จากมติชนออนไลน์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 6 มีนาคม นาวาอากาศตรี ศุภราช แก้วมะไฟ หัวหน้าชุดทำลายวัตถุระเบิดกองบิน 7 สุราษฏร์ธานี พร้อมด้วย นาวาโทสุรชัย บุตรเสถียร หัวหน้าแผนกถอดทำลายอมภัณฑ์ กรมสรรพาวุธทหารเรือ พ.ท.เจษฎา ปิยะสุวรรณ ฝ่ายยุทธการ จทบ.ชุมพร ผู้ประสานงานกองทัพภาค 4 นายชุมพล สุกใส นายอำเภอหลังสวน นายนิวัฒน์ โอบอ้อม ปลัด อ.หลังสวน และ พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.หลังสวน เดินทางไปริมแม่น้ำหลังสวน ใกล้กับจุดที่พบระเบิดที่คาดว่าคงเป็นระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งจมอยู่ในแม่น้ำหลังสวน และมีชาวบ้านดำน้ำลงไปจับปลาแล้วพบโดยบังเอิญเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ก่อนแจ้งให้ นายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รับทราบ และ นายวงศศิริได้ประสานนักประดาน้ำมหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร ลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ พบว่าเป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่มีสภาพสมบูรณ์ จึงประสานหน่วยเก็บกู้ระเบิดจาก 3 เหล่าทัพ ให้เดินทางมาตรวจและเก็บกู้ระเบิด เพราะเกรงว่าอาจเกิดระเบิดขึ้นเหมือนที่ จ.สมุทรปราการ โดยเจ้าหน้าที่ต้องกันชาวบ้านออกห่างจุดที่พบระเบิดประมาณ 300 เมตร ก่อนเร่งเก็บกู้ระเบิดดังกล่าวขึ้นจากน้ำ
นาวาอากาศตรี ศุภราช เปิดเผยว่า ระเบิดที่พบมีน้ำหนักประมาณ 400 กิโลกรัม และยังมีดินระเบิดภายใน จึงต้องวางแผนอย่างรัดกุม คาดว่าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเก็บกู้ และต้องใช้อุปกรณ์ที่มีความพร้อม แต่คงต้องขอให้อำเภอหลังสวนจัดรถเครนมาดำเนินการยกระเบิดขึ้นมาจากน้ำก่อน
ต่อมา นายเลิศพร พงษ์พิพัฒน์ นักธุรกิจผู้หนึ่งใน จ.ชุมพร ได้นำรถเครนขนาด 30 ตัน มาร่วมเก็บกู้ระเบิด โดยทหารได้ดำน้ำนำตาข่ายเชือกลงไปห่อหุ้มระเบิดเอาไว้ จากนั้นจึงใช้สายเคเบิลยกระเบิดขึ้นจากน้ำไปวางครึ่งกระบะรถบรรทุกทหาร (รถยีเอ็มซี) ที่ใส่ทรายไว้ประมาณครึ่งกระบะ ก่อนขอให้รถสายตรวจสารวัตรทหาร (สห.) นำไปยังค่ายทหารที่ จ.ระนอง เพื่อทำลายทิ้งต่อไป
“ระเบิดที่พบเป็นระเบิดแบบเจาะเกราะจากอากาศสู่พื้นดิน มีความยาว 120 เซนติเมตร รัศมี 40 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 1600 ปอนด์ มีอานุภาพทำลายล้างในรัศมี 2 กิโลเมตร และยังสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา ถ้าผู้ใดพบระเบิดที่มีลักษณะนี้ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ราชการทันที อย่าเข้าไปแตะต้องเด็ดขาด” นาวาอากาศตรี ศุภราช กล่าว
โอ้โห! ใช้3เหล่าทัพ กู้ระเบิดสงครามโลกหนัก1.6พันปอนด์ รัศมีทำลายล้าง2กม.
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 6 มีนาคม นาวาอากาศตรี ศุภราช แก้วมะไฟ หัวหน้าชุดทำลายวัตถุระเบิดกองบิน 7 สุราษฏร์ธานี พร้อมด้วย นาวาโทสุรชัย บุตรเสถียร หัวหน้าแผนกถอดทำลายอมภัณฑ์ กรมสรรพาวุธทหารเรือ พ.ท.เจษฎา ปิยะสุวรรณ ฝ่ายยุทธการ จทบ.ชุมพร ผู้ประสานงานกองทัพภาค 4 นายชุมพล สุกใส นายอำเภอหลังสวน นายนิวัฒน์ โอบอ้อม ปลัด อ.หลังสวน และ พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.หลังสวน เดินทางไปริมแม่น้ำหลังสวน ใกล้กับจุดที่พบระเบิดที่คาดว่าคงเป็นระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งจมอยู่ในแม่น้ำหลังสวน และมีชาวบ้านดำน้ำลงไปจับปลาแล้วพบโดยบังเอิญเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ก่อนแจ้งให้ นายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รับทราบ และ นายวงศศิริได้ประสานนักประดาน้ำมหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร ลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ พบว่าเป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่มีสภาพสมบูรณ์ จึงประสานหน่วยเก็บกู้ระเบิดจาก 3 เหล่าทัพ ให้เดินทางมาตรวจและเก็บกู้ระเบิด เพราะเกรงว่าอาจเกิดระเบิดขึ้นเหมือนที่ จ.สมุทรปราการ โดยเจ้าหน้าที่ต้องกันชาวบ้านออกห่างจุดที่พบระเบิดประมาณ 300 เมตร ก่อนเร่งเก็บกู้ระเบิดดังกล่าวขึ้นจากน้ำ
นาวาอากาศตรี ศุภราช เปิดเผยว่า ระเบิดที่พบมีน้ำหนักประมาณ 400 กิโลกรัม และยังมีดินระเบิดภายใน จึงต้องวางแผนอย่างรัดกุม คาดว่าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเก็บกู้ และต้องใช้อุปกรณ์ที่มีความพร้อม แต่คงต้องขอให้อำเภอหลังสวนจัดรถเครนมาดำเนินการยกระเบิดขึ้นมาจากน้ำก่อน
ต่อมา นายเลิศพร พงษ์พิพัฒน์ นักธุรกิจผู้หนึ่งใน จ.ชุมพร ได้นำรถเครนขนาด 30 ตัน มาร่วมเก็บกู้ระเบิด โดยทหารได้ดำน้ำนำตาข่ายเชือกลงไปห่อหุ้มระเบิดเอาไว้ จากนั้นจึงใช้สายเคเบิลยกระเบิดขึ้นจากน้ำไปวางครึ่งกระบะรถบรรทุกทหาร (รถยีเอ็มซี) ที่ใส่ทรายไว้ประมาณครึ่งกระบะ ก่อนขอให้รถสายตรวจสารวัตรทหาร (สห.) นำไปยังค่ายทหารที่ จ.ระนอง เพื่อทำลายทิ้งต่อไป
“ระเบิดที่พบเป็นระเบิดแบบเจาะเกราะจากอากาศสู่พื้นดิน มีความยาว 120 เซนติเมตร รัศมี 40 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 1600 ปอนด์ มีอานุภาพทำลายล้างในรัศมี 2 กิโลเมตร และยังสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา ถ้าผู้ใดพบระเบิดที่มีลักษณะนี้ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ราชการทันที อย่าเข้าไปแตะต้องเด็ดขาด” นาวาอากาศตรี ศุภราช กล่าว