ภัยร้ายใกล้ตัว มันมาถึงแล้ว


  รอยเตอร์/เอเจนซี – ทางการมาเลเซียได้ระบุตัวชาวมาเลเซีย 2 คนในคลิปวีดีโอการตัดศีรษะของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่เชื่อว่ามีการถ่ายทำขึ้นในซีเรีย
      
มอห์ด ฟาริส อันวา และ มูฮาหมัด วอนน์ดี มูฮัมหมัด เจดี วัย 20 และ 25 ปีตามลำดับ ถูกชี้ตัวว่าเป็นชายที่อยู่ในคลิปวีดีโอการตัดศีรษะชายชาวซีเรียรายหนึ่ง ซึ่งถูกโพสต์ไว้บนเฟสบุ๊คเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ อายุบ ข่าน มายดิน รองหัวหน้ากรมตำรวจต่อต้านก่อการร้ายของแดนเสือเหลือง ระบุ
      
       อายุบ ข่าน กล่าวว่า วอนน์ดี กับ นอร์ อาห์หมัด ภรรยาของเขาเดินทางไปยังซีเรียเมื่อวันที่ 6 มกราคม ขณะที่ ฟาริส ไปตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
      
       ในคลิปวีดีโอความยาว 30 วินาทีคลิปนี้ ซึ่งเชื่อว่าถ่ายทำกันในซีเรีย เผยให้เห็น ฟาริส กำลังชูนิ้วชี้ขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ส่วนผู้ที่ทำการบันทึกวีดีโอนั้น ทางการเชื่อว่าเป็น มูฮัมหมัด วอนน์ดี สำนักข่าว เดอะ สตาร์ ของมาเลเซียเผย
      
       คลิปวีดีโอคลิปนี้แสดงให้เห็นฉากการตัดศีรษะชายชาวซีเรีย ที่กลุ่มไอเอสกล่าวหาว่าเป็นสายลับให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย

        นักรบญิฮาดที่ถูกระบุว่าเป็นชาวอาหรับเป็นผู้ลงมือตัดศีรษะในคลิปนี้ จากนั้นนักรบอีกคนหนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นชาวอินโดนีเซียก็หยิบศีรษะของเหยื่อชูขึ้นพร้อมกับตะโกนว่า "อัลเลาะห์ อัคบาร์" (พระอัลเลาะห์เจ้าทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด)
      
       มาเลเซียคาดว่าจะเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายต่อต้านก่อการร้าย ซึ่งใช้ในการควบคุมการเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธ ทันทีที่มีการเปิดประชุมรัฐสภาในเดือนนี้
      
       เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย กล่าวว่า จำเป็นต้องมีกฎหมายที่เข้มงวดยิ่งกว่านี้เพื่อควบคุมพวกกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งยุทโธปกรณ์และทรัพยากรที่จะวางแผนโจมตีแบบ “หมาป่าเดียวดาย” (lone wolf) , จัดตั้งกลุ่มย่อยของไอเอส และสร้างเครือข่ายติดต่อกับกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ในภูมิภาคนี้
      
       ทางการแดนเสือเหลืองจับกุมพลเมืองที่ต้องสงสัยเป็นกลุ่มติดอาวุธแล้ว 40 คน และระบุตัวชาวมาเลเซียในซีเรียและอิรักได้แล้ว 39 คน
      
       ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธในมาเลเซียใช้เฟสบุ๊คและเว็บสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ เพื่อเป็นเครื่องมือล่อลวงนักรบหน้าใหม่ และดึงดูดความสนใจของผู้ติดตามหลายพันคนในอินเตอร์เน็ต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่