้ว แล้วแต่ว่าทุกข์มากหรือน้อย แต่อย่างไรเสียก็ต้องทุกข์ทุกคน
ประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ไม่พอใจกันทุกคน
เกลียดแม่ ไม่แปลกค่ะ แต่คงจะมีคำถามในใจมากมาย
เช่น เราเกิดมาทำไม ทำไมเราต้องมาเกิดกับแม่คนนี้ ทำไมเราไม่มีแม่ใจดีเหมือนคนอื่น
เรื่องโดนเปรียบเทียบ ก็ทำให้น้อยเนื้อต่ำใจ
แม่ว่า แม่ด่า ก็น้อยเนื้อต่ำใจ
โดนว่าตั้งแต่เด็กยันโต สะสมมานานมาก จนกลายเป็นความเกลียด
หากจะบอกว่า กฏแห่งกรรมมีจริง ไม่ทราบว่าน้องจะเชื่อมั้ย คนเราที่ได้แม่อุปนิสัยต่างกันมันมีเหตุ
ถ้าเราเคยเหลวไหล ดูแลลูกไม่ดี บ่นว่า ลำเอียง เปรียบเทียบมาก่อนล่ะ ตอนทำเราไม่รู้ตัว
แต่พอ เรามาเกิดเป็นลูก กรรมก็จัดให้เข้าท้อง คนนี้เสีย จะได้ชดใช้กรรมไป
อายุ 17 ปี มีสิ่งที่อยากให้มองค่ะ เช่น เรียนจบแล้วจะทำงานอะไร ทำอะไรจะรวย ได้เงิน ยอมเหนื่อยแต่ได้เงินเก็บไวๆ
ทำไมถึงแนะนำแบบนี้ เพราะว่า ที่บ้านน้องร้อน แยกออกมาอยู่คนเดียว มาเรียนรู้โลกข้างนอกดีกว่า มันก็โหดร้ายไม่แพ้กัน
แต่ว่า มันจะทำให้เราเข้าใจโลก มากขึ้น เข้มแข็งเป็นที่พึ่งตัวเองได้มากขึ้น
ขอให้อดทน จนเรียนมหาลัยและทำงานจบ ตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน หาความมั่นคง ให้ตัวเอง ต่อไป
คนพูดเขาก็สักแต่พูดไม่ได้จำหรอกค่ะ แต่ถ้า 5 ปีข้างหน้าประสบความสำเร็จ ก็จะมีแต่คนชม
จะไม่มีใครกล้ามาเปรียบเทียบให้เราน้อยเนื้อต่ำใจอีก ธรรมดาโลกเป็นแบบนั้นเองค่ะ
"ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้บ่น ให้ทนเอา" คนที่ทนทุกข์และผ่านมันไปได้ จะนับว่า มีใจที่แกร่งเหมือนเพชรเลยนะคะ
ทางมาของแต่ละคน มีไม่เท่ากัน แต่เรามีสองมือเหมือนเขา เราสร้างชีวิตและคุณค่าในตัวเองในแบบของเราได้
แม่ ไม่เห็นไม่เป็นไรค่ะ พี่เชื่อว่าน้องก็พร้อมพิสูจน์ว่าตัวเองมีคุณค่าอยู่ในใจอยู่แล้ว ไม่งั้นก็คงไม่สับสนและน้อยใจแม่
แม่อาจจะไม่ได้ทำหน้าที่แม่ แต่เราเป็นลูก ไม่มีใครเห็น เราก็ต้องทำหน้าที่ลูกนะคะ
เช่น กวาดบ้าน ทำความสะอาด ล้างจาน ทำให้เรียบร้อย งานของเรราหน้าที่เราก็ทำให้เรียบร้อย
ถึงเวลาแม่จะว่า ก็ว่าไม่ได้นะคะ เราก็มีต้องพักผ่อน อ่านหนังสือ อะไรของเราบ้าง
เมื่อก่อน เราเองก็เกลียดแม่ไม่น้อยค่ะ ต่อมาเราปฏิบัติธรรม เราทราบว่า เป้นกรรมของเราเองที่ได้กระทำมา
จึงต้องโดนกระทำแบบนี้ ไม่ว่าแม่จะร้าย จะว่ายังไง เราก็นิ่งค่ะ ไม่เอาเป็นอารมณ์ สติเราฝึกดีแล้วทุกข์จะมาให้เห็นยังไง
ต่อหน้าต่อตาก็ไม่ทุกข์ ต่อมาเราก็ให้อภัยแม่ จนกลายเป็นอุเบกขาเสียค่ะ ใจเบา และสบายอย่างมาก
เรื่องในครอบครัว ทำยากจริงๆนะคะ เวลากระทบกระทั่งกัน แต่เราเอาจริงเอาจังเรืองการปฏิบัติภาวนามาก
ความทุกข์เราจึงหดสั้นลง เห็นผลชัดในเวลา 2-3 ปีแรก หลังจาก3 ปีก็เรียกได้ว่า สบายใจ สบายกายมากค่ะ
จากเด็กที่ถูกเปรียบเทียบ โดนดุด่า กลายเป็นคนเห็นคุณค่าในตัวเอง ในความดีของตัวเอง
ไม่ต้องการให้มาชมด้วย แต่มีความสุขละเอียดๆ อยู่ภายใน เป็นคุณของศาสนาค่ะ
ทุกวันนี้ปัญหาที่บ้าน ต้องมาผ่านหูเราทั้งหมด ไม่ว่าใครจะทะเลาะกันแบบไหน จากเด็กที่โดนว่าทุกวัน
จะกลายเป็นที่ปรึกษาให้ทุกคนในบ้านได้ก็แปลกอยู่นะคะ
ขอให้น้องเชื่อพี่ ตั้งใจพิสูจน์คุณค่าในตัวเองเสีย ละความน้อยเนื้อต่ำใจไป มีในใจมากๆ จะประสบความสำเร็จในชีวิตยาก
อย่างน้อย ละไม่ได้ทั้งหมดก้ทำเป็นลืมๆไปบ้าง ใช้เวลาส่วนใหญ่ไป เรียนหนักหรือทำงานหนัก ท่องตำราอ่านหนังสือมากๆค่ะ
"ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้บ่น ให้ทนเอา" อดทนพิสูจน์คุณค่าของตัวเองนะคะ พี่จะเป็นกำลังใจให้
คนเราทุกคน เกิดมา ก็ทุกข์เสียแล้ว แล้วแต่ว่าทุกข์มากหรือน้อย แต่อย่างไรเสียก็ต้องทุกข์ทุกคน
ประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ไม่พอใจกันทุกคน
เกลียดแม่ ไม่แปลกค่ะ แต่คงจะมีคำถามในใจมากมาย
เช่น เราเกิดมาทำไม ทำไมเราต้องมาเกิดกับแม่คนนี้ ทำไมเราไม่มีแม่ใจดีเหมือนคนอื่น
เรื่องโดนเปรียบเทียบ ก็ทำให้น้อยเนื้อต่ำใจ
แม่ว่า แม่ด่า ก็น้อยเนื้อต่ำใจ
โดนว่าตั้งแต่เด็กยันโต สะสมมานานมาก จนกลายเป็นความเกลียด
หากจะบอกว่า กฏแห่งกรรมมีจริง ไม่ทราบว่าน้องจะเชื่อมั้ย คนเราที่ได้แม่อุปนิสัยต่างกันมันมีเหตุ
ถ้าเราเคยเหลวไหล ดูแลลูกไม่ดี บ่นว่า ลำเอียง เปรียบเทียบมาก่อนล่ะ ตอนทำเราไม่รู้ตัว
แต่พอ เรามาเกิดเป็นลูก กรรมก็จัดให้เข้าท้อง คนนี้เสีย จะได้ชดใช้กรรมไป
อายุ 17 ปี มีสิ่งที่อยากให้มองค่ะ เช่น เรียนจบแล้วจะทำงานอะไร ทำอะไรจะรวย ได้เงิน ยอมเหนื่อยแต่ได้เงินเก็บไวๆ
ทำไมถึงแนะนำแบบนี้ เพราะว่า ที่บ้านน้องร้อน แยกออกมาอยู่คนเดียว มาเรียนรู้โลกข้างนอกดีกว่า มันก็โหดร้ายไม่แพ้กัน
แต่ว่า มันจะทำให้เราเข้าใจโลก มากขึ้น เข้มแข็งเป็นที่พึ่งตัวเองได้มากขึ้น
ขอให้อดทน จนเรียนมหาลัยและทำงานจบ ตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน หาความมั่นคง ให้ตัวเอง ต่อไป
คนพูดเขาก็สักแต่พูดไม่ได้จำหรอกค่ะ แต่ถ้า 5 ปีข้างหน้าประสบความสำเร็จ ก็จะมีแต่คนชม
จะไม่มีใครกล้ามาเปรียบเทียบให้เราน้อยเนื้อต่ำใจอีก ธรรมดาโลกเป็นแบบนั้นเองค่ะ
"ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้บ่น ให้ทนเอา" คนที่ทนทุกข์และผ่านมันไปได้ จะนับว่า มีใจที่แกร่งเหมือนเพชรเลยนะคะ
ทางมาของแต่ละคน มีไม่เท่ากัน แต่เรามีสองมือเหมือนเขา เราสร้างชีวิตและคุณค่าในตัวเองในแบบของเราได้
แม่ ไม่เห็นไม่เป็นไรค่ะ พี่เชื่อว่าน้องก็พร้อมพิสูจน์ว่าตัวเองมีคุณค่าอยู่ในใจอยู่แล้ว ไม่งั้นก็คงไม่สับสนและน้อยใจแม่
แม่อาจจะไม่ได้ทำหน้าที่แม่ แต่เราเป็นลูก ไม่มีใครเห็น เราก็ต้องทำหน้าที่ลูกนะคะ
เช่น กวาดบ้าน ทำความสะอาด ล้างจาน ทำให้เรียบร้อย งานของเรราหน้าที่เราก็ทำให้เรียบร้อย
ถึงเวลาแม่จะว่า ก็ว่าไม่ได้นะคะ เราก็มีต้องพักผ่อน อ่านหนังสือ อะไรของเราบ้าง
เมื่อก่อน เราเองก็เกลียดแม่ไม่น้อยค่ะ ต่อมาเราปฏิบัติธรรม เราทราบว่า เป้นกรรมของเราเองที่ได้กระทำมา
จึงต้องโดนกระทำแบบนี้ ไม่ว่าแม่จะร้าย จะว่ายังไง เราก็นิ่งค่ะ ไม่เอาเป็นอารมณ์ สติเราฝึกดีแล้วทุกข์จะมาให้เห็นยังไง
ต่อหน้าต่อตาก็ไม่ทุกข์ ต่อมาเราก็ให้อภัยแม่ จนกลายเป็นอุเบกขาเสียค่ะ ใจเบา และสบายอย่างมาก
เรื่องในครอบครัว ทำยากจริงๆนะคะ เวลากระทบกระทั่งกัน แต่เราเอาจริงเอาจังเรืองการปฏิบัติภาวนามาก
ความทุกข์เราจึงหดสั้นลง เห็นผลชัดในเวลา 2-3 ปีแรก หลังจาก3 ปีก็เรียกได้ว่า สบายใจ สบายกายมากค่ะ
จากเด็กที่ถูกเปรียบเทียบ โดนดุด่า กลายเป็นคนเห็นคุณค่าในตัวเอง ในความดีของตัวเอง
ไม่ต้องการให้มาชมด้วย แต่มีความสุขละเอียดๆ อยู่ภายใน เป็นคุณของศาสนาค่ะ
ทุกวันนี้ปัญหาที่บ้าน ต้องมาผ่านหูเราทั้งหมด ไม่ว่าใครจะทะเลาะกันแบบไหน จากเด็กที่โดนว่าทุกวัน
จะกลายเป็นที่ปรึกษาให้ทุกคนในบ้านได้ก็แปลกอยู่นะคะ
ขอให้น้องเชื่อพี่ ตั้งใจพิสูจน์คุณค่าในตัวเองเสีย ละความน้อยเนื้อต่ำใจไป มีในใจมากๆ จะประสบความสำเร็จในชีวิตยาก
อย่างน้อย ละไม่ได้ทั้งหมดก้ทำเป็นลืมๆไปบ้าง ใช้เวลาส่วนใหญ่ไป เรียนหนักหรือทำงานหนัก ท่องตำราอ่านหนังสือมากๆค่ะ
"ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้บ่น ให้ทนเอา" อดทนพิสูจน์คุณค่าของตัวเองนะคะ พี่จะเป็นกำลังใจให้
แสดงความคิดเห็น
เกลียดแม่มาก
ผมอายุ 17 ผมเกลียดแม่ผมมาก ผมไม่รู้ว่าผมจะทำไงดี แม่ของผมเขาไม่เหมือนกับแม่ของคนอื่นๆ เขาเล่นไพ่ เขาดืมเบียร์ เขาเป็นคนปากเสีย เขาพูดไม่สุถาพ เขาชอบด่าผม คือด่าแบบหยาบๆอ่ะคับ ขึ้นกูอยู่ตลอด จนผมก็กลับมาคิดในใจว่านี้ คนเป็นแม่เขาทำกันแบบนี้หรอ ขึ้นกูกับลูกหรอถ้าผมทำอะไรผิดนิดก็ด่า ตอนนั้นผมกลับมาโรงเรียนเหนื่อยมาก ข้าใจม่ะว่าคือมันหน่อยมากอ่ะคับ คนที่ไปโรงเรียนแล้วกลับบ้านมาเหนื่อยจะรู้ดีครับ พอผมกลับมาบ้านเท่านั้นแหละ แม่ผมก็บอกไปล้างจาน ผมก็เลยบอกว่า "เหนื่อยอยู่เดี๋ยวก่อน แค่นั้นแหละ แม่ก็ด่าผม "ดูลูกคนนั้นดิมันกลับบ้านมาไม่ต้องมีใครได้บอก มันยังล้างจาน" ชอบเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนนั้นคนนี้ คือคนเรามันก้ไม่เหมือนกันป่ะ ถ้าพูดดีๆผมก็จะทำอยู่น่ะ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แม่ของผมไปเล่นไพ่บ่อยมาก แต่ตอนนี้ก็บ่อยอยู่แต่ไม่เหมือนตอนนั้น ผมโกรธมาก ผมบอกแม่ให้หยุดเล่น แม่พูดกับผมว่า "ไม่ เป็นพ่อกูหรอ มาสั่งกูได้ยังไง พรุ่งนี้ถ้าไปโรงเรียน ไปเอาตังใครก็ไป แต่อย่ามาเอาตังกู แม้แต่สลึงเดียวกูก็ไม่ให้" ตอนนั้นผมแค่ถามว่า "แม่กินข้าวกับอะไร" แม่ตอบผมว่า"ไปดูเอง กินข้าวก็ให้ได้เรียก อยากกินไรทำไมไม่ไปซื้อ มาช้าคนอื่นเขากินไปหมดแล้ว" ผมอยากจะตอบแม่ว่า ก็ถ้ากูมีตังกูคงไมถามหรอก แต่ผมไม่กล้าพูดกูกับแม่ผมหรอก จนมาวันหนึ่ง ผมทะเลาะกับแม่ แล้วผมก็ได้พูดประโยคหนึ่งไปว่า "กูไม่เข้าหรอก"เป็นครั้งแรกที่ผมพูดกูกับแม่ บางครั้งคนเรามันก็มีขีดจำกัดชองตัวเอง อยู่ที่ว่าใครจะมีมากมีน้อยก็เท่านั้นแหละ ส่วนตัวผมผมคิดว่าผมมีมากแต่ตอนนี้มันยังงัยไม่รู่ มันบอกไม่ถูกครับ ผมเกลียดครอบครัวผมด้วย เพราะมันมีแต่ความลำเอียงทั่วบ้าน จนหาความสุขไม่เจอ
นี้เป็นคำพูดที่แม่ผมพูดกับผม เป็นประจำ จนบางที่ผมก็คิดว่าถ้าผมตายมันจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องทุกอย่างมันอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้
ถ้าผมเลือกเกิดได้ผมจะไม่ขอเกิดเป็นลูกแม่คนนี้ แม่ที่เอาแต่ด่าผม แม่ที่เห็นแก่ตัว แม่ที่ไม่เคยฟังอะไรผมเลย ผมขอเป็นเด็กกำพร้ายังจะดีกว่าเป็นลูกแม่
#ปล. อาจมีบางคนทีคิดว่าผมเป็นลูกเนรคุณที่ตั้งกระทู้ด่าแม่ตัวเอง แล้วถ้าแม่ของคุณเป็นเหมือนแม่ของผม คุณก็จะรู้ว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้