ชูวิทย์ I'm No.5
ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว
คนไทยไม่ชอบเปิดหน้าต่อสู้กันซึ่งๆหน้า แต่ถนัดใช้วาระซ่อนเร้น เล่นใต้โต๊ะ สวมหน้ากาก
สมัยสุเทพ อาศัยจังหวะรัฐบาลยิ่งลักษณ์สะดุดขาตัวเองเรื่องนิรโทษกรรม รีบออกมาอ้างตัวเป็นคนรักชาติ สร้างฝันปฏิรูป แต่ใช้วิธีล้มการเลือกตั้ง เรียกหาทหารไม่เว้นแต่ละวัน เพราะความต้องการแท้จริงภายใต้หน้ากากรักชาติคือ อำนาจที่ฉ้อฉล ทำให้ประเทศพิกลพิการมาจนถึงบัดนี้ คนต่างชาติต่างบ้านต่างเมืองยังไม่เข้าใจว่า ประเทศไทยจะเอายังไงกันแน่?
พุทธะอิสระก็ใช้แนวทางเดียวกัน เอาธรรมกายมาเป็นเครื่องมือ ใช้ความรักศาสนาเป็นฉากบังหน้า ลวงคำถามถึงสังคมเรื่องความถูกต้อง แต่แท้จริงแล้วใฝ่ฝันถึงอำนาจฝ่ายสงฆ์ของมหาเถรสมาคม
เครือข่ายขาประจำก็ออกมาเล่นบท “พระชง ฆราวาสตบ” ไพบูลย์-เจิมศักดิ์ ที่ได้ดิบได้ดีร่วมกันมาจากครั้งเวที กปปส. ถึงขณะนี้จะตั้งตนเป็นคนปฏิรูปวงการศาสนา ทั้งที่สังคมคนเป็นกลางรู้ดีว่า หากจะเฟ้นหา “คนกลาง” มาปฏิรูป คงไม่มีชื่อสองคนนี้อยู่ในสารบบ
สุเทพอ้างรักชาติจนได้ดี วันนี้โกนหัวเข้าวัด ส่วนพุทธะอิสระอ้างรักศาสนาจนเหงื่อเปียกสบง จะปฏิรูปวงการสงฆ์ลามไปถึงมหาเถรสมาคม ทั้งๆที่นับพรรษาแล้วเป็นได้แค่สมภารปลายแถว เร่ร่อนไถเงินเข้าย่ามอยู่ตามโรงแรม ไปบังอาจเทียบชั้นกับสมเด็จวัดปากน้ำที่ประชาชนเข้าคิวรอทอดกฐินยาวเป็นร้อยปี
หวังจะยิงนัดเดียวได้สองต่อ เบื้องหน้าอ้างชาติ อ้างศาสนา แต่เบื้องหลังอยากได้อำนาจมาครอบครอง
เรื่องของเรื่องก็มีแค่นี้เอง
ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว
ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว
คนไทยไม่ชอบเปิดหน้าต่อสู้กันซึ่งๆหน้า แต่ถนัดใช้วาระซ่อนเร้น เล่นใต้โต๊ะ สวมหน้ากาก
สมัยสุเทพ อาศัยจังหวะรัฐบาลยิ่งลักษณ์สะดุดขาตัวเองเรื่องนิรโทษกรรม รีบออกมาอ้างตัวเป็นคนรักชาติ สร้างฝันปฏิรูป แต่ใช้วิธีล้มการเลือกตั้ง เรียกหาทหารไม่เว้นแต่ละวัน เพราะความต้องการแท้จริงภายใต้หน้ากากรักชาติคือ อำนาจที่ฉ้อฉล ทำให้ประเทศพิกลพิการมาจนถึงบัดนี้ คนต่างชาติต่างบ้านต่างเมืองยังไม่เข้าใจว่า ประเทศไทยจะเอายังไงกันแน่?
พุทธะอิสระก็ใช้แนวทางเดียวกัน เอาธรรมกายมาเป็นเครื่องมือ ใช้ความรักศาสนาเป็นฉากบังหน้า ลวงคำถามถึงสังคมเรื่องความถูกต้อง แต่แท้จริงแล้วใฝ่ฝันถึงอำนาจฝ่ายสงฆ์ของมหาเถรสมาคม
เครือข่ายขาประจำก็ออกมาเล่นบท “พระชง ฆราวาสตบ” ไพบูลย์-เจิมศักดิ์ ที่ได้ดิบได้ดีร่วมกันมาจากครั้งเวที กปปส. ถึงขณะนี้จะตั้งตนเป็นคนปฏิรูปวงการศาสนา ทั้งที่สังคมคนเป็นกลางรู้ดีว่า หากจะเฟ้นหา “คนกลาง” มาปฏิรูป คงไม่มีชื่อสองคนนี้อยู่ในสารบบ
สุเทพอ้างรักชาติจนได้ดี วันนี้โกนหัวเข้าวัด ส่วนพุทธะอิสระอ้างรักศาสนาจนเหงื่อเปียกสบง จะปฏิรูปวงการสงฆ์ลามไปถึงมหาเถรสมาคม ทั้งๆที่นับพรรษาแล้วเป็นได้แค่สมภารปลายแถว เร่ร่อนไถเงินเข้าย่ามอยู่ตามโรงแรม ไปบังอาจเทียบชั้นกับสมเด็จวัดปากน้ำที่ประชาชนเข้าคิวรอทอดกฐินยาวเป็นร้อยปี
หวังจะยิงนัดเดียวได้สองต่อ เบื้องหน้าอ้างชาติ อ้างศาสนา แต่เบื้องหลังอยากได้อำนาจมาครอบครอง
เรื่องของเรื่องก็มีแค่นี้เอง