"มาหมุนนาฬิกาชีวิตให้ช้าลงที่เมืองหลวงพระบาง"
สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป วันนี้ผมจะมาขอแชร์ประสบการณ์เที่ยวเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง ประเทศลาวและยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ.2538 อีกด้วย
"หลวงพระบาง" เมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น อาคารบ้านเรือนยังคงความเป็นเอกลักษณ์ วัดวาอารามเก่าแก่มากมาย รวมถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้ผู้คนทั่วโลกหลั่งใหลมายังเมืองมรดกโลกแห่งนี้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมหลวงพระบางคือหนึ่งใน "World Destination"
ข้อมูลทั่วไปสำหรับทริปนี้
1 การเดินทาง = สายการบิน Air Asia (ดอนเมือง-หลวงพระบาง)
2 โรงแรม = โรงแรม Victoria Xiengthong Palace
3 สกุลเงิน = เงินกีบลาว, เงินบาทไทยและ US dollas
4 ประกันเดินทาง = ค่ายไหนก็ได้
5 อินเตอร์เน็ต = ซิมเน็ตลาวเทเลคอม ( LTC )
6 การเดินทางในหลวงพระบาง = จักรยาน
7 ส ของใช้จำเป็น = ร่ม, เสื้อกันฝน (หน้าฝน),แผนที่ (ส่วนมากโรงแรมมีแจก)
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับทริปนี้
1 พระธาตุภูสี
2 พระราชวังและหอพระบาง
3 วัดเชียงทอง
4 ตลาดมืดและตลาดเช้า
5 สะพานไม้ข้ามแม่น้ำคาน
6 เฮือนมรดกโลกเชียงม่วน
<--- มาเริ่มกันเลยครับ --->
ผมเดินทางจากกรุงเทพฯ มาลงที่หลวงพระบางด้วยสายการบิน Air Asia ( FD 1030 )ใช้เวลาบินแค่ 1 ชั่วโมง 15 นาที ที่สำคัญบินตรงด้วย ถือว่าสะดวกสบายและเซฟเวลาได้เยอะพอสมควร ส่วนของสนามบินหลวงพระบางก็เป็นสนามบินขนาดเล็ก การผ่านช่อง ตม. จึงรวดเร็วทันใจดีครับ
ครั้งนี้ผมจองห้องพักที่โรงแรม Victoria Xiengthong Palace ( คืนละ2000 บาท ) ซึ่งมีบริการรถรับสั่งจากสนามบินด้วย ถือว่าสบายไป แต่ถ้าใครไม่มีรถมารับ ก็สามารถจ้างรถเข้าเมืองได้ ราคาประมาณ 40,000-50,000 กีบ แล้วแต่จะต่อรองกับคนขับได้
นั่งรถประมาณ 15 นาทีก็มาถึงโรงแรมที่พักแล้วครับ บอกเลยว่าประทับใจโรงแรมนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นความโอบอ้อมอารีของพนักงาน ความสวยงามและบรรยากาศที่ดีของโรงแรม ห้องพักสะอาดสะอ้าน อาหารเช้าที่มีคุณภาพ ยิ่งกว่านั้นยังตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโรงแรมบรรยากาศเงียบสงบครับ
บรรยากาศล๊อบบี้ของโรงแรม
โรงแรม Victoria Xiengthong Palace เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีสระว่ายน้ำด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะบรรยากาศที่สวยงามของโรงแรมพอทดแทนกันได้อยู่ครับ
ภายในห้องพักกว้างขวางและสะอาดสะอ้านดี ของใช้ในห้องน้ำเป็นยี่ห้อ L'Occitan ทั้งหมด แต่ที่ผมประทับใจที่สุดคือของที่ระลึกจากโรงแรม ที่เป็นกระติ๊บข้าวเหนียว ตะกร้าสานและไซดักปลาอันเล็กๆ บอกเลยว่ามันน่ารักและสื่อถึงความเป็นลาวได้ดีเลยทีเดียว
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ก็พร้อมที่จะออกตะลุยเมืองหลวงพระบางแล้วครับ ซึ่งสถานที่ที่ผมจะไปในวันนี้คือ พระธาตุพูสีและต่อด้วยเดินเล่นที่ตลาดมืด ส่วนยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางในเมืองหลวงพระบางวันนี้ก็คือ จักรยานไม้ไผ่หนึ่งเดียวในหลวงพระบางนั่นเองครับ
ปั่นจักรยานไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงทางขึ้นพระธาตุพูสี (อยู่ตรงข้ามหอพระบาง) หรือจุดสังเกตง่ายๆคือ จะเห็นพ่อค้า แม่ค้ามาตั้งแผงขายของในตลาดมืด ทางขึ้นจะอยู่ใกล้ๆตรงนั้นแหละครับ จากนั้นก็เดินตามบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ระยะทางก็ไม่ไกลมาก เดินพอได้เหงื่อครับ
เดินแป๊บเดียวก็ขึ้นมาถึงยอดพระธาตุพูสีแล้ว
คนมารอดูพระอาทิตย์ตกดินบนยอดพระธาตุพูสีเยอะมาก แต่น่าเสียดายวันนี้อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เลยไม่มีพระอาทิตย์ตกให้ดู ได้แต่ดูวิวเมืองหลวงพระบางที่มองจากยอดพระธาตุแทน ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน
นั่งพักชมวิวที่ยอดพระธาตุประมาณ 1 ชั่วโมง ผมก็ลงจากยอดเขามาด้านล่าง เพื่อจะมาเดินดูของที่ตลาดมืดและหาของกินด้วย บรรยากาศตลาดมืดยามค่ำคืนก็ตามภาพที่เห็นครับ
ร้านขายของในตลาดมืดส่วนใหญ่จะขายพวกสินค้าทำมือ ของที่ระลึกต่างๆ จำพวกผ้าซิ่น ผ้าพันคอ กระเป๋า เสื้อตราหลวงพระบาง เป็นต้น ส่วนราคาก็ต้องต่อรองกันตามความอัธยาศัยครับ เอาจริงๆแต่ละร้านราคาก็ไม่ต่างกันมาก
เดินรอบตลาดมืด 1 รอบ สำหรับวันแรกเป็นการสำรวจตลาดก่อน ฮ่าๆ เลยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาด้วย แต่ก็มีเล็งๆไว้เหมือนกัน เช่น เสื้อยืดหลวงพระบางที่ผ้านุ่มมาก ราคาแค่ตัวละ 130 บาทเองครับ
เดินตลาดมืดเสร็จก็ตระเวนหาของกินกันต่อ ซึ่งหลวงพระบางเป็นอีกหนึ่งเมืองที่อาหารมีความ
หลากหลาย มาดูกันว่ามีอะไรน่ากินบ้างครับ
ร้านส้มตำก็มีนะครับ (ร้านตำบักหุ่ง)
อันนี้เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ 10,000-15,000 กีบ
ร้านข้าวแกงแบบตักใส่ถุงก็มีนะครับ
ร้านขายน้ำผลไม้ปั่น ผมได้ลองกินหลายแบบ ที่ชอบที่สุดคือ น้ำมังคุดผสมมะนาวปั่น
ส่วนใครที่ชอบกิน coconut pancake หรือขนมครกมะพร้าวแบบบ้านเรา ก็มีเหมือนกัน รสชาติก็โอเคนะ ยิ่งร้านนี้แม่ค้านี่เป็นกันเองสุดๆครับ
และคืนนี้ผมมาจบลงที่ร้าน ซุปหม้อไฟหมาล่าครับ เราสามารถเลือกของที่เราชอบ ซึ่งมีให้เลือกหลายอย่าง เช่น เต้าหู้ ปูอัด ลูกชิ้น ผักต่างๆ ส่วนเส้นก็มีทั้งหมี่เหลือง เส้นบุก เลือกเสร็จก็ให้แม่ค้าต้มให้ เอาง่ายๆคล้ายสุกี้บ้านเรา แต่น้ำซุปเขาอร่อยและกลมกล่อมจริงๆ ส่วนน้ำจิ้มนี่ผมชอบที่สุดละ เพราะอร่อยจัดจ้านมากครับ (ร้านที่ผมกินอยู่ตรงฟุตบาททางเข้าตลาดมืด ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยวสีน้ำเงิน) พอกินเสร็จก็กลับโรงแรมครับ แยกย้ายกันพักผ่อน เพราะวันนี้เหนื่อยมามาก
วันที่ 2
วันนี้ตื่นสายหน่อย เพราะไม่มีอะไรต้องเร่งรีบ มาเมืองสายวัฒนธรรม ชีวิตเราต้อง Slow Down จริงไมฮ่ะ !!! หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มาทานอาหารเช้าของโรงแรม ซึ่งผมบอกเลยว่าประทับใจอาหารโรงแรมนี้มาก ถึงแม้ตัวเลือกจะไม่เยอะ แต่คุณภาพดีสุดๆไปเลย มีภาพตัวอย่างอาหารมื้อที่ผมกินมาให้ดูด้วยครับ อาจจะไม่ได้ถ่ายมาครบทุกอย่าง เอาแบบเน้นๆแล้วกันครับ
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย ก็ออกตระเวนเที่ยวเมืองหลวงพระบางกัน โดยจุดแรกที่ผมไปคือวัดเชียงทอง เดินจากโรงแรมที่พักแค่ 2 นาทีก็ถึงแล้วครับ
"วัดเชียงทอง" ถึงแม้จะเป็นวัดที่ไม่ใหญ่โตมาก แต่ก็เป็นวัดที่สวยงามและสำคัญที่สุดของเมืองหลวงพระบาง ซึ่งแสดงถึงสถาปัตยกรรมลาวได้อย่างสมบูรณ์แบบและยังได้รับการเปรียบเปรยว่า "เสมือนอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว"
ผนังด้านในพระอุโบสถบอกเล่าเรื่องราวต่างๆด้วยการปิดทองฉลุบนผนังพื้นสีดำอย่างปราณีต ดูขลังมากๆครับ
วิหารเล็กผนังสีชมพูด้านหลังโบสถ์ก็สวยงามไม่แพ้กัน มีลวดลายสวยงามบอกเล่าเรื่องราวต่างๆด้วยครับ
เสร็จจากวัดเชียงทอง ผมก็มาเอาจักรยานที่โรงแรม แล้วปั่นชมเมืองต่อไปเรื่อยๆ จริงๆที่หลวงพระบางมีวัดสวยๆให้ชมหลายที่ สำหรับใครที่มีเวลาเหลือก็แวะดูได้ครับ แต่ผมเเละเพื่อนจะพากันไปกินกาแฟที่ร้านกาแฟ Dao coffee โดยขี่จักรยานตามถนนเส้นหลัก เลยถนนตลาดมืดไป จะเจอสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ถามทางคนแถวนั้นต่อก็ได้ครับ
บรรยากาศภายในร้านก็ประมาณนี้ครับ
รสชาติกาแฟผมว่าก็เฉยๆนะครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่ากาแฟโอเคกว่าร้านโจม่าซะอีก และเมนูเด็ดของร้านนี้ที่ผมชอบมากๆ คือ ปอเปี๊ยะลาว น้ำจิ้มจะออกหวานๆหน่อย กินกับผักสดๆ เข้ากันดีมากเลยครับ
เสร็จจากร้าน Dao coffee ก็ขี่จักรยานกลับเข้ามาในเมือง เพื่อจะไปชมเฮือนมรดกโลกเชียงม่วนต่อ บรรยากาศสองฟากฝั่งถนนของหลวงพระบางก็ตามภาพด้านล่างเลยครับ
ถึงแล้วครับ "เฮือนมรดกโลกเชียงม่วน" ซึ่งได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกว่า เป็นเรือนไม้เก่าแกที่สุดในหลวงพระบาง และถือเป็นบ้านต้นแบบของลาวอย่างแท้จริงครับ
สามารถที่จะขึ้นมาด้านบนเฮือนเชียงม่วนได้นะครับ แต่ช่วงนี้เขาปิดปรับปรุงอยู่อาจจะไม่สะดวกมากนัก
[CR] [ Short Review ] รีวิวเที่ยวหลวงพระบางแบบ "ชิลล์ ชิลล์" 4 วัน 3 คืน
สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป วันนี้ผมจะมาขอแชร์ประสบการณ์เที่ยวเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง ประเทศลาวและยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ.2538 อีกด้วย
"หลวงพระบาง" เมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น อาคารบ้านเรือนยังคงความเป็นเอกลักษณ์ วัดวาอารามเก่าแก่มากมาย รวมถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้ผู้คนทั่วโลกหลั่งใหลมายังเมืองมรดกโลกแห่งนี้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมหลวงพระบางคือหนึ่งใน "World Destination"
ข้อมูลทั่วไปสำหรับทริปนี้
1 การเดินทาง = สายการบิน Air Asia (ดอนเมือง-หลวงพระบาง)
2 โรงแรม = โรงแรม Victoria Xiengthong Palace
3 สกุลเงิน = เงินกีบลาว, เงินบาทไทยและ US dollas
4 ประกันเดินทาง = ค่ายไหนก็ได้
5 อินเตอร์เน็ต = ซิมเน็ตลาวเทเลคอม ( LTC )
6 การเดินทางในหลวงพระบาง = จักรยาน
7 ส ของใช้จำเป็น = ร่ม, เสื้อกันฝน (หน้าฝน),แผนที่ (ส่วนมากโรงแรมมีแจก)
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับทริปนี้
1 พระธาตุภูสี
2 พระราชวังและหอพระบาง
3 วัดเชียงทอง
4 ตลาดมืดและตลาดเช้า
5 สะพานไม้ข้ามแม่น้ำคาน
6 เฮือนมรดกโลกเชียงม่วน
ผมเดินทางจากกรุงเทพฯ มาลงที่หลวงพระบางด้วยสายการบิน Air Asia ( FD 1030 )ใช้เวลาบินแค่ 1 ชั่วโมง 15 นาที ที่สำคัญบินตรงด้วย ถือว่าสะดวกสบายและเซฟเวลาได้เยอะพอสมควร ส่วนของสนามบินหลวงพระบางก็เป็นสนามบินขนาดเล็ก การผ่านช่อง ตม. จึงรวดเร็วทันใจดีครับ
ครั้งนี้ผมจองห้องพักที่โรงแรม Victoria Xiengthong Palace ( คืนละ2000 บาท ) ซึ่งมีบริการรถรับสั่งจากสนามบินด้วย ถือว่าสบายไป แต่ถ้าใครไม่มีรถมารับ ก็สามารถจ้างรถเข้าเมืองได้ ราคาประมาณ 40,000-50,000 กีบ แล้วแต่จะต่อรองกับคนขับได้
นั่งรถประมาณ 15 นาทีก็มาถึงโรงแรมที่พักแล้วครับ บอกเลยว่าประทับใจโรงแรมนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นความโอบอ้อมอารีของพนักงาน ความสวยงามและบรรยากาศที่ดีของโรงแรม ห้องพักสะอาดสะอ้าน อาหารเช้าที่มีคุณภาพ ยิ่งกว่านั้นยังตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโรงแรมบรรยากาศเงียบสงบครับ
บรรยากาศล๊อบบี้ของโรงแรม
โรงแรม Victoria Xiengthong Palace เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีสระว่ายน้ำด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะบรรยากาศที่สวยงามของโรงแรมพอทดแทนกันได้อยู่ครับ
ภายในห้องพักกว้างขวางและสะอาดสะอ้านดี ของใช้ในห้องน้ำเป็นยี่ห้อ L'Occitan ทั้งหมด แต่ที่ผมประทับใจที่สุดคือของที่ระลึกจากโรงแรม ที่เป็นกระติ๊บข้าวเหนียว ตะกร้าสานและไซดักปลาอันเล็กๆ บอกเลยว่ามันน่ารักและสื่อถึงความเป็นลาวได้ดีเลยทีเดียว
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ก็พร้อมที่จะออกตะลุยเมืองหลวงพระบางแล้วครับ ซึ่งสถานที่ที่ผมจะไปในวันนี้คือ พระธาตุพูสีและต่อด้วยเดินเล่นที่ตลาดมืด ส่วนยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางในเมืองหลวงพระบางวันนี้ก็คือ จักรยานไม้ไผ่หนึ่งเดียวในหลวงพระบางนั่นเองครับ
ปั่นจักรยานไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงทางขึ้นพระธาตุพูสี (อยู่ตรงข้ามหอพระบาง) หรือจุดสังเกตง่ายๆคือ จะเห็นพ่อค้า แม่ค้ามาตั้งแผงขายของในตลาดมืด ทางขึ้นจะอยู่ใกล้ๆตรงนั้นแหละครับ จากนั้นก็เดินตามบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ระยะทางก็ไม่ไกลมาก เดินพอได้เหงื่อครับ
เดินแป๊บเดียวก็ขึ้นมาถึงยอดพระธาตุพูสีแล้ว
คนมารอดูพระอาทิตย์ตกดินบนยอดพระธาตุพูสีเยอะมาก แต่น่าเสียดายวันนี้อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เลยไม่มีพระอาทิตย์ตกให้ดู ได้แต่ดูวิวเมืองหลวงพระบางที่มองจากยอดพระธาตุแทน ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน
นั่งพักชมวิวที่ยอดพระธาตุประมาณ 1 ชั่วโมง ผมก็ลงจากยอดเขามาด้านล่าง เพื่อจะมาเดินดูของที่ตลาดมืดและหาของกินด้วย บรรยากาศตลาดมืดยามค่ำคืนก็ตามภาพที่เห็นครับ
ร้านขายของในตลาดมืดส่วนใหญ่จะขายพวกสินค้าทำมือ ของที่ระลึกต่างๆ จำพวกผ้าซิ่น ผ้าพันคอ กระเป๋า เสื้อตราหลวงพระบาง เป็นต้น ส่วนราคาก็ต้องต่อรองกันตามความอัธยาศัยครับ เอาจริงๆแต่ละร้านราคาก็ไม่ต่างกันมาก
เดินรอบตลาดมืด 1 รอบ สำหรับวันแรกเป็นการสำรวจตลาดก่อน ฮ่าๆ เลยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาด้วย แต่ก็มีเล็งๆไว้เหมือนกัน เช่น เสื้อยืดหลวงพระบางที่ผ้านุ่มมาก ราคาแค่ตัวละ 130 บาทเองครับ
เดินตลาดมืดเสร็จก็ตระเวนหาของกินกันต่อ ซึ่งหลวงพระบางเป็นอีกหนึ่งเมืองที่อาหารมีความ
หลากหลาย มาดูกันว่ามีอะไรน่ากินบ้างครับ
ร้านส้มตำก็มีนะครับ (ร้านตำบักหุ่ง)
อันนี้เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ 10,000-15,000 กีบ
ร้านข้าวแกงแบบตักใส่ถุงก็มีนะครับ
ร้านขายน้ำผลไม้ปั่น ผมได้ลองกินหลายแบบ ที่ชอบที่สุดคือ น้ำมังคุดผสมมะนาวปั่น
ส่วนใครที่ชอบกิน coconut pancake หรือขนมครกมะพร้าวแบบบ้านเรา ก็มีเหมือนกัน รสชาติก็โอเคนะ ยิ่งร้านนี้แม่ค้านี่เป็นกันเองสุดๆครับ
และคืนนี้ผมมาจบลงที่ร้าน ซุปหม้อไฟหมาล่าครับ เราสามารถเลือกของที่เราชอบ ซึ่งมีให้เลือกหลายอย่าง เช่น เต้าหู้ ปูอัด ลูกชิ้น ผักต่างๆ ส่วนเส้นก็มีทั้งหมี่เหลือง เส้นบุก เลือกเสร็จก็ให้แม่ค้าต้มให้ เอาง่ายๆคล้ายสุกี้บ้านเรา แต่น้ำซุปเขาอร่อยและกลมกล่อมจริงๆ ส่วนน้ำจิ้มนี่ผมชอบที่สุดละ เพราะอร่อยจัดจ้านมากครับ (ร้านที่ผมกินอยู่ตรงฟุตบาททางเข้าตลาดมืด ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยวสีน้ำเงิน) พอกินเสร็จก็กลับโรงแรมครับ แยกย้ายกันพักผ่อน เพราะวันนี้เหนื่อยมามาก
วันที่ 2
วันนี้ตื่นสายหน่อย เพราะไม่มีอะไรต้องเร่งรีบ มาเมืองสายวัฒนธรรม ชีวิตเราต้อง Slow Down จริงไมฮ่ะ !!! หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มาทานอาหารเช้าของโรงแรม ซึ่งผมบอกเลยว่าประทับใจอาหารโรงแรมนี้มาก ถึงแม้ตัวเลือกจะไม่เยอะ แต่คุณภาพดีสุดๆไปเลย มีภาพตัวอย่างอาหารมื้อที่ผมกินมาให้ดูด้วยครับ อาจจะไม่ได้ถ่ายมาครบทุกอย่าง เอาแบบเน้นๆแล้วกันครับ
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย ก็ออกตระเวนเที่ยวเมืองหลวงพระบางกัน โดยจุดแรกที่ผมไปคือวัดเชียงทอง เดินจากโรงแรมที่พักแค่ 2 นาทีก็ถึงแล้วครับ
"วัดเชียงทอง" ถึงแม้จะเป็นวัดที่ไม่ใหญ่โตมาก แต่ก็เป็นวัดที่สวยงามและสำคัญที่สุดของเมืองหลวงพระบาง ซึ่งแสดงถึงสถาปัตยกรรมลาวได้อย่างสมบูรณ์แบบและยังได้รับการเปรียบเปรยว่า "เสมือนอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว"
ผนังด้านในพระอุโบสถบอกเล่าเรื่องราวต่างๆด้วยการปิดทองฉลุบนผนังพื้นสีดำอย่างปราณีต ดูขลังมากๆครับ
วิหารเล็กผนังสีชมพูด้านหลังโบสถ์ก็สวยงามไม่แพ้กัน มีลวดลายสวยงามบอกเล่าเรื่องราวต่างๆด้วยครับ
เสร็จจากวัดเชียงทอง ผมก็มาเอาจักรยานที่โรงแรม แล้วปั่นชมเมืองต่อไปเรื่อยๆ จริงๆที่หลวงพระบางมีวัดสวยๆให้ชมหลายที่ สำหรับใครที่มีเวลาเหลือก็แวะดูได้ครับ แต่ผมเเละเพื่อนจะพากันไปกินกาแฟที่ร้านกาแฟ Dao coffee โดยขี่จักรยานตามถนนเส้นหลัก เลยถนนตลาดมืดไป จะเจอสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ถามทางคนแถวนั้นต่อก็ได้ครับ
บรรยากาศภายในร้านก็ประมาณนี้ครับ
รสชาติกาแฟผมว่าก็เฉยๆนะครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่ากาแฟโอเคกว่าร้านโจม่าซะอีก และเมนูเด็ดของร้านนี้ที่ผมชอบมากๆ คือ ปอเปี๊ยะลาว น้ำจิ้มจะออกหวานๆหน่อย กินกับผักสดๆ เข้ากันดีมากเลยครับ
เสร็จจากร้าน Dao coffee ก็ขี่จักรยานกลับเข้ามาในเมือง เพื่อจะไปชมเฮือนมรดกโลกเชียงม่วนต่อ บรรยากาศสองฟากฝั่งถนนของหลวงพระบางก็ตามภาพด้านล่างเลยครับ
ถึงแล้วครับ "เฮือนมรดกโลกเชียงม่วน" ซึ่งได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกว่า เป็นเรือนไม้เก่าแกที่สุดในหลวงพระบาง และถือเป็นบ้านต้นแบบของลาวอย่างแท้จริงครับ
สามารถที่จะขึ้นมาด้านบนเฮือนเชียงม่วนได้นะครับ แต่ช่วงนี้เขาปิดปรับปรุงอยู่อาจจะไม่สะดวกมากนัก