สะบายดีชาวพันทิปทุกๆคน อ่านหัวข้อพันทิปไม่ผิดหรอกค่ะ หลวงพระบางที่เราไปมานี่ฟรีจริง เพราะเราไปทำงานวิจัยที่นั้น
ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้เที่ยวเด้อค่ะ เพราะไปทำแบบสอบถามเกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านอาหาร เก็บตัวอย่างดิน ตากแดดหน้าดำทุกวัน
ไหงทีนี่งานเสร็จไวกว่าเดิม ตั้ง 3 วัน เลยเอา 3 วันที่เหลือนี่แหละมาเที่ยว เที่ยว เที่ยว!!! ซะเลย
นี่เลยเป็นที่มาของกระทู้แรกตั้งแต่มี ID พันทิป คือเราได้มีโอกาสไปทำงานที่ สปป.ลาว 2 เดือนด้วยกัน
ไปทั้งหมดก็ 13 แขวง(หรือจังหวัด) จากทั้งหมด 17 แขวงใน สปป.ลาว ซึ่งถ้ามีโอกาสจะมาจัดรีวิวในแขวงอื่นๆด้วยนะคะ
มาเริ่มกันเลย....
ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องราวการไปทำงานที่ลาวเหนือครั้งนี้ของเราแบบคร่าวๆนะคะ คือครั้งนี้ไปทั้งหมด 3 แขวง (หลวงน้ำทา ,อุดมไซ และไซยะบุรี)
เก็บตัวอย่างดิน เมล็ดข้าว แล้วก็แบบสอบถาม คือเราพูดภาษาอิสานได้ และอ่านภาษาลาวได้นิดหน่อย เลยไม่ค่อยมีอุปสรรคในการใช้ชีวิตที่นี่เลย และคนที่นี่เป็นกันเองมาก เรียกแทนตัวเองว่า "ลูก หลาน น้อง หรืออะไรแบบนี้ได้เลย" ไว้ว่างๆจะมาแชร์ด้านอื่นๆให้ฟัง
แต่ตอนนี้ขอเรื่องเที่ยวก็เด้อค่ะ
พูดมาซะยาว เหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับหลวงพระบางเลยเนาะ
แต่ก็สามวันที่เหลือนั่นแหละคะ เราได้ไปตกหลุมรัก "หลวงพระบาง"
ตอนแรก...เราเดินทางมาถึงด้วยสายการ Bangkok Airways เที่ยวบิน PG495
จองล่วงหน้าอย่างยาวนาน เที่ยวบินไปกลับก็ประมาณ 8000 บาทไทย ใช้เวลาในการบินประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
ครั้งแรกที่ไปถึงรีบเข้าที่พัก ชื่อที่พักเราชื่อ บุนทันเกตส์เฮาส์ ราคาก็คืนละ 80,000 กีบ (320 บาท) ทั้งเตียงคู่แล้วก็เตียงเดี่ยว ที่พักนี่ห่างจากตลาดมืดประมาณ 2 กิโลกว่าเลยถูกหน่อย พี่เจ้าหน้าที่ที่ลาวจองไว้ให้
ถ้าอยากได้แถวตลาดมืดหรือย่านท่องเที่ยวก็จะราคาประมาณ 200,000 กีบ(หรือ 800 บาทไทย) คือวันแรกก็ดีดมาก เดินไปตลาดมืดค่ะ
ไปชมภาพกันเลย
ที่นี่เรียก "ตลาดมืด" ค่ะ ตามความเข้าใจของเจ้าของกระทูตอนแรกคือ น่าจะคล้ายๆ คลองหลอดบ้านเรา แต่ไม่เลย
ตลาดมืดนี่ไฟสว่างมาก
คือมีของขายเยอะมาก แต่เราหิวมาก ของกินก่อนนะคะ พุ่งตรงเข้าไปในตรอกเล็กๆ ที่เหมือนจะขายอาหาร และมันก็มีเยอะซะด้วย
เป็นร้านบุฟเฟต์ค่ะ เลือกได้มีหลายร้าน ตักไม่อั้นน !! แต่ได้แค่คนละครั้งเดียว จานเดียว สนนราคาอยู่ที่ 15,000 กีบ (ุ60 บาทไทย)
กับข้าวก็รสชาติไม่จัดมาก เน้นผัก ผลไม้ แป้ง จะแลหาเนื้อสัตว์นั้นก็มิเจอ
เจอแต่ต่างชาติทั้งนั้น ทุกชาติ ทุกภาษา นั่งกินรวมกันค่ะ (เพราะที่มันแคบ
)
พอกินเสร็จ ก็ได้เวลา เดินตลาดมืดคะ
ของที่ขายก็มีหลายร้าน ราคาก็ไม่ค่อยแพงมากค่ะ (ขอแอบกระซิบว่าแพงกว่าที่อื่นนะ เพราะขายให้นักท่องเที่ยว)
เขียนมาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะถึงตลาดมืดเองรายละเอียดคร่าวๆก็ คือที่นี่เปิดตั้งแต่ 5 โมงเย็น ปิดก็ราวๆ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน แต่ตอนกลางวันถนนเส้นนี้รถวิ่งผ่านได้ปกติ
_____________________________________________________________________________________________
เช้าของอีกวันคะ ที่นี่มีมนเสน่ห์อย่างนึงคือการ ตักบาตรข้าวเหนียว แถวๆตลาดเช้า แถววัดใหม่ หรือถนนตลาดมืด
ก็จะมีพระสงฆ์ออกมาเดินบินฑบาตรในตอนเช้า คือประมาณ 6 โมงเช้า (เราก็มารอประมาณ 5:40 น. ก็ทันคะ)
รูปนี้แอบขโมยมาจากกล้องพี่ปาม พี่ชายผู้ร่วมทริปอีกที ถ้าเปิดมาเจอกระทู้นี้ ถือว่าน้องขอยืมละกันเนอะ
ถ่ายตอนพระมาไม่ทันจริงๆ รีบไปใส่บาตร
ส่วนข้าวที่เรานำมาใส่บาตรก็จะมีร้านมาตั้งขายแถวนั้นเลย (แอบคิดว่ามีพุทธพาณิชย์เล็กๆเกิดขึ้น)
สังเกตจะเห็นเด็กน้อยชาวลาวหอบหิวตระกร้าใบใหญ่ พอใส่เสร็จเราก็เอาเอากระติ๊บข้าวเหนียวไปคืน
ลืมบอกราคากระติ๊บละ 10,000 กีบ(40 บาท) จะทัพพีมาให้ ส่วนเจ้าของกระทู้ลูกอิสานแท้ๆค่ะ ใช้มือจกใส่เลย แบบชาวบ้านๆ
ผลคือร้อนมือมากนะสิคะ จกข้าวแทบไม่ทัน เพราะพระท่านเดินไวมาก
หลังจากทำบุญเสร็จ สบายใจ มาเดินเล่นที่สะพานเหล็ก
ก้มลงถ่ายรูปแล้ว ผลปรากฏว่ามีเสียงอะไรไม่รู้ ตกสะพานไป
มันคือ "ทัพพี !!! ลืมคืน ติดมาด้วย 2 อันเลยทีนี้ ได้บุญรัวๆ "
หล่นน้ำไปแล้วด้วยคะ นี่ยังรู้สึกผิดไม่หายเลยคะ
ขอเปิดกระทู้ไว้แค่นี้ก่อนนะคะ จะเอาฟิล์มไปล้าง เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ
......จะพาไปเช่าจักรยานปั่นรอบหลวงพระบางกัน
เราไปล้างฟิล์มที่ถ่ายจากหลวงพระบางมา แอบลุ้นเล็กๆ เพราะเป็นการถ่ายฟิล์มครั้งแรกและได้รูปด้วย ถ้าอยากชมไปตามลายแทงนี้ได้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/bh.saranya/media_set?set=a.10154036646437619.1073741905.708202618&type=1&pnref=story
________________________________________________________________________________________________
...มาต่อกันเลยนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามคะ คือทำไมถึงแนะนำให้เช่าจักรยาน หรือเดินเที่ยว เพราะในตัวเมืองหลวงพระบางเป็นเมืองเล็กๆค่ะ เดินเที่ยว ถ่ายรูป 2 วันก็น่าจะเพียงพอต่อการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ถ้าใครปั่นจักรยานเป็น หรือมีคนปั่นให้ซ้อน ค่าเช่าจักรยานก็อยู่ที่ 20,000 กีบเท่านั้น (80บาท) เป็นจักรยานแม่บ้าน หรือจักรยานญี่ปุ่น ส่วนเสือภูเขา จะอยู่ที่วันละ 200 บาท ที่เช่าจักรยานนั้นหาได้ตามเลียบแม่น้ำโขง หรือโรงแรมที่พัก หรือตามบริษัททัวร์ทั่วไป ราคาก็เท่าๆกันหมดค่ะ ทางร้านจะเอาพาสปอร์ตเราไว้ ซึ่งเราควรจะจำที่เช่าให้ได้ว่าร้านไหน ซอยไหน และระหว่างนี้ห้ามเป็นอะไรเลยก็ว่าได้ เพราะถึงอย่างไรเราเป็นคนต่างประเทศ ถึงจะพูดภาษาที่เข้าใจกันได้ แต่มีพาสปอร์ตไว้ก็ย่อมดีกว่าค่ะ ที่สำคัญอย่าทำหายนะคะ ขอที่ล็อกจักรยานมาด้วย ไม่เช่นนั้นจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับทางร้าน
ว่าแล้วก็ปั่นจักรยานเล่นกันเถอะ เริ่มกันที่แม่น้ำคาน !
เป็นสะพานไม้ไผ่ ซึ่งมีอยู่ 2 สะพาน แต่เจ้าของกระทู้ไปแค่สะพานที่ใกล้กับวัดพูสี สะพานนี้เสียค่าเข้า 5,000 กีบ (20 บาท) เป็นสถานที่ๆเจ้าของกระทู้ชอบมากคะ มาแวะทุกเช้าทุกเย็นเลย เคยแอบมาตั้งแต่เช้าๆ กะเวลาว่าให้คนขายตั๋วยังไม่มา แต่ไม่เคยทันเลยคะ เปิดโต๊ะ ปูเสื่อไว้ก่อนตลอด คือไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่เสียค่าเข้านะคะ เพราะเขาเก็บค่าเข้าเป็นช่วงเวลา ถ้ามาประมาณ 2-3 ทุ่มนี่ป้าแกก็กลับบ้านแล้ว สามารถเดินผ่านไปได้แบบฟรีๆ
จะมาข้ามคาน หรือมาขึ้นคานแบบเจ้าของกระทู้ก็ได้นะคะ เพราะจูงมือกันมาเป็นคู่ๆเลย
ผู้หญิงต่างชาติ มาเที่ยวที่หลวงพระบางเยอะนะคะ ทั้งฝรั่ง จีน เกาหลี อย่างสาวบอร์ดคนนี้เป็นต้น ใครที่คิดอยากมาเที่ยวหลวงพระบางคนเดียว เราว่ามาได้สบายเลย เพราะเมืองนี้ค่อนข้างปลอดภัย เรื่องโจร ขโมย ไม่ค่อยมีเลยคะ คนลาวก็อัธยาศัยดี
ถึงประเทศลาวจะไม่มีทะเล แต่ก็มีชายหาดนะคะ เป็นหาดของแม่น้ำคานนี่เอง ตอนเย็นๆก็จะมีเด็กมาเดินเล่น ขึงเนตไม้ไผ่ตีบอลเลย์บอล มาเตะบอล ที่นี่เรียกเตะบอล ว่า” เตะหมากบาน” อาจเพราะสะกดจากภาษาอังกฤษ a เป็นสระอา เลยเรียก บาล(บาน) นี่เดาล้วนๆ
แม่น้ำคานนี่จะอยู่แถวๆวัดพูสี ซึ่งวัดพูสีนี่เป็นวัดที่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในหลวงพระบาง เห็นวิวแบบ 360 องศากันเลยทีเดียวคะ ส่วนค่าเข้าชมก็คนละ 20,000 กีบคะ ซึ่งเจ้าของกระทู้เดินขึ้นไปถึงแค่รอยพระบาท ไม่ได้ขึ้นไปถึงตัวพระธาตุพูสี
จากนั้นก็จะปั่นจักรยานไหว้พระกัน เนื่องจากวัดที่หลวงพระบางมีจำนวนมาก ขอยกมาเป็นตัวอย่างส่วนนึงนะคะ วัดที่เป็นไฮไลต์ของที่หลวงพระบางก็จะเป็น วัดเชียงทอง
ค่าเข้าชมวัดเชียงทองสำหรับคนต่างประเทศก็เท่ากับวัดพูสี คือ 20,000 กีบ (80 บาท) แต่ไม่ใช่ว่าทุกวัดในหลวงพระบางจะเก็บค่าเข้าชมนะคะ ถ้าเป็นวัดทั่วๆไปเลยส่วนมากก็จะไม่เสียค่าเข้า
.....อีกหนึ่งวัดที่อยู่ถนนวิซุนนะราช คือวัดวิซุนนะราชตามชื่อถนนเลย เป็นวัดที่มีศิลปะไทลื้อ จะไม่เน้นลายรดน้ำปิดทองเหมือนวัดทั่วไป) และจะมีเจดีย์ทรงหมากโม (แตงโม) ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่
เดินมาข้างๆกันก็จะเป็นวัดอาฮาม ใครที่ชอบไหว้พระ หรือถ่ายรูปวัดวาอาราม สถาปัตกรรม นี่คงหลงรักหลวงพระบางได้ไม่ยากคะ
ส่วนนี่เป็นหอพระบาง อยู่ที่ถนนสีสะหว่างวง เก็บค่าเข้าชมสำหรับคนต่างชาติ 30,000 กีบ (120 บาท)
______________________________________________________________________________
...มาต่อกันที่ บรรยากาศหลวงพระบางรอบๆเมืองกันเถอะ จะไม่ขออธิบายอะไรมาก ปล่อยให้รูปภาพบอกเรื่องราวไป ระหว่างนี้เราก็ปั่นจักรยานไปด้วย หอบกล้องไปสองตัว ด้วยความที่ว่ามาหัดใช้กล้องฟิล์มครั้งแรกที่นี่ ก็ต้องเอาดิจิตอลมาด้วย เพราะฝีมือยังไม่ชัวร์เลย เคยล้างรูปม้วนฟิล์มมาแค่ม้วนเดียว แต่ปรากฎว่า ใส่ฟิล์มไม่ถูก ต้องทิ้งทั้งม้วน ครั้งนี้ก็เลยลุ้นมากว่าอยากได้รูปจากฟิล์ม ^^
[CR] กิน เที่ยว เฮ็ดเวียก ใช้ชีวิตช้าๆ ที่ "หลวงพระบาง" แบบฟรีๆ
ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้เที่ยวเด้อค่ะ เพราะไปทำแบบสอบถามเกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านอาหาร เก็บตัวอย่างดิน ตากแดดหน้าดำทุกวัน
ไหงทีนี่งานเสร็จไวกว่าเดิม ตั้ง 3 วัน เลยเอา 3 วันที่เหลือนี่แหละมาเที่ยว เที่ยว เที่ยว!!! ซะเลย
นี่เลยเป็นที่มาของกระทู้แรกตั้งแต่มี ID พันทิป คือเราได้มีโอกาสไปทำงานที่ สปป.ลาว 2 เดือนด้วยกัน
ไปทั้งหมดก็ 13 แขวง(หรือจังหวัด) จากทั้งหมด 17 แขวงใน สปป.ลาว ซึ่งถ้ามีโอกาสจะมาจัดรีวิวในแขวงอื่นๆด้วยนะคะ
มาเริ่มกันเลย....
ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องราวการไปทำงานที่ลาวเหนือครั้งนี้ของเราแบบคร่าวๆนะคะ คือครั้งนี้ไปทั้งหมด 3 แขวง (หลวงน้ำทา ,อุดมไซ และไซยะบุรี)
เก็บตัวอย่างดิน เมล็ดข้าว แล้วก็แบบสอบถาม คือเราพูดภาษาอิสานได้ และอ่านภาษาลาวได้นิดหน่อย เลยไม่ค่อยมีอุปสรรคในการใช้ชีวิตที่นี่เลย และคนที่นี่เป็นกันเองมาก เรียกแทนตัวเองว่า "ลูก หลาน น้อง หรืออะไรแบบนี้ได้เลย" ไว้ว่างๆจะมาแชร์ด้านอื่นๆให้ฟัง
แต่ตอนนี้ขอเรื่องเที่ยวก็เด้อค่ะ
พูดมาซะยาว เหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับหลวงพระบางเลยเนาะ
แต่ก็สามวันที่เหลือนั่นแหละคะ เราได้ไปตกหลุมรัก "หลวงพระบาง"
ตอนแรก...เราเดินทางมาถึงด้วยสายการ Bangkok Airways เที่ยวบิน PG495
จองล่วงหน้าอย่างยาวนาน เที่ยวบินไปกลับก็ประมาณ 8000 บาทไทย ใช้เวลาในการบินประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
ครั้งแรกที่ไปถึงรีบเข้าที่พัก ชื่อที่พักเราชื่อ บุนทันเกตส์เฮาส์ ราคาก็คืนละ 80,000 กีบ (320 บาท) ทั้งเตียงคู่แล้วก็เตียงเดี่ยว ที่พักนี่ห่างจากตลาดมืดประมาณ 2 กิโลกว่าเลยถูกหน่อย พี่เจ้าหน้าที่ที่ลาวจองไว้ให้
ถ้าอยากได้แถวตลาดมืดหรือย่านท่องเที่ยวก็จะราคาประมาณ 200,000 กีบ(หรือ 800 บาทไทย) คือวันแรกก็ดีดมาก เดินไปตลาดมืดค่ะ
ไปชมภาพกันเลย
คือมีของขายเยอะมาก แต่เราหิวมาก ของกินก่อนนะคะ พุ่งตรงเข้าไปในตรอกเล็กๆ ที่เหมือนจะขายอาหาร และมันก็มีเยอะซะด้วย
เป็นร้านบุฟเฟต์ค่ะ เลือกได้มีหลายร้าน ตักไม่อั้นน !! แต่ได้แค่คนละครั้งเดียว จานเดียว สนนราคาอยู่ที่ 15,000 กีบ (ุ60 บาทไทย)
กับข้าวก็รสชาติไม่จัดมาก เน้นผัก ผลไม้ แป้ง จะแลหาเนื้อสัตว์นั้นก็มิเจอ
เจอแต่ต่างชาติทั้งนั้น ทุกชาติ ทุกภาษา นั่งกินรวมกันค่ะ (เพราะที่มันแคบ)
พอกินเสร็จ ก็ได้เวลา เดินตลาดมืดคะ
ของที่ขายก็มีหลายร้าน ราคาก็ไม่ค่อยแพงมากค่ะ (ขอแอบกระซิบว่าแพงกว่าที่อื่นนะ เพราะขายให้นักท่องเที่ยว)
_____________________________________________________________________________________________
ก็จะมีพระสงฆ์ออกมาเดินบินฑบาตรในตอนเช้า คือประมาณ 6 โมงเช้า (เราก็มารอประมาณ 5:40 น. ก็ทันคะ)
ถ่ายตอนพระมาไม่ทันจริงๆ รีบไปใส่บาตร
ส่วนข้าวที่เรานำมาใส่บาตรก็จะมีร้านมาตั้งขายแถวนั้นเลย (แอบคิดว่ามีพุทธพาณิชย์เล็กๆเกิดขึ้น)
สังเกตจะเห็นเด็กน้อยชาวลาวหอบหิวตระกร้าใบใหญ่ พอใส่เสร็จเราก็เอาเอากระติ๊บข้าวเหนียวไปคืน
ลืมบอกราคากระติ๊บละ 10,000 กีบ(40 บาท) จะทัพพีมาให้ ส่วนเจ้าของกระทู้ลูกอิสานแท้ๆค่ะ ใช้มือจกใส่เลย แบบชาวบ้านๆ
ผลคือร้อนมือมากนะสิคะ จกข้าวแทบไม่ทัน เพราะพระท่านเดินไวมาก
ก้มลงถ่ายรูปแล้ว ผลปรากฏว่ามีเสียงอะไรไม่รู้ ตกสะพานไป
มันคือ "ทัพพี !!! ลืมคืน ติดมาด้วย 2 อันเลยทีนี้ ได้บุญรัวๆ "
หล่นน้ำไปแล้วด้วยคะ นี่ยังรู้สึกผิดไม่หายเลยคะ
ขอเปิดกระทู้ไว้แค่นี้ก่อนนะคะ จะเอาฟิล์มไปล้าง เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ
......จะพาไปเช่าจักรยานปั่นรอบหลวงพระบางกัน
เราไปล้างฟิล์มที่ถ่ายจากหลวงพระบางมา แอบลุ้นเล็กๆ เพราะเป็นการถ่ายฟิล์มครั้งแรกและได้รูปด้วย ถ้าอยากชมไปตามลายแทงนี้ได้เลยค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
________________________________________________________________________________________________
...มาต่อกันเลยนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามคะ คือทำไมถึงแนะนำให้เช่าจักรยาน หรือเดินเที่ยว เพราะในตัวเมืองหลวงพระบางเป็นเมืองเล็กๆค่ะ เดินเที่ยว ถ่ายรูป 2 วันก็น่าจะเพียงพอต่อการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ถ้าใครปั่นจักรยานเป็น หรือมีคนปั่นให้ซ้อน ค่าเช่าจักรยานก็อยู่ที่ 20,000 กีบเท่านั้น (80บาท) เป็นจักรยานแม่บ้าน หรือจักรยานญี่ปุ่น ส่วนเสือภูเขา จะอยู่ที่วันละ 200 บาท ที่เช่าจักรยานนั้นหาได้ตามเลียบแม่น้ำโขง หรือโรงแรมที่พัก หรือตามบริษัททัวร์ทั่วไป ราคาก็เท่าๆกันหมดค่ะ ทางร้านจะเอาพาสปอร์ตเราไว้ ซึ่งเราควรจะจำที่เช่าให้ได้ว่าร้านไหน ซอยไหน และระหว่างนี้ห้ามเป็นอะไรเลยก็ว่าได้ เพราะถึงอย่างไรเราเป็นคนต่างประเทศ ถึงจะพูดภาษาที่เข้าใจกันได้ แต่มีพาสปอร์ตไว้ก็ย่อมดีกว่าค่ะ ที่สำคัญอย่าทำหายนะคะ ขอที่ล็อกจักรยานมาด้วย ไม่เช่นนั้นจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับทางร้าน
ว่าแล้วก็ปั่นจักรยานเล่นกันเถอะ เริ่มกันที่แม่น้ำคาน !
เป็นสะพานไม้ไผ่ ซึ่งมีอยู่ 2 สะพาน แต่เจ้าของกระทู้ไปแค่สะพานที่ใกล้กับวัดพูสี สะพานนี้เสียค่าเข้า 5,000 กีบ (20 บาท) เป็นสถานที่ๆเจ้าของกระทู้ชอบมากคะ มาแวะทุกเช้าทุกเย็นเลย เคยแอบมาตั้งแต่เช้าๆ กะเวลาว่าให้คนขายตั๋วยังไม่มา แต่ไม่เคยทันเลยคะ เปิดโต๊ะ ปูเสื่อไว้ก่อนตลอด คือไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่เสียค่าเข้านะคะ เพราะเขาเก็บค่าเข้าเป็นช่วงเวลา ถ้ามาประมาณ 2-3 ทุ่มนี่ป้าแกก็กลับบ้านแล้ว สามารถเดินผ่านไปได้แบบฟรีๆ
จะมาข้ามคาน หรือมาขึ้นคานแบบเจ้าของกระทู้ก็ได้นะคะ เพราะจูงมือกันมาเป็นคู่ๆเลย
ผู้หญิงต่างชาติ มาเที่ยวที่หลวงพระบางเยอะนะคะ ทั้งฝรั่ง จีน เกาหลี อย่างสาวบอร์ดคนนี้เป็นต้น ใครที่คิดอยากมาเที่ยวหลวงพระบางคนเดียว เราว่ามาได้สบายเลย เพราะเมืองนี้ค่อนข้างปลอดภัย เรื่องโจร ขโมย ไม่ค่อยมีเลยคะ คนลาวก็อัธยาศัยดี
ถึงประเทศลาวจะไม่มีทะเล แต่ก็มีชายหาดนะคะ เป็นหาดของแม่น้ำคานนี่เอง ตอนเย็นๆก็จะมีเด็กมาเดินเล่น ขึงเนตไม้ไผ่ตีบอลเลย์บอล มาเตะบอล ที่นี่เรียกเตะบอล ว่า” เตะหมากบาน” อาจเพราะสะกดจากภาษาอังกฤษ a เป็นสระอา เลยเรียก บาล(บาน) นี่เดาล้วนๆ
แม่น้ำคานนี่จะอยู่แถวๆวัดพูสี ซึ่งวัดพูสีนี่เป็นวัดที่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในหลวงพระบาง เห็นวิวแบบ 360 องศากันเลยทีเดียวคะ ส่วนค่าเข้าชมก็คนละ 20,000 กีบคะ ซึ่งเจ้าของกระทู้เดินขึ้นไปถึงแค่รอยพระบาท ไม่ได้ขึ้นไปถึงตัวพระธาตุพูสี
จากนั้นก็จะปั่นจักรยานไหว้พระกัน เนื่องจากวัดที่หลวงพระบางมีจำนวนมาก ขอยกมาเป็นตัวอย่างส่วนนึงนะคะ วัดที่เป็นไฮไลต์ของที่หลวงพระบางก็จะเป็น วัดเชียงทอง
ค่าเข้าชมวัดเชียงทองสำหรับคนต่างประเทศก็เท่ากับวัดพูสี คือ 20,000 กีบ (80 บาท) แต่ไม่ใช่ว่าทุกวัดในหลวงพระบางจะเก็บค่าเข้าชมนะคะ ถ้าเป็นวัดทั่วๆไปเลยส่วนมากก็จะไม่เสียค่าเข้า
.....อีกหนึ่งวัดที่อยู่ถนนวิซุนนะราช คือวัดวิซุนนะราชตามชื่อถนนเลย เป็นวัดที่มีศิลปะไทลื้อ จะไม่เน้นลายรดน้ำปิดทองเหมือนวัดทั่วไป) และจะมีเจดีย์ทรงหมากโม (แตงโม) ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่
เดินมาข้างๆกันก็จะเป็นวัดอาฮาม ใครที่ชอบไหว้พระ หรือถ่ายรูปวัดวาอาราม สถาปัตกรรม นี่คงหลงรักหลวงพระบางได้ไม่ยากคะ
ส่วนนี่เป็นหอพระบาง อยู่ที่ถนนสีสะหว่างวง เก็บค่าเข้าชมสำหรับคนต่างชาติ 30,000 กีบ (120 บาท)
______________________________________________________________________________
...มาต่อกันที่ บรรยากาศหลวงพระบางรอบๆเมืองกันเถอะ จะไม่ขออธิบายอะไรมาก ปล่อยให้รูปภาพบอกเรื่องราวไป ระหว่างนี้เราก็ปั่นจักรยานไปด้วย หอบกล้องไปสองตัว ด้วยความที่ว่ามาหัดใช้กล้องฟิล์มครั้งแรกที่นี่ ก็ต้องเอาดิจิตอลมาด้วย เพราะฝีมือยังไม่ชัวร์เลย เคยล้างรูปม้วนฟิล์มมาแค่ม้วนเดียว แต่ปรากฎว่า ใส่ฟิล์มไม่ถูก ต้องทิ้งทั้งม้วน ครั้งนี้ก็เลยลุ้นมากว่าอยากได้รูปจากฟิล์ม ^^
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น